บทที่ 132 เป็นโชคร้ายจริงๆสินะ
ลี่โม่อวี่เพียงกวักมือ ก็มีลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้ามา
เสียงหอบหายใจยังคงถูกส่งออกมาจากห้องวีไอพี ลี่โม่อวี่ทำราวกับไม่ได้ยิน เอ่ยสั่งกับลูกน้อง “เดี๋ยวรอเห้อห้าวออกมา ให้เขาส่งข้อมูลหลงซานให้ฉันด้วย”
หมุนตัวกลับไปอีกครั้ง ก็ไม่เห็นเงาของฉินอีหลินแล้ว ลี่โม่อวี่ไม่เสียเวลา รีบเดินตามออกไป
เดินผ่านบาร์ ฉินอีหลินมองภาพที่คุ้นเคย ได้แต่ถอนหายใจ
ตอนแรกเธอกับลี่โม่อวี่ต้องเกี่ยวพันกันอยู่ที่นี่ มีครั้งแรกแล้วก็ต้องมาครั้งที่สอง ต่อมาเกิดเป็นความรัก สุดท้ายยังทำให้เธอต้องไปในที่แสนไกล
วันนี้กลับมาอีกครั้ง เธอนึกว่าตัวเองจะสามารถปล่อยวางทุกสิ่งได้ แต่ไม่คิดว่าผ่านไปหลายปีแล้ว เธอก็ยังตัดไม่ขาด ยังคงพัวพันกันยุ่งเหยิง
นี่เป็นโชคร้ายจริงๆสินะ ฉินอีหลินอดไม่ได้ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ถ้าไม่ได้เจอกันตั้งแต่แรก คงจะดีไม่น้อย
ชั่วครู่ ฉินอีหลินรู้สึกหดหู่ใจ เสียงโทรศัพท์พลันดังขึ้นมา ฉินอีหลินรีบปรับอารมณ์ เปิดขึ้นมาดู เป็นอานหน้า
ฉินอีหลินรีบกดรับโทรศัพท์ ปลายสายมีน้ำเสียงตื่นเต้น เธอเอ่ยเสียงดัง “อีหลิน เมื่อสักครู่จิ่นเซวียนโทรมา แต่ไม่นานสายก็ถูกตัดไป เธอรีบเช็กดูว่าหมายเลขนี้อยู่ที่ไหน”
ฉินอีหลินชะงัก หลังจากนั้นหัวใจก็กระหน่ำเต้นขึ้นมา ต่อมาเอ่ยถามอย่างร้อนรน “จริงหรอคะ แม่รีบส่งเบอร์มาให้หนู”
“ฉันส่งให้แล้วนะ ไม่ได้รับข้อความหรอ” อานหน้ากังวลสถานการณ์ของเด็ก ฉินอีหลินไปที่บาร์สักพักแล้ว ก็ยังไม่มีข่าวอะไรส่งกลับมา
“ตอนนี้เราได้รับข้อมูลของหลงซานคนที่จับตัวหนูไปเมื่อคราวก่อนได้แล้ว ไม่นานเราก็คงหาเจอ แม่ไม่ต้องร้อนใจไป ตอนนี้มีสายโทรเข้ามา เห็นได้ว่าจิ่นเซวียนยังมีชีวิต ยังสามารถโทรมาหาเราได้ แสดงว่าเธอยังไม่ได้รับอันตราย ไม่แน่ว่า….เธออาจจะโทรมาหาเราอีกครั้งก็ได้”
ฉินอีหลินกล่าวยืดยาว ปลอบโยนจนถึงที่สุด จมูกของเธอพลันแสบขึ้นมา คล้ายกับกำลังปลอบใจตัวเอง
อานหน้ารู้สึกหดหู่ เธอพยักหน้า “มีเบาะแสเพิ่มก็มีโอกาสเพิ่ม พวกเธอก็ระวังตัว พวกมาเฟียนั่นไม่แน่ว่ากำลังจับตามองพวกเธออยู่”
“หนูรู้แล้วค่ะ แม่ไม่ต้องกังวลมาก หมิงเจ๋อเป็นยังไงบ้างคะ” พอนึกถึงลูก หัวใจของฉินอีหลินพลันอ่อนโยนขึ้น”
อานหน้ายิ้ม “เมื่อสักครู่ยังงอแงอยู่เจอน้องอยู่เลย”
“พวกเธอต้องเร็วหน่อย ฉันเห็นแล้วว่าเบอร์นั้นอยู่อังกฤษแล้ว ดูเหมือนจิ่นเซวียนจะอยู่อังกฤษแล้ว” เพื่อเลี่ยงความหดหู่ใจพูดจบอานหน้าก็กดตัดสายไป
เมื่อฉินอีหลินได้ยินว่าอยู่อังกฤษแล้ว ในใจกระสับกระส่าย ดูเหมือนอ้ายหลุนจะเดาไม่ผิด พวกเขาใช้เครื่องบินส่วนตัวแน่นอน หากเป็นแบบนี้ ที่อยู่คงไม่แน่นอน ดูเหมือนเธอจะต้องรีบแล้ว
เมื่อลี่โม่อวี่เดินออกมา ก็เห็นฉินอีหลินใบหน้าสวยอยู่ในท่าทางไม่น่ายินดีเท่าไหร่ คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าด้วยกัน สองมือกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น คล้ายกับกำลังรออะไร
ลี่โม่อวี่เข้าใจได้โดยทันที ไม่นานก็เดาไว้ว่าเป็นจิ่นเซวียน เขารีบถาม “มีข่าวลูกแล้วหรอ”
ฉินอีหลินมองลี่โม่อวี่ พยักหน้า ท่าทางคล้ายจะร้องไห้
เดิมทีกำลังโกรธเขาที่ล่วงเกินเธอเมื่อสักครู่ แต่พอมีข่าวของลูกก็อยากจะรีบบอกเขา
ลี่โม่อวี่เอาเปรียบแล้ว แต่ก็ไม่ได้โกรธเหมือนก่อนหน้านี้ เห็นท่าทางน่าสงสารของเธอในตอนนี้ หัวใจเขาพลันอ่อนยวบ
เขายื่นมือไปลูบผมสวย ดวงตาอ่อนโยน ไม่มีความเกรี้ยวกราดเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว “ไม่ต้องกังวลไป มีข่าวถือเป็นเรื่องดี ไม่แน่ว่าอีกไม่นานเราก็จะหาลูกเจอแล้ว”
ระหว่างที่พูด เสียงเตือนข้อความจากโทรศัพท์ของฉินอีหลินก็ดังขึ้น ข้อความจากอานหน้ามาถึงแล้ว ฉินอีหลินเปิดดู เอ่ยอย่างมั่นใจ “เป็นหมายเลขจากอังกฤษจริงๆด้วย”
เงยหน้ามองลี่โม่อวี่ที่ยังคงมึนงง ฉินอีหลินลืมไปว่าเมื่อสักครู่ตัวเองยังไม่ได้พูดอะไร
จากนั้นเธอจึงบอกอธิบายคร่าวๆเกี่ยวกับเหตุการณ์ตามที่อานหน้าบอก “เมื่อสักครู่จิ่นเซวียนโทรจากอังกฤษมาหาแม่ แต่ไม่นานก็ถูกตัดสายไป ดูเหมือนว่าเราจะตามสืบจากเบอร์โทรศัพท์นั้นได้ ต้องรวดเร็วหน่อย การเคลื่อนไหวของพวกเขาเร็วจริงๆ”
ลี่โม่อวี่ไม่คิดว่าเรื่องราวจะเปลี่ยนรวดเร็วขนาดนี้ จิ่นเซวียนสามารถโทรมาได้ แสดงว่าตอนนี้ยังคงปลอดภัยอยู่
ใบหน้าลี่โม่อวี่ปรากฏความพึงพอใจ เขาพยักหน้าบอก “นี่คงเป็นสิ่งที่จิ่นเซวียนทำได้คือการโทรออกมา ฉลาดจริงๆ พวกเราก็มีเบาะแส มีประโยชน์กว่าข้อมูลจากปากของหลงซานอีก”
ฉินอีหลินพยักหน้า แต่ยังคงบอก “ฝั่งหลงซานก็ยังละเลยไม่ได้ คุณก็รีบตามหาหลงซาน สายโทรศัพท์นี้ตามหาที่อยู่พวกเขาแค่ชั่วขณะ เกิดพวกเขาเปลี่ยนทิศทาง โทรศัพท์นี้ก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว”
เรื่องนี้ลี่โม่อวี่ก็เข้าใจ ตอนนี้จึงพยักหน้าอย่างจริงจัง แล้วบอก “คุณก็อย่าพึ่งกังวลจนเกินไป ดูจากความคืบหน้าตอนนี้ อย่างน้อยลูกก็ยังปลอดภัย”
แม้จะบอกแบบนั้น ฉินอีหลินก็ยังไม่วางใจ ถ้าจิ่นเซวียนถูกจับได้ว่าโทรศัพท์ออกมา ไม่แน่เกิดพวกเขาโมโหแล้วทำอะไรรุนแรงกับเด็ก เมื่อคิดว่าอ้ายหลุนกลับอังกฤษ ฉินอีหลินรีบต่อสายหาอ้ายหลุนทันที”
ฝั่งนั้นยังคงปิดโทรศัพท์ เธอค่อยๆวางโทรศัพท์ลง คิดแล้วเธอก็ใจร้อนเกินไป ตอนนี้อ้ายหลุนน่าจะกำลังอยู่บนเครื่อง รอเขาหาพิกัดก็คงไม่ถือเป็นเรื่องยากแล้ว
ลี่โม่อวี่เห็นว่าไม่สามารถติดต่อได้ เขาโอบไหล่ฉินอีหลิน ก้าวเดินไปยังรถ “มีเบาะแสของลูกแล้ว พวกเราก็ต้องทานข้าวแล้ว”
ฉินอีหลินไม่อยากไป แต่ลี่โม่อวี่ก็ไม่ยอม บังคับลากฉินอีหลินขึ้นรถไป จึงเอ่ยบอก “ไม่ว่ายังไงก็ต้องทานข้าว ตอนนี้คุณรออยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรขึ้นมาหรอก”
“แต่ฉันไม่หิว งั้นคุณก็ไปกินคนเดียว” ฉินอีหลินบอกอย่างไม่วางใจ มีเบาะแสของลูกแล้ว แต่กลับทำอะไรตอนนี้ไม่ได้ เธอทรมานเหลือเกิน
ลี่โม่อวี่ก็ไม่ได้ต่างกัน แต่เขายังคงใจเย็น เกลี้ยกล่อมฉินอีหลิน “คุณลองคิดดูว่าคุณชอบกินอะไร พวกเราไม่กินแถวๆนี้ก็ได้”
ฉินอีหลินส่ายหัว ก้มหน้าลง ยังไงเธออยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไปไหนก็ไม่สำคัญ
ลี่โม่อวี่ก็ไม่สนใจ ในเมื่อเธอไม่รู้ งั้นเขาก็จะเลือกเอง “ผมรู้จักด้านหน้ามีร้านอาหารร้านหนึ่ง รสชาติไม่เลว ปกติก็ไม่เคยมาลองทานที่นี่ งั้นคุณก็ไปลองหน่อย”
“อืม” ฉินอีหลินตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ถือว่าตอบตกลงแล้ว