ประธานจอมหื่นสุดซ่า – ตอนที่ 198

ตอนที่ 198

บทที่ 198 พาสะใภ้กลับมาด้วย?

ตลอดทั้งทางไม่มีใครพูดอะไรต่อกันอีกเลย ขณะที่ทั้งสามคนกำลังครุ่นคิดอยู่ในใจนั้นเอง รถก็ค่อยๆ หยุดลงอย่างช้าๆ

“ถึงแล้วครับ ผู้อำนวยการ” คนขับรถพูดขึ้นอย่างกระวนกระวายใจ ตอนนี้เขาเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่า ลี่โม่อวี่ต้องเป็นลูกนอกสมรสของลี่อานโก๋อย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงยิ่งเป็นห่วงชีวิตในอนาคตของเขามากขึ้นไปอีก

โดยเฉพาะลี่อานโก๋ ไม่ว่าจะขอร้องอย่างไรก็ไม่มีทางทำให้ลี่โม่อวี่ใจอ่อนได้ ทำให้คนขับรถถึงกับตกใจ กับบรรยากาศแสนเยือกเย็น ที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของผู้อำนวยการลี่

จบเห่แล้วล่ะ

ในใจของคนขับรถตอนนี้มีแค่สองคำนี้ประทับอยู่เท่านั้น

ฉินอีหลินมองออกไปด้านนอก ก็พบว่ารถนั้นมาจอดอยู่ที่หน้าประตูของบ้านตระกูลลี่ แถมยังมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำสีหน้าตื่นเต้นดีใจอยู่ตอนนี้ด้วย

ดูเผินๆ ผู้หญิงคนนั้นถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีเลยทีเดียว ใบหน้าที่ขาวผุดผ่อง รอยยิ้มที่ดูสง่างาม ท่าทางที่สวยเพียบพร้อม เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่สูงศักดิ์เลย

ฉินอีหลินไม่เคยคิดถึงประสบการณ์ชีวิตแบบนี้มาก่อนเลย โดยเฉพาะพ่อแม่ที่แสดงท่าทีว่ารักลี่โม่อวี่มากขนาดนี้ แล้วทำไมตอนแรกพวกเขาถึงเลือกที่จะทอดทิ้งลี่โม่อวี่ไปนะ

แต่เธอก็เห็นด้วยกับคำพูดหนึ่งว่า ‘บุญคุณที่ให้กำเนิด สู้บุญคุณที่เลี้ยงดูไม่ได้’ เพราะแบบนี้เธอจึงเข้าใจท่าทีที่ลี่โม่อวี่มีตอนนี้ ท่าทีแบบนี้ไม่ดีต่อเขาเลยด้วยซ้ำ ความผูกใจเจ็บที่เขามี รังแต่จะทำให้ลี่โม่อวี่ไม่มีความสุขเลยด้วยซ้ำ

เมื่อไม่เคยสูญเสีย ก็จะไม่เห็นค่า ลี่อานโก๋กับภรรยาเองก็น่าจะเข้าใจเหตุผลนี้ได้อย่างลึกซึ้งแล้วล่ะนะ

ด้านหลังของผู้หญิงคนนั้นยังมีชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งยืนอยู่ ชายคนนั้นมีรูปร่างสูงโปร่ง หล่อเหลา แถมยังดูมีความเป็นสุภาพบุรุษ หรือเรียกได้ว่ามีทุกอย่าง ที่สามารถดึงดูดเหล่าหญิงสาวต่างๆ ได้

พอคิดถึงตรงนี้ ฉินอีหลินก็ทอดถอนใจเกี่ยวกับเรื่องยีนของตระกูลลี่แล้วล่ะนะ

ก่อนหน้านี้สองชั่วโมง หยางผิงก็ยืนมองออกไปด้านนอกประตู พอคิดได้ว่าลูกที่ห่างจากตัวเองไปนานหลายปี จะได้กลับมาอยู่ข้างๆ เขา ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข

“ในที่สุดฟ้าก็ได้ให้โอกาสฉันได้พบหน้าลูก และได้ชดเชยในส่วนที่ขาดให้ลูกได้อีกครั้ง” หยางผิงคิดอยู่ในใจอย่างเงียบๆ เธอรู้สึกได้ว่าบนสวรรค์นั้นมอบความรักให้แก่เธอ ถึงแม้ว่าเธอจะทำเรื่องที่โหดร้ายในการทอดทิ้งลูกไปก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ยังให้โอกาสให้เธอในการได้อยู่กับลูกอีกครั้ง

ไม่สิ ไม่ใช่ได้อยู่ด้วยกันหรอก แค่ได้มองเห็นก็พอใจแล้วล่ะ

พอเห็นรถทหารของผู้อำนวยการลี่ขับเข้ามาหยางผิงก็รุดหน้าออกไปด้วยความดีใจทันที

พลันประตูรถก็ถูกเปิดออก ซึ่งลี่อานโก๋เป็นคนลงมาจากรถก่อน

ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งก่อน ทำให้หยางผิงได้พิจารณาตัวเองอยู่บ้าง เธอเหลือบมองไปยังหน้าต่างที่นั่งด้านหลังรถ ถึงแม้จะมองไม่เห็นสภาพด้านในก็ตาม แต่เธอก็รู้สึกได้อย่างแน่ชัดเลยว่า คนที่นั่งด้านในนั้นเป็นลูกชายของเธออย่างแน่นอน!

หยางผิงพยายามอดกลั้นความรู้สึกตื่นเต้นในใจเอาไว้ เพราะกลัวว่ามันจะเป็นแค่ความสุขชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น เธอจึงพูดกับลี่อานโก๋อย่างอ่อนโยนว่า : “ในที่สุดก็กลับมาแล้ว เดินทางไกลแบบนี้อาจจะเหนื่อยหน่อยนะคะ เข้าไปพักผ่อนในบ้านสิ”

เมื่อได้เจอกับภรรยาที่อ่อนโยนแบบนี้ ใบหน้าที่เยือกเย็นเมื่อสักครู่ของลี่อานโก๋ ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนตามขึ้นเยอะทีเดียว

“จะมัวพูดอยู่ทำไมล่ะ ในเมื่อลูกกลับมาแล้ว ก็รีบเข้าไปกินข้าวด้านในกันเถอะนะ”

“ใช่ ใช่แล้วล่ะ ฉันเกือบจะลืมไปแล้วนะเนี่ย ฉันไปฟังมาจากหลายคนเลย กว่าจะรู้ว่า ลี่โม่อวี่ชอบกินอะไร ฉันตั้งหน้าตั้งตาทำตั้งแต่บ่ายเลยนะ พวกเรารีบเข้าไปกินกันในขณะที่อาหารยังอุ่นๆ ดีกว่านะ”

“อืม ถูกแล้วล่ะ เข้าบ้านกันดีกว่า”

ถึงจะพูดแบบนี้ก็ตาม แต่กลับไม่มีใครขยับตัวกันเลยแม้แต่น้อย เป็นเพราะคนที่พวกเขาควรจะต้อนรับจริงๆ นั้น ยังคงนั่งอยู่บนรถไม่ยอมลงมาเสียที

หยางผิงเห็นว่ารถไม่มีสัญญาณที่จะขยับอะไร เธอจึงถอนหายใจอย่างจนปัญญา ลี่อานโก๋เองก็ไม่พูดอะไร ทำให้บรรยากาศตอนนี้ กลับกลายเป็นแข็งทื่อไปเสียอย่างนั้น

ทั้งสองคนต่างก็จ้องเขม็งไปยังประตูรถ ราวกับว่ารอคอยช่วงเวลา ที่ลี่โม่อวี่จะเปิดประตูรถลงมาอย่างไรอย่างนั้น

สำหรับพวกเขาแล้ว การที่ลี่โม่อวี่สามารถเปิดประตูรถลงมา แล้วเดินเข้าไปในบ้านตระกูลลี่ด้วยตัวเองได้ ถือว่าเป็นพิธีที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ลี่โม่อวี่ยอมรับพวกเขาแล้วนั่นเอง!

แต่ทั้งสองคนที่นั่งอยู่ในรถตอนนี้ มองเห็นทุกอย่างผ่านหน้าต่างได้อย่างชัดเจน

ไม่ใช่ว่าลี่โม่อวี่ไม่ยอมที่จะลงไปหรอกนะ แต่ถ้าหากลี่โม่อวี่ไม่ลงไป ฉินอีหลินก็คงไม่มีทางลงไปคนเดียวอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นมันจะรู้สึกประหม่ามากกว่าเดิมน่ะสิ

ฉินอีหลินจึงดันมือของลี่โม่อวี่อย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะถามขึ้นด้วยเสียงน้อยๆ ของเธอ : “ทำไมคุณถึงยังไม่ลงไปอีกล่ะ?”

“มีคนที่ไม่อยากจะเจออยู่น่ะ แล้วทำไมผมต้องลงไปด้วยล่ะ?” ลี่โม่อวี่เอาแขนหนุนหัวไว้ ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลน หลายปีมานี้ที่เขาไม่มีพ่อไม่มีแม่มันก็ดีอยู่แล้วนี่

แต่ท่าทีที่ลี่โม่อวี่เป็นนั้นทำให้ฉินอีหลินอดขำไม่ได้ : “ทำตัวเหมือนเด็กๆ ไปได้นะคุณ หากคุณคิดจะนั่งอยู่ตรงนี้ คุณคิดว่าคุณจะนั่งได้นานแค่ไหนงั้นหรือ? อีกอย่างตอนนี้พวกเราก็อาศัยอยู่ใต้ชายคาคนอื่นไม่ใช่หรือคะ เพราะฉะนั้นเพื่อตัวเองแล้ว อย่าไปคิดโทษโกรธพวกเขาเลยนะ”

“คิดโทษโกรธพวกเขางั้นหรือ? ผมเองก็อยากจะลองดูเหมือนกัน ว่าหลังจากที่ผมทำไปแล้ว พวกเขาจะรู้สึกอย่างไรกันแน่? ผมเองก็อยากจะฉีกหน้ากากอันเสแสร้งของพวกเขาออกมาเหมือนกัน!” น้ำเสียงของลี่โม่อวี่เย็นชาอย่างมาก แต่ฉินอีหลินก็ทำท่าทีห้ามปรามเอาไว้แล้วพูดประโยคเดิมที่ว่า : อยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ต้องก้มหน้ายอมรับไป

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฉินอีหลินก็ทำได้เพียงพูดเกลี้ยกล่อมขึ้น : “ฉันรู้นะคะว่าที่พวกเขาทอดทิ้งคุณไปน่ะไม่ถูก ถึงแม้พวกเขาจะให้กำเนิดคุณมาก็ตาม แต่หลายปีมานี้ที่พวกเขาปล่อยให้คุณร่อนเร่อยู่คนเดียว เขาก็พยายามแก้ไขแล้วมอบความรักให้กับคุณแทนนะคะ”

“แต่ฉันอยากให้คุณรู้ไว้นะคะ ว่าฉันไม่อยากให้คุณกลายเป็นคนที่มีแต่ความเคียดแค้นในอดีตฝังไว้ในแววตา ถึงแม้อาจจะยอมรับพวกเขาไม่ได้ แต่ฉันก็หวังว่าคุณจะสามารถแสดงท่าที ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้นะคะ” หาได้ยากที่ฉินอีหลินจะมาพูดอะไรที่จริงจังแบบนี้กับลี่โม่อวี่ ซึ่งตอนนี้เธอก็หวังเอาไว้จริงๆ ว่าเขาจะสามารถสงบจิตสงบใจลงได้หน่อย ไม่ใช่เป็นคนที่พาลหาเรื่องไปเสียหมด

พอฟังคำพูดของฉินอีหลินจนจบ ลี่โม่อวี่ก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด พลันเม้มปากขึ้นมาทันทีภายใต้จิตสำนึก ผ่านไปอยู่นาน เขาก็หันไปมองด้านนอกหน้าต่างอีกครั้ง พลางมองไปที่ฉินอีหลิน สุดท้ายก็เปิดประตูรถลงไปทันที

“โม่อวี่!” หยางผิงยกมือขึ้นกุมปากของตัวเอง ก่อนที่น้ำตาแห่งความปลื้มปีติจะไหลออกมาเต็มดวงตา

แต่ลี่โม่อวี่ทำราวกับว่าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เขายืนไม่ขยับอยู่แบบนั้น พร้อมด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ

ลี่อานโก๋เห็นว่าลูกชายของตัวเองเปิดประตูลงมาจากรถ ก็ไม่ได้พูดอะไรที่ใจดำออกไป แต่แอบชื่นใจอยู่เงียบๆ เขาเดาไว้แล้วว่าฉินอีหลินต้องพูดเกลี้ยกล่อมลูกชายของเขาได้อย่างแน่นอน เขาจึงพอใจฉินอีหลินอยู่ไม่น้อย

“ดูสิ แม่ของนายเจอนายแล้วซาบซึ้งใจขนาดนี้เลยนะ” ลี่อานโก๋เดินเข้าไปตบบ่าของลี่โม่อวี่

ลี่โม่อวี่ขมวดคิ้วก่อนจะส่งเสียงตอบรับอย่างเรียบเฉยๆ

“โอ๊ย คุณดูสิ ฉันถูกลมพัดเข้าตาจนพร่าไปหมดแล้วเนี่ย ตอนนี้ลูกคงจะหิวแล้วแน่นอนเลย พวกเรารีบเข้าไปกินข้าวกันดีกว่านะ” หยางผิงไม่เก็บเอาที่ลี่โม่อวี่เมินเฉยตัวเองมาใส่ใจ ก่อนจะรีบกล่าวทักทายให้ทุกคนเข้าไปในบ้าน ความตื่นเต้นดีใจทำให้เธอลืมไปเลยว่า บนรถนั้นยังมีอีกคนนั่งอยู่

ฉินอีหลินที่นั่งอยู่บนรถก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที หลังจากที่เธอเห็นว่าลี่โม่อวี่เปิดประตูรถลงไป เดิมทีเธอก็คิดที่จะตามลงไป แต่ทันใดนั้นเธอก็มองเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังของหยางผิง

ถึงแม้ว่าคนนั้นจะดูหล่อเหลาก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นทำให้ฉินอีหลินหลงใหลแบบนั้น เพียงแต่เธอรู้สึกว่าสายตาของเขามันดูเยือกเย็น ทำให้ฉินอีหลินรู้สึกไม่สบายใจ

ซึ่งสายตาของคนๆ นั้น ก็สบตาเข้ากับเธออย่างประจวบเหมาะ

ลี่โม่อวี่ไม่ได้สนใจการกล่าวทักทายของหยางผิงมากเท่าไหร่ เขาหันหลังกลับมายิ้มพูดกับฉินอีหลินที่อยู่บนรถว่า : “เมื่อสักครู่นี้คุณยังเร่งให้ผมลงมาอยู่เลย ทำไมตอนนี้คุณกลับไม่ยอมลงมาเสียเองล่ะ?”

คำพูดดังกล่าวทำให้สายตาของทุกคนต่างก็มาจับจ้องอยู่ที่ฉินอีหลิน ทำให้ฉินอีหลินตอนนี้รู้สึกอึดอัดทันที

แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือ ผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังของหยางผิงนั้นกลับยิ้มพูดขึ้นมาว่า : “ที่แท้พี่ใหญ่ก็พาพี่สะใภ้กลับมาด้วยหรือครับเนี่ย!”

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

Status: Ongoing

ยืนอยู่หน้าประตูบาร์ เธอไม่รู้จะทำอย่างไร ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เธอเข้าบาร์ ตอนเช้าของวันนี้ มีข่าวซุบซิบบันเทิงดังไปทั้งเมือง คุณหนูตระกูลใหญ่ไปกับผู้ชายเมื่อคืน หน้าหนังสือพิมพ์ยังมีรูปภาพที่เธอถูกผู้ชายกอดเข้าโรงแรม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท