บทที่ 122 คุณเป็นบ้ารึไง
“ปล่อย ฉันจะไปหาชิวหันเยียน”
ภายในบ้าน ฉินอีหลินกำลังต่อต้าน ทุกคนต่างไม่อยากให้ฉินอีหลินออกไปค่ำขนาดนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นแล้วจะทำยังไง
“เสี่ยวเซวียน นายพาบอดี้การ์ดตามไปด้วย”
อานหน้าได้ยินเสียงดังอยู่ด้านนอก รู้สึกปวดขมับ จึงตะโกนผ่านประตูออกไป
“แต่ว่า แม่ครับ…….”
หลงอี้เซวียนๆได้ยินที่แม่ตัวเองบอกหันไปตอบโต้อย่างตกใจ แต่ยังไม่ทันได้พูดจบ ก็ถูกอานหน้าขัดขึ้น
“พี่แกอยากทำอะไรมีใครห้ามได้ แทนที่จะให้เธอแอบหนีออกไป ไม่สู้กับอยู่ในสายตาของเรา จะได้ไม่ต้องมาคอยระแวงอกสั่นขวัญแขวน”
แม้อานหน้าจะไม่ได้เลี้ยงฉินอีหลินมา แต่ยังไงก็เป็นลูกสาวของเธอ เธอเข้าใจนิสัยของหล่อนดีที่สุด
“ขอบคุณค่ะแม่”
ฉินอีหลินกัดริมฝีปากลาก นานทีเดียวค่อยเอ่ยประโยคนั้นออกมา
“ผมจะไปกับคุณ”
ลี่โม่อวี่เห็นว่าถึงขั้น “แม่ยาย” ของเขาออกออกคำสั่งแล้ว จะพูดอะไรมากไม่ได้ จึงรีบแสดงเจตนา บ่งบอกว่ายังไงเขาก็จะไปด้วย
อ้ายหลุนมองสถานการณ์ตรงหน้าแล้วเห็นว่ายังไงคนตรงหน้าก็จะไป จึงรับเอ่ย “ฉิน ผมก็จะไป”
“คุณจะสวมแว่นกันแดดกับหน้ากากไปกับพวกเราหรอ”
ลี่โม่อวี่มองอ้ายหลุนตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วย้อนจากเท้าขึ้นมาอีกรอบ น้ำเสียงดูถูก
“อ้ายหลุน ถ้าคุณไปคงจะไม่สะดวก”
ฉินอีหลินก็มองอ้ายหลุนเช่นเดียวกัน ชั่วครู่ค่อยเอ่ยออกมาอย่างลำบากใจ
“ก็คือ คุณเป็นนักแสดงมีชื่อเสียง เที่ยวออกไปในเมืองอย่างงี้ แบบนี้ไม่ใช่จะทำให้พวกเราลำบากเพิ่มขึ้นหรือไง”
ลี่โม่อวี่เห็นว่าฉินอีหลินก็เห็นด้วยกับคำพูดของตัวเอง ยิ่งลำพองใจ เขามองอ้ายหลุนที่อยู่ตรงหน้าอย่างยั่วยุ แย่งผู้หญิงกับเขา ก็ไม่ดูว่าเมืองกั่งซื่อเป็นถิ่นของใคร
“อ้ายหลุน เธออยู่คุยเป็นเพื่อนป้าเถอะ ป้าอยู่บ้านคนเดียวคงจะคิดไปต่างๆนานา”
อานหน้ามองสีหน้าของลี่โม่อวี่ กลัวว่าอ้ายหลุนจะคิดมาก จึงเดินเข้ามาบอก ใจของเธอยังเอนเอียงมาทางอ้ายหลุนอยู่ ตอนนี้จึงไม่ยินยอมให้เขาเสียเปรียบ
“ครับ ผมจะอยู่”
อ้ายหลุนฝืนยิ้ม บอกกับอานหน้า เขาก็รู้ ไม่ว่าเขาจะปรากฏตัวอยู่ที่ไหนล้วนทำให้ทุกคนตกใจแตกตื่น ตอนนี้หากดื้อรั้นไปกับฉินอีหลิน คงจะทำให้วุ่นวาย เมื่อครู่เป็นเขาเองที่คิดไม่รอบคอบ
ลี่โม่อวี่ได้ยินดังนั้นมุมปากจึงยกขึ้นเล็กน้อย ได้ยินคำตอบที่น่าพอใจ เขาทำท่าทางเป็นสัญลักษณ์ไปยังด้านนอก บอดี้การ์ดสองคนที่สั่งให้ติดตามฉินอีหลินก็เดินตามกันเข้ามา
“พวกเขามีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้คุณ อีกสักพักคุณห้ามอยู่ห่างจากพวกเขา”
“ทำไม ทำแบบนี้กำลังดูถูกตระกูลหลงของเราหรอ”
หลงอี้เซวียนได้ยินมานานแล้วว่าลี่โม่อวี่สั่งบอดี้การ์ดติดตามฉินอีหลินสองคน แต่สองคนนั้นพรางตัวดีเกินไป เขาไม่เคยเจอ ตอนนี้เห็นคนคนนี้ “โอ้อวด” อยู่ตรงหน้า จึงรู้สึกโกรธเคืองขึ้นมา
“พอแล้ว”
อานหน้าใช้สายตาสำรวจบอดี้การ์ดทั้งสอง กลิ่นอายความโหดร้ายที่ถูกส่งออกมาจากคนทั้งสองทำให้เธอรู้ว่า พวกเขาไม่ใช่บอดี้การ์ดธรรมดาทั่วไปแน่นอน หัวใจของเธอจึงอบอุ่นขึ้นมา
“มีเวลามาโต้เถียงกันแบบนี้ พวกเธอก็รีบไปเถอะ อ้ายหลุน กลับไปกับป้า”
เอ่ยจบ อานหน้าก็ไม่มองกลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หมุนตัวเดินเข้าไปในบ้าน อ้ายหลุนมองฉินอีหลินอีกครั้งแล้วจึงเดินตามเข้าไป
ฉินอีหลินก็ไม่เสียเวลาอีก เดินตรงขึ้นรถแล้วไปหาชิวหันเยียน
“คุณลี่”
“คลับเพลย์บอย” ยังคงดูฟุ่มเฟยเช่นเคย ลี่โม่อวี่พากลุ่มคนเข้ามาอย่างไม่มีอะไรขวางกั้น
“นี่เป็นส่วนหนึ่งของผม”
ลี่โม่อวี่คล้ายกับคลายความสงสัยให้ฉินอีหลิน เอ่ยบอก
หลงอี้เซวียนเบะปากอยู่ข้างๆ กลอกตา
“โม่อวี่”
เดิมชิวหันเยียนกำลังตรวจสอบรายรับของร้าน ตอนนี้ประตูถูกเปิดออกกะทันหัน เธอกำลังจะโวยวาย พลันมองเห็นลี่โม่อวี่ยืนอยู่หน้าประตู
ใบหน้าของชิวหันเยียนแสดงออกถึงความดีใจ กำลังจะเดินเข้าไป เธอก็มองเห็นฉินอีหลินที่ยืนอยู่ด้านหลัง
คิ้วสวยเลิกสูง เธอค่อยๆลุกขึ้นยืน “วันนี้ลมอะไรพัดมา ถึงมีคนมาเยอะขนาดนี้”
“ลูกของฉันล่ะ”
ฉินอีหลินไม่อยากไร้สาระกับผู้หญิงคนนี้ จึงเอ่ยถามตรงๆ
ชิวหันเยียนแปลกใจเล็กน้อย เธอสำรวจคนไม่กี่คนตรงหน้า สังเกตเห็นว่าพวกเขาต่างมีทีท่าร้อนใจ ก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
“ลูกของคุณ? ลูกของคุณอยู่ที่ไหนฉันจะไปรู้ได้ยังไง ลูกหายก็ต้องไปหาตำรวจสิ มาโวยวายกับฉันที่นี่ทำไม”
“อย่าพูดมาก”
หลงอี้เซวียนไม่ถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้มานานแล้ว ตอนนี้เขายิ่งร้อนใจอยู่ด้วย ยิ่งมาได้ยินเธอพูดจาไร้สาระอยู่ที่นี่ ในใจกลัดกลุ้ม น้ำเสียงแข็งขึ้นอย่างอดไม่ได้
“ชิวหันเยียน คุณย่ามาแสร้งโง่กับฉัน เรื่องที่คุณทำ คุณรู้อยู่แก่ใจ”
ฉินอีหลินขมวดคิ้วอย่างทนไม่ไหว เธอเกลียดความรู้สึกตอนนี้ เธอไม่เคยคิดถึงเด็กทั้งสองมากขนาดนี้มาก่อน
นึกถึงเมื่อก่อนที่ชิวหันเยียนเคยคุกคามเด็กๆ เธอจึงเสียดายอย่างมาก ถ้าเธอจัดการผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่แรก คงจะไม่เกิดเรื่องเหมือนตอนนี้ใช่ไหม
“ฉันรู้อะไร ฉันยังไม่ทันเข้าใจเลยด้วยซ้ำ พวกคุณก็พุ่งมาโวยวายจะเอาลูกคืนกับฉัน”
ชิวหันเยียนได้ยินแบบนั้นไม่โกรธกลับหัวเราะ คนพวกนี้บ้าไปแล้วจริงๆ เกิดเรื่องอะไรก็โยนมาให้เธอ
“เสี่ยวเซวียน จับเธอกลับไปสืบสวน”
ฉินอีหลินไม่ยอมต่อปากต่อคำกับเธออยู่ที่นี่ ยกมือส่งสัญญาณให้หลงอี้เซวียนลงมือ
“เธอบ้าไปแล้วหรือไง”
ชิวหันเยียนเห็นหลงอี้เซวียนทำมือส่งสัญญาณ กลุ่มบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังก็พุ่งเข้ามาจะจับตัวเธอ และลูกสมุนของเธอเพราะมีลี่โม่อวี่ จึงได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่กล้าลงมือ เป็นดั่งที่คิด ไม่ว่าใครก็รักษาผลประโยชน์ของตัวเอง พวกเขารู้ว่าหากช่วยเหลือเธอตอนนี้ก็ต้องเป็นศัตรูกับลี่โม่อวี่ ดังนั้นพวกเขาจึงยอมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าเข้ามาช่วย
“ลี่โม่อวี่ คุณอย่าลืมสิ พวกเราเป็นหุ้นส่วนกัน ถ้าฉันเป็นอะไรไปที่นี่ คนที่อยู่ข้างหลังฉันไม่อยู่เฉยๆแน่ เมืองกั่งซื่อสงบมาหลายปี เพราะผู้หญิงคนเดียว ยอมทำให้แก๊งวุ่นวายหรอ”
ชิวหันเยียนต่อสู้สุดชีวิต แต่เธอไม่ใช้คู่ต่อสู้ของกลุ่มบอดี้การ์ดเหล่านั้น ไม่นานเธอก็ถูกจับยึดเอาไว้ เห็นว่าดิ้นไม่หลุด ชิวหันเยียนหันไม่จ้องลี่โม่อวี่ด้วยความโกรธ หวังให้เขารู้จัก “หนักเบา”
ลี่โม่อวี่มองชิวหันเยียนที่กำลังดิ้นรนด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าดูถูกเหยียดหยามอย่างไม่ปิดบัง แค่โสเภณีคนหนึ่งยังกล้ามาท้าทายเขา ใช้ความสงบของแก๊งในเมืองกั่งซื่อมาข่มขู่เขา คิดว่าเขาเป็นเด็กใหม่พึ่งเข้าวงการมาหรือยังไง
เขายิ้มเย็น ดวงตาอันตรายหรี่แคบลง
ไม่มีใครที่กล้าทำร้ายฉินอีหลินแล้วจะยังคงมีชีวิตที่ดีอยู่
เขาไม่ยอม