บทที่ 130 อีกไม่นานเธอก็หัวเราะไม่ออกแล้ว
ในที่สุดชิวหันเยียนก็คำรามออกมา มุมปากของฉินอีหลินก็ค่อยๆยกยิ้ม
เธอใช้สายตาบ่งบอกให้ทุกคนหยุด ค่อยเดินเข้าไปใกล้ชิวหันเยียน โน้มตัวลงเล็กน้อย พูดยิ้มๆ “ความจริง เธอไม่ต้องพูดก็ได้ แบบนี้ร่างกายเธอไม่ทรมานหรอ”
พูดจบ มือข้างหนึ่งของเธอลูบผ่านผิวกายของชิวหันเยียนเบาๆ เหมือนที่หล่อนเคยทำกับตัวเองในตอนนั้น
ร่างกายและแก้มของชิวหันเยียนร้อนขึ้นมาไม่น้อย สายตาโกรธแค้นก็ปรากฏความต้องการออกมาชัดเจน แต่ชิวหันเยียนยังอดทนเอาไว้ เธอบอกอย่างใจเย็น “ฉินอีหลิน เธอมันโหดเหี้ยม”
เห็นว่าหล่อนมีท่าทีโกรธเกรี้ยว กัดฟันแน่นอยู่แบบนั้น ฉินอีหลินจึงหัวเราะอย่างมีความสุขมากขึ้น เธอลุกขึ้นยืนอีกครั้ง กลับสู่ท่าทีเคร่งขรึมเหมือนเดิมเอ่ยถาม “ทำไม คิดดีแล้วหรอ คิดดีแล้วก็พูดมาเองเถอะ”
ชิวหันเยียนขยับร่างกาย รู้สึกเพียงร่างกายทรมาน คล้ายกับมีหนอนนับล้านกำลังกัดกินผิวของเธอ ไม่ได้เจ็บปวด แต่เป็นเจ็บปวดร้อยเท่าพันเท่า เธอรู้ดี ถ้าเธอยังไม่ยอมเปิดปาก เธอก็คงจะสิ้นแล้วจริงๆ
ตอนนี้รอยยิ้มของฉินอีหลินทำให้เธอรู้สึกขัดตา เธอครางหึอยู่เบาๆ ค่อยบอก “ไม่นาน เธอก็จะยิ้มไม่ออกแล้ว ฉินอีหลิน”
ฉินอีหลินปิดปากเงียบ บ่งบอกว่ากำลังฟังอยู่
“เป้าหมายของพวกเขาก็คือเธอ คล้ายกับว่าจะเอาเลือดของเธอไปทำการทดลอง จะเอาไปทำอะไรฉันก็ไม่รู้หรอก ครั้งก็เป็นพวกเขาที่ติดต่อมาหาฉันเอง ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขา”
ใบหน้าของชิวหันเยียนหม่นลง บอกสถานการณ์ออกมาคร่าวๆ
ฉินอีหลินได้ฟัง อดไม่ได้นิ่งชะงัก เลือดของเธอหรอ
เธอนึกถึงตอนที่เธอคลอดลูกขึ้นมาทันที หมอก็บอกเช่นเดียวกันว่าเลือดของเธอสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ ให้เธอลองเสี่ยงคลอดลูกออกมา
ตอนนั้นเธอคิดว่าเธอลองเสี่ยงนั่นถูกแล้ว เด็กทั้งสองน่ารักขนาดนี้ เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเธอ
แต่เธอกลับไม่ได้รู้สึกว่าเลือดของเธอแปลกประหลาด ตอนนั้นหมอก็แค่คาดเดา อาจจะแค่ปลอบใจเธอกับอานหน้า ดังนั้นฉินอีหลินจึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
แต่ตอนนี้ชิวหันเยียนได้เอ่ยถึงมันอีกครั้ง เธอค่อยมาทบทวนถึงความพิเศษของเลือดตัวเอง
เธอมองแขนตัวเอง หลายวันมานี้ นอนหลับไม่สนิท เส้นเลือดก็ยังคงเห็นได้ชัด คล้ายกับไม่มีอะไรแปลกไป
“งั้นเธอรู้หรือเปล่าว่าต้องติดต่อพวกเขายังไง”
แม้ฉินอีหลินจะไม่รู้ถึงปัญหาของเลือดตัวเอง แต่เธอรู้แต่แรกแล้วว่าเป้าหมายของพวกเขาก็คือเธอ จุดนี้ชิวหันเยียนไม่ได้โกหก เวลานี้ สิ่งที่เธอกังวลก็คือที่อยู่ของลูก
เห็นว่าเธอร้อนรน ชิวหันเยียนก็แสดงออกถึงความพึงพอใจ ถ้าเป็นไปได้เธออยากจะปิดปากเงียบ เธอยิ้มเย็น พูดต่อ “ปกติมีแต่เจ้าของติดต่อฉันมาเอง ฉันไม่รู้หรอกว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน แต่เจ้าของคนนั้นเธอก็เคยเจอ ก็คือคนอ้วนคนนั้น เขาเป็นหัวหน้าแก๊ง เธอลองไปสืบหาดู”
เมื่อรู้ฐานะของคนอ้วนนั้นแล้ว ดวงตาของฉินอีหลินก็ทะมึนขึ้น ได้รับรู้ข้อมูลสำคัญแบบนี้ เธอไม่ลังเล สาวเท้าก้าวออกไป
ตอนนั้นเองที่ร่างกายของชิวหันเยียนเริ่มทรมาน นึกถึงว่าด้านนอกยังมีผู้ชายสายตาเป็นมันเหล่านั้น ชิวหันเยียนเริ่มหวาดกลัว ตะโกนตามหลังฉินอีหลิน “นี่ เธอจะไปแบบนี้หรอ”
ฉินอีหลินหันกลับมามองเธอเล็กน้อย เห็นว่าเธอถูกมัดอยู่ และก็รู้ว่าเธอกังวล มุมปากยกยิ้ม บอก “เธอวางใจเถอะ เดี๋ยวจะมีคนเข้ามาดูแลเธอ”
หลังจากนั้น จึงเดินตรงออกไป ไม่สนใจอีก
ชิวหันเยียนโกรธแทบกระอักเลือด ฉินอีหลินกำลังเล่นสนุกกับเธอ
แต่ถึงจะเผยฐานะของคนอ้วนนั้นแล้ว พวกเขาจะทำอะไรได้ ไม่แน่ว่าเด็กคงอยู่ในมือของแก๊ง K ไปแล้ว ถึงจะหาเจอ พวกเขาจะสู้ได้ยังไง
ลี่โม่อวี่และเห้อห้าวเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูตลอด หลังจากฉินอีหลินจัดการเสร็จแล้วจึงเดินออกมา อดถามไม่ได้ “เป็นยังไงบ้าง ชิวหันเยียนยอมแล้วหรอ”
ใบหน้าร้อนใจพยักหน้า แล้วยกมือขึ้นบอก ให้เดินไปคุยไป ต่อมาถึงถามถึงคนอ้วนคนนั้น
รู้ว่าฐานะที่แท้จริงของคนอ้วนคนนั้นเป็นคนในแก๊ง ลี่โม่อวี่ก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน ฉินอีหลินเห็นแบบนั้น จึงรีบถาม “ถ้าต้องเผชิญหน้ากับพวกเขา โอกาสชนะของคุณมีมากแค่ไหน”
ใครจะรู้ว่าลี่โม่อวี่กลับไม่ได้ใส่ใจ เห็นเธอถามแบบนั้น ใบหน้าแสดงถึงความลำพองใจขึ้นมา เขาเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ “คุณวางใจได้เลย ในเมืองกั่งซื่อแม่ต่อให้เจาะทะลุท้องฟ้า ผมก็ยังเป็นคนปกคลุม”
เห็นเขาโอ้อวดแบบนั้น ฉินอีหลินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ความตึงเครียดก็เริ่มคลายลง ภาวนาให้จิ่นเซวียนปลอดภัย
ทั้งสองคุยกันเสร็จแล้ว เห้อห้าวที่ร้อนใจจนทนไม่ได้แล้ว เมื่อสักครู่เขาเห็นคนพวกนั้นเข้าไป ใจเขานั้นหวาดกลัว ฉินอีหลินบ้ามากจริงๆ
เห็นว่าตอนนี้ทั้งสองไม่พูดอะไร จึงหาโอกาสเอ่ยถาม “พี่สะใภ้ ตอนนี้ชิวหันเยียนเป็นยังไงบ้างแล้ว”
ตอนนั้นเองฉินอีหลินพึ่งนึกได้ว่าชิวหันเยียนกำลังถูกฤทธิ์ยาโจมตี สิ่งนั้นเธอเคยสัมผัสมันมาด้วยตนเองแล้ว รู้ฤทธิ์ของยาดี ถ้ายังปล่อยไว้ต่อไป เกรงว่าจะอันตรายถึงชีวิต
“เธอกินยาเข้าไปแล้วตอนนี้น่าจะกำลังออกฤทธิ์ ตอนนี้คุณช่วยเข้าไปจัดการหน่อย เรายังมีอะไรต้องจัดการอีก”
ฉินอีหลินบอกสถานการณ์ของชิวหันเยียนไปคร่าวๆ ไม่คิดว่าเห้อห้าวจะหน้าถอดสี รีบร้อนเปิดประตูเข้าไป
ฉินอีหลินมองตามหลังเห้อห้าวอย่างตกใจ หลังจากนั้นหันมาถามลี่โม่อวี่ “พวกเขา……….”
แน่นอนว่าลี่โม่อวี่รู้ว่าฉินอีหลินอยากจะพูดอะไร พูดมาได้เพียงครึ่งเดียว ท่าทางยุ่งยากใจของลี่โม่อวี่ก็พยักหน้า
ครั้งนี้ ฉินอีหลินจึงนึกได้ขึ้นมาฉับพลัน ก่อนหน้านี้ทำไมเห้อห้าวถึงเป็นห่วงชิวหันเยียน ที่แท้ก็ชอบผู้หญิงคนนี้
เพียงแต่ว่า……ฉินอีหลินคล้ายกับไม่เคยได้ยินลี่โม่อวี่พูดถึงมาก่อน ดวงตากล่าวโทษลี่โม่อวี่ แอบโกรธที่เขาไม่เตือนคนข้างๆสักนิด ชิวหันเยียนคนนั้นเป็นคนยังไง ลี่โม่อวี่เข้าใจดีกว่าใคร
“เขาจะฟังชิวหันเยียนเกลี้ยกล่อม แล้วปล่อยเธอไปหรือเปล่า” พูดถึงตรงนี้ ฉินอีหลินจึงกังวลว่าเห้อห้าวจะปล่อยชิวหันเยียนไป
เรื่องนี้ ลี่โม่อวี่เองก็เคยคิด เขาโอบไหล่ฉินอีหลิน บอกกับเธอ “วางใจเถอะ เห้อห้าวยังอยู่ฝั่งเดียวกับเรา ไม่มีคำสั่งของผม เขาจะไม่ปล่อยคนไปเองแน่”
ลี่โม่อวี่มั่นใจถึงขนาดนี้ ฉินอีหลินเองจึงไม่ได้พูดอะไรมาก เธอมองเข้าไปด้านในอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบอะไร
ลี่โม่อวี่จูงมือฉินอีหลินออกมาด้านนอก บอกกับเธอ “หากคุณมีเวลาเป็นห่วงพวกเขา งั้นมาช่วยผมคิดดีกว่าจะจัดการกับพวกแก๊งอันธพาลยังไง”
ฉินอีหลินรู้ตัวว่าตัวเองให้ความสำคัญสลับเรื่องแล้ว จึงยิ้มอย่างอายๆ รีบก้าวตามลี่โม่อวี่ออกไปอย่างรวดเร็ว