บทที่ 135 ผู้หญิงคนนั้นมีกลอุบาย
ลี่อานโก๋มองลี่โม่อวี่ รวมทั้งหญิงสาวรูปร่างบอบบางในอ้อมกอดของเขา เขารู้ว่าหากเขาอยู่ต่อไป ก็คงไม่ได้ผลลัพธ์ในแบบที่เขาต้องการ
คิดได้ดังนั้น เขาลุกขึ้นแล้วจัดระเบียบชุดตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นมองฉินอีหลินที่อยู่ในอ้อมแขนของลี่โม่อวี่ “ผมรู้เรื่องราวของพวกคุณมาบ้าง ถ้าต้องการความช่วยเหลือก็มาหาผมได้ ยังไงซะ….นั่นก็เป็นหลานสาวของผม”
เอ่ยจบก็หยิบแผ่นกระดาษออกมาจากกระเป๋าหนึ่งใบยื่นให้ฉินอีหลิน ในขณะที่อีกคนกำลังมึนงง เขาก็หมุนตัวเดินออกจากห้องวีไอพีไป
ฉินอีหลินกวาดตามองที่อยู่ในมือ จากนั้นจึงมองลี่โม่อวี่ด้วยท่าทางขอความเห็น แต่ลี่โม่อวี่ไม่ได้มองเธอ ทว่าจ้องมองแผ่นหลังของลี่อานโก๋อย่างเยือกเย็น
ฉินอีหลินมองลี่โม่อวี่ที่เม้มปากแน่น รวมทั้งกระดูกสันหลังที่ตั้งตรงอย่างดื้อรั้น
ถอนหายใจอยู่ในใจ เย่อหยิ่งแบบลี่โม่อวี่ ก็มีครอบครัวที่อยากคว้าเอาไว้ คิดมาถึงตรงนี้ เธอจึงทิ้งตัวลง อิงแอบเงียบๆอยู่ในอ้อมกอดของลี่โม่อวี่
แต่ลี่อานโก๋กลับไม่รับรู้ถึงเรื่องที่เกิดอยู่ด้านหลัง เห็นเห้อห้าวที่ช่วยเปิดประตูให้เขา เท้าของเขาก็ชะงักลงเล็กน้อย แต่ไม่ได้หันกลับไป
ลี่อานโก๋ใบหน้าเรียบนิ่งมองตรงไปข้างหน้า ยืดหลังตรง “แกคิดว่าหลายปีมานี้ที่แกอย่าอย่างสงบในเมืองกั่งซื่อ เป็นเพราะอิทธิพลของแกหรอ คนที่มีอำนาจมีมากมาย ทำไมสุดท้ายถึงได้เหลือเพียงนายลี่โม่อวี่กัน”
เอ่ยจบ ลี่อานโก๋ก็ไม่รอให้คนด้านหลังได้ตอบอะไร เย้ยหยันเบาๆในลำคอแล้วเดินต่อไป ไม่นานก็หายไปท่ามกลางสายตาของหลายคน
เห้อห้าวยืนกลืนน้ำลายอยู่หน้าประตู ความน่าเกรงขามของชายเมื่อครู่ที่แผ่ออกมาทำให้เขาเหงื่อท่วมไปทั้งตัว
ความน่าเกรงขามของชายท่านนั้นทำให้ใจของเขาหวาดกลัว พึงนึกขึ้นได้หันไปมองพี่ใหญ่ของตัวเอง แต่คนคนนั้นยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
เห้อห้าวมองแผ่นหลังของลี่อานโก๋ กัดฟันแล้วเดินตามไป ยังไงพี่ใหญ่ก็บอกให้ไปส่งเขา ทำไมถึงได้ตกใจกลัวจนไม่กล้าขยับแล้วล่ะ
เห้อห้าวช่วยพวกเขาปิดประตูห้องวีไอพีอย่างใส่ใจ
ตอนนี้ให้ห้องวีไอพีเหลือเพียงลี่โม่อวี่และฉินอีหลิน ฉินอีหลินรู้ว่าในใจเขาตอนนี้นั้นเป็นทุกข์ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร จึงยื่นสองแขนไปกอดรอบลำคอของลี่โม่อวี่เอาไว้ อยากให้ความอบอุ่นกับเขา
“ผู้ชายคนเมื่อกี้เป็นพ่อของผม”
หลังจากลี่อานโก๋ไปแล้ว ลี่โม่อวี่ไม่ได้กดฉินอีหลินเอาไว้แบบเมื่อสักครู่แล้ว เขาเอนหลังพิงเก้าอี้ ดวงตาดำทะมึน แต่เพียงชั่วพริบตา ดวงตาของเขาก็ไร้ซึ่งอุณหภูมิหรืออารมณ์ใดๆ
เขายื่นมือไปหยิบถ้วยชามาชิดริมฝีปาก แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ
ฉินอีหลินเห็นท่าทางเขาแบบนั้นก็เจ็บปวดขึ้นในใจ ลี่โม่อวี่ในตอนนี้คล้ายกับเด็กหัวแข็ง แม้กระหายครอบครัว ทว่าเด็กน้อยก็ยังผลักคนรอบข้างออกด้วยความโกรธ เหลือเพียงตัวเขาเองที่คอยเลียแผลนั้น
ที่จริงฉินอีหลินอยากบอกเขาว่า ไม่มีไร ยังมีฉัน แต่ปากนี้ เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ชาร้อนจัง”
ยิ้มหยันตัวเองเล็กน้อย ลี่โม่อวี่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะ
ฉินอีหลินตกใจเล็กน้อย เธอนึกว่าลี่โม่อวี่จะพูดอะไรอีกบ้าง แต่เขากลับบอกว่า “ชาร้อนจัง” ประโยคที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลยแม้แต่น้อย
เธอรู้ดีว่าลี่โม่อวี่ไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้ จึงกัดริมฝีปากแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก
เห้อห้าวกลับมาก็เห็นว่าฉินอีหลินยังคงนั่งอยู่ข้างๆลี่โม่อวี่ แต่ทั้งสองต่างขบคิดอยู่ในหัวของตนเอง ไม่มีใครพูดอะไร เขาชะงักเล็กน้อย จากนั้นจึงรู้สึกผิดที่เข้ามา รบกวนพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ นี่ไม่ใช่หาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ
ฉินอีหลินได้ยินเสียงประตูเปิดออกจึงหันไปมอง มองเห็นสีหน้าของเห้อห้าว เธอค่อยนึกได้ว่ายังอยู่ในอ้อมกอดของลี่โม่อวี่ ใบหน้าแดงระเรื่อขึ้น เธอรีบลุกขึ้นมานั่งอยู่ข้างๆ
พูดอย่างกระอักกระอ่วน “เอ่อ……..คุณกับเห้อห้าวกลับไปก่อนเถอะ ฉันไปหาหลงซานคนเดียวก็พอ”
เธอรู้ว่าอารามณ์ของลี่โม่อวี่ตกต่ำ ตอนนี้ไม่อยากให้เขาต้องมาเหนื่อยกับตัวเอง
“ไม่ได้ ผมไม่วางใจ ไปด้วยกัน”
“แต่ว่า……”
“ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการหาลูกสาวผมให้เจอ อีหลิน จิ่นเซวียนไม่ได้เป็นลูกของคุณคนเดียว เธอก็เป็นลูกของผมเหมือนกัน”
เมื่อสักครู่ฉินอีหลินอยากพูดอะไร ก็ถูกลี่โม่อวี่เอ่ยขัด เขาจ้องลึกเข้าไปในตาของฉินอีหลินอย่างจริงจัง บอกอย่างชัดเจน
ฉินอีหลินมองท่าทางยืนหยัดของเขาแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เห้อห้าวรีบไปจ่ายเงิน เรียกลูกน้อง นำทางลี่โม่อวี่และฉินอีหลิน
“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ ที่นี่แหละ นี่คือคฤหาสน์ที่เขาซื้อไว้ให้กับนกขมิ้นที่เขาเลี้ยงไว้ ผู้หญิงคนนั้นมีกลอุบาย หลอกให้เขามาที่นี่ทั้งวัน จนที่นี่กลายเป็นที่พักของเขาแล้ว”
เห้อห้าวทั้งอธิบายให้ทั้งสองฟัง ทั้งโบกมือเรียกให้ลูกน้องลงจากรถ
ลี่โม่อวี่และฉินอีหลินนั่งอยู่บนรถมองลูกน้องเข้าไปจัดการกับลูกสมุนของพวกนั้นให้เรียบร้อยก่อนค่อยลงจากรถไป
“หลงซานล่ะ”
ลี่โม่อวี่มองคนที่โดนกดเอาไว้ ไม่มีแม้แต่เงาของหลงซาน คิ้วคมขมวดแน่น
“พี่…พี่ใหญ่….หลงซานไม่อยู่”
สีหน้าของเห้อห้าวไม่ดี เขาไม่คิดว่าคนนั้นจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ทำให้เขาเสียหน้าต่อหน้าลี่โม่อวี่
“แผนการแยบยล จากเหตุการณ์แล้วพออภัยได้”
ฉินอีหลินกลัวว่าลี่โม่อวี่จะโมโหเห้อห้าว จึงรีบเอ่ยปาก
เธอรู้ดีว่าเห้อห้าวไม่ใช่เพียงลูกน้องของลี่โม่อวี่ ยังเป็นพี่น้องของเขาด้วย เธอไม่อยากให้ระหว่างเขากับพี่น้องต้องมาเบาะแว้งกันเพราะเรื่องของเธอ
ลี่โม่อวี่ยกคิ้วขึ้น เขารู้ความหมายที่ฉินอีหลินพูดออกมา จึงทำเพียงชายตามองเห้อห้าว ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ดูเหมือนว่าหลงซานจะฉลาดกว่าที่เขาคิดไว้ สามารถทำให้เห้อห้าวพลาดได้ ต้องบอกว่าร้ายกาจไม่เบาเลย
“ครั้งต่อไปอย่าให้มีอีก”
เดิมลี่โม่อวี่ก็ไม่ได้อยากจะดุด่าเห้อห้าว เดิมเรื่องของชิวหันเยียนก็ทำให้เขารู้สึกผิดต่อพี่น้องแล้ว ตอนนี้ก็เห็นแก่เรื่องนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรมาก “ตามหาหลงซานต่อไป คนคนนั้นชอบมั่วผู้หญิง จับตาดูทุกๆที่ให้ดี ยังมีพวกนกขมิ้นที่เขาเลี้ยงไว้เหล่านั้น จับตาเอาไว้ให้ดี มีความเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็รีบรายงานฉัน”
เห้อห้าวตกใจที่ลี่โม่อวี่ตกลงได้ง่ายขนาดนี้ ต่อมาจึงรีบพยักหน้า บอกใบ้ว่าจะทำให้ได้
“ฉันเหนื่อยแล้ว กลับก่อนนะ”
ฉินอีหลินเห็นว่าไม่ได้อะไร จึงรู้สึกเหน็ดเหนื่อยขึ้นมา เพียงแค่อยากกลับไปกอดหมิงเจ๋อ จึงหมุนตัวแล้วเดินออกไป
“ผมไปส่ง”
ลี่โม่อวี่เห็นท่าทางของฉินอีหลิน ได้แต่ถอนหายใจอยู่ในใจ แล้วเอ่ยปากบอก
ฉินอีหลินพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก
จนมาถึงหน้าบ้านตระกูลหลง ลี่โม่อวี่เอ่ยปากอีกครั้ง “ดูแลตัวเองดีๆ”
เขามองฉินอีหลินลงรถไป จึงขับรถออกไป สวรรค์รับรู้ว่าเขาอยากพุ่งเข้าไปกอดผู้หญิงไร้เรี่ยวแรงคนนี้มากแค่ไหน แต่เขาทำไม่ได้ เขายังต้องไปสืบเรื่องมาเฟียนั่น
อีหลิน ยังไงก็จะหาลูกเจอ เราสี่คน จะต้องปลอดภัย
ฉินอีหลินได้ยินเสียงเขาบอก “ดูแลตัวเองดีๆ” น้ำตาเกือบจะไหลออกมา บางทีอาจเพราะว่าช่วงนี้เธออ่อนแอเกินไป ประโยคง่ายๆยังซึมลึกเข้าไปในใจของเธอได้
“ฉินอีหลิน”
พ่นลมหายใจเบาๆ ฉินอีหลินหยิบกุญแจออกมาเตรียมเปิดประตู ได้ยินเสียงเอ่ยเรียก จึงหันกลับไป เธอหรี่ตาแคบ