บทที่ 119 เด็กๆถูกจับตัวไป
“แม่ง”
ลี่โม่อวี่ได้ยินคำถามของนักข่าวที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อดไม่ได้สบถหยาบคายออกมา
ตอนนี้เขาถูกนักข่าวห้อมล้อม เข้าไปก็ไม่ได้ ถอยก็ไม่ได้ ลงมือกับนักข่าวพวกนี้ก็ไม่ได้อีก ใบหน้าของเขาโกรธจนหน้าดำหน้าแดง
ฉินอีหลินได้ยินเสียงดังอยู่ด้านนอกตั้งนานแล้ว จึงพาเด็กๆไปส่งหาอานหน้า เธอปืนอยู่ระเบียงหน้าต่างมองลงไป
ฉินอีหลินเอามือท้าวแก้มมองลี่โม่อวี่ที่โดนล้อมอยู่เงียบๆ
ใบหน้าของเราดูรีบร้อน คล้ายกับมีเรื่องอะไรเกิดขื้น แต่ไม่ว่ายังไง เขาก็ยังคงดึงดูดคนได้เป็นอย่างดี
ผมสีดำมันวาวอยู่ภายใต้แสงสีทอง ดวงตามีร่องรอยและค่อยๆเลือนรางไปตามระยะเวลา สายตาเย็นชากวาดมองนักข่าวที่อยู่บริเวณนั้น ริมฝีปากเม้มแน่น
คล้ายราชสีห์ดื้อรั้น หยิ่งยโส งามสง่า
ทันใดนั้น คล้ายกับลี่โม่อวี่มองเห็นฉินอีหลิน ดวงตาคู่คมมองตรงมายังทิศที่เธออยู่
ฉินอีหลินถูกค้นพบกระทันหัน เธอลุกลี้ลุกลน กระทั้งมือและเท้าก็ไม่รู้จะเอาไปวางไว้ที่ไหน
“ฉิน คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
อ้ายหลุนเห็นว่าฉินอีหลินแปลกไป จึงรีบวิ่งเข้าไปถาม
“ฉันไม่เป็นไร”
ฉินอีหลินยิ้มเฝื่อนพร้อมส่ายหัว เธอลืมไปแล้ว หน้าต่างบานนี้มองออกไปข้างนอกไป มองจากด้านนอกเข้ามาไม่ได้
“ไม่มีอะไรจะพูด”
ลี่โม่อวี่เอ่ยซ้ำๆประโยคนี้ไม่หยุด แต่รู้สึกว่าด้านบนมีสายตาที่คุ้นเคยจับจ้องอยู่ เขากวาดตามองไปยังบ้านตระกูลหลง แต่หน้าต่างนั้นมืดมัว มองอะไรไม่ชัดเจน
แต่ลี่โม่อวี่ก็จ้องมองอยู่ที่หน้าต่างบานหนึ่ง เขารู้สึกว่าฉินอีหลินอยู่ด้านหลังนั้น
เพียงแต่ไม่รู้ว่า อ้ายหลุนจะอยู่ข้างๆเธอหรือเปล่า
หลงอี้เซวียนขับรถเร็วขึ้นเรื่อยๆ ตลอดทางบีบแตรไม่หยุด ครั้งนี้ออกไปทำงานนอกสถานที่ตั้งหลายวัน เมื่อวานพอกลับมาถึงเมืองกั่งซื่อขนาดบ้านก็ยังไม่ทันได้กลับ จัดการเอกสารอยู่ที่บริษัท อดนอนมาทั้งคืนดวงตาของหลงอี้เซวียนเต็มไปด้วยเส้นเลือด เขาขับรถอย่างรวดเร็ว อยากรีบกลับบ้านไปอาบน้ำนอน
แต่ยังขับไม่ทันถึงประตูบ้าน เขาพบว่าหน้าบ้านของเขามีรถตู้จอดเต็มไปหมด สถานีโทรทัศน์ต่างๆ รถนักข่าวพวกนี้ทำให้เขารู้สึกว่ามีอะไรไม่ปกติ แต่เพราะไม่ได้อยู่บ้านเป็นเวลานาน เขาจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่ง่ายเลยกว่าจะพารถเข้ามาในบ้านได้ เขาพลันมองเห็นว่าตรงหน้ามีกลุ่มนักข่าวล้อมใครคนหนึ่งอยู่ เพราะกลุ่มคน ทำให้เขามองไม่ชัดว่าเป็นใคร แต่อยู่ที่ประตูบ้านเขา คนโง่ยังรู้เลยว่าเกี่ยวข้องกับตระกูลหลง
ไม่กล้าลังเลอีก หลงอี้เซวียนปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วลงจากรถ
“พวกคุณบ้าไปแล้วหรอ มาออกันที่หน้าบ้านผมทำไม ถ้าจะสัมภาษณ์ก็ออกไป”
หลงอี้เซวียนไปพูดยังดีกว่า เมื่อเอ่ยปากแล้วใครๆก็รู้ว่าเขาคือคุณชายของตระกูลหลง หลงอี้เซวียน ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทTOTEM
“คุณหลง ไม่ทราบว่าพี่สาวของคุณจะเลือกประธานลี่แห่ง บริษัทลี่ซื่อหรือว่านักแสดงดังฮอลลีวูดอย่างอ้ายหลุนคะ”
“คุณหลง ไม่ทราบว่าคุณหนูและคุณชายน้อยตระกูลหลงจะรับได้ไหมหากแม่แต่งงานอีกครั้ง”
“เมื่อวานพี่สาวของคุณกับอ้ายหลุนพาเด็กๆไปเที่ยวสวนสนุก นี่เป็นท่าทีที่ตระกูลหลงมีต่อเขาใช่ไหมคะ?”
“พวกคุณหนวกหูไหม พวกคุณไม่นอน แต่ผมยังต้องนอนนะ”
ช่วงนี้หลงอี้เซวียนพักผ่อนไม่เพียงพอ ตอนนี้ยังมาถูกกลุ่มคนห้อมล้อม อารมณ์ของเขาไม่ดีเป็นพิเศษ
ในตอนนั้นเองที่กลุ่มนักข่าวหลบทางให้ หลงอี้เซวียนและลี่โม่อวี่ได้สบตากัน
ชายหนุ่มที่ไม่ได้พักผ่อนชะงักเล็กน้อย “คุณมาบ้านผมทำไม”
ลี่โม่อวี่เม้มปากแน่นไม่ได้พูดอะไร เขาบอกไม่ได้ ว่าเพราะโทรศัพท์ของฉินอีหลินอยู่ในมือของอ้ายหลุน จึงวิ่งแจ้นมาโดยไม่ได้สนอะไร
“คุณหลง อยากทราบว่า คุณไม่พอใจ “พี่เขยเก่า” ของคุณหรอคะ ก่อนหน้านี้พวกคุณยังเคยลงมือกันด้วย”
“คุณลี่ ตามแหล่งข้อมูลบอกว่าพวกคุณไม่ได้ลงมือกันแค่ครั้งเดียว เป็นความจริงไหมคะ”
“ไม่มีอะไรต้องพูด”
ลี่โม่อวี่สามบาน ตั้งแต่รู้จักฉินอีหลิน นี่เป็นคำพูดที่เขาพูดบ่อยที่สุด
ฉินอีหลินเห็นรถของน้องชายตนเองวิ่งเข้าประตูมาก็รู้สึกว่าไม่ปกติ เธอยังคาดหวังให้หลงอี้เซวียนเห็นสถานการณ์ไม่ปกติแล้วกลับรถหนีไป แต่เธอก็รู้ ถ้าทำแบบนั้น ก็คงไม่ใช่หลงอี้เซวียนที่เธอรู้จักสิ
“คุณน้าก็ถูกคนพวกนั้นล้อมแล้ว”
หลงจิ่นเซวียนวิ่งเข้ามาดึงมือฉินอีหลิน เงยใบหน้าเล็กขึ้นพร้อมบอก
“เหมือนคุณลุงลี่จะต่อยกับคุณน้าแล้ว พวกเราไปช่วยคุณน้าได้ไหมครับ”
หลงหมิงเจ๋อดึงมือฉินอีหลิน บอกอย่างกระสับกระส่าย
อานหน้าได้ยินก็มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นได้ชัดว่าหลงอี้เซวียนมองลี่โม่อวี่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“รีบพาสองคนนั้นเข้ามาในบ้าน อย่าเพิ่มหัวข้อให้คนอื่นอยู่ด้านนอก”
อานหน้าขมวดคิ้ว ถ้าหลงอี้เซวียนก็โดนล้อม เธอจะเป็นเพียงผู้ชมไม่ได้แล้ว
ฉินอีหลินนิ่งเงียบไปสักพัก จึงเดินอ้อมทุกคน เปิดประตูใหญ่ออกช้าๆ
เธอสาบานเลยว่า ตั้งแต่รู้จักผู้ชายพวกนี้ เธอไม่เคยได้หยุดพักเลยสักวัน
“รอก่อน ฉิน ผมจะไปกับคุณ”
อ้ายหลุนไม่มีทางยอมให้ฉินอีหลินต้องเจอกับลี่โม่อวี่เพียงลำพัง เกิดชายคนนั้นพูดอะไรขึ้นมาทำให้หัวข้อขยายใหญ่ขึ้น งั้นข่าวของเขาก็ไม่มีใครเชื่อแล้วสิ
อ้ายหลุนเดินออกไปพร้อมฉินอีหลิน แต่เขาพึ่งเดินมาถึงสวน ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูด ก็ถูกกลุ่มนักข่าวล้อมเอาไว้
“คุณฉิน ไม่ทราบว่าคุณอยู่บ้านเดียวกันกับอ้ายหลุนแล้วหรอคะ”
“อ้ายหลุน คุณไม่รังเกียจที่คุณฉินมีลูกแล้วตั้งสองคนหรอคะ”
ฉินอีหลินถูกถามจนปวดหัว เธอมองไปที่ลี่โม่อวี่ ทว่าลี่โม่อวี่ก็กำลังมองมาที่เธอ คล้ายกับกำลังรอคำตอบของเธอ
อีหลิน คุณอยู่ร่วมห้องกับอ้ายหลุนแล้วหรอ ผมไม่มีโอกาสแล้วหรอ
อานหน้าพาเด็กๆมายืนมองสถานการณ์ด้านล่างอยู่ริมระเบียงอย่างกดดัน ทว่าไม่ทันสังเกตว่ามีชายชุดดำสองคนกำลังเข้าใกล้พวกเขา
อานหน้ามองแล้วปวดหัว กำลังจะหมุนตัวกลับไป ทว่าเห็นว่าด้านหลังเป็นคนแปลกหน้า เธอรีบพาเด็กๆมาซ่อนอยู่ด้านหลัง “พวกแกเป็น……”
ลำคอเจ็บขึ้นมารุนแรง ต่อมาเธอหมดสติไป
“คุณยาย…..อื้อ….”
เด็กทั้งสองกำลังจะร้องออกมาด้วยความกลัว แต่สองคนนั้นก็ใช้ผ้าปิดปากเด็กๆเอาไว้ แล้วอุ้มออกไป
“ไม่มีอะไรจะพูด”
ฉินอีหลินโกรธแล้วจริงๆ เธอติดพันอยู่กับพวกเขามาครึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว แต่คนพวกนั้นไม่มีทีท่าจะยอมให้เธอเข้าบ้าน
“อีหลิน อีหลิน”
กำลังโมโห เธอพลันได้ยินเสียงตระหนกของแม่ตัวเอง ต่อมา เธอเห็นอานหน้าวิ่งโซเซมาทางพวกเขา ลำคอบวมแดง สีหน้าเธอเคร่งเครียด ตามสัญชาตญาณของผู้หญิง เธอไม่อยากได้ยินสิ่งที่อานหน้าจะบอก
แต่ไม่ว่าในใจเธอจะหวาดกลัวยังไง อานหน้ายังคงวิ่งเข้ามาพร้อมตะโกนบอก
“เด็กๆถูกจับตัวไปแล้ว”