บทที่ 205 ผมไม่มีคุณปู่
เขาเป็นลูกข้าราชการที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ชื่อเสียงและเกียรติยศที่เขาได้รับมาทั้งหมด ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ลี่อานโก๋เป็นคนให้ ทำให้มีคนไม่น้อยที่ต้องยอมเสียหน้ากับเขาอยู่บ่อยๆ
แต่เขาก็รู้ดีว่า ตัวเองนั้นไม่มีความสามารถอะไรที่จะแสดงออกมาได้ โดยเฉพาะเขาไม่ได้รับสืบทอด ที่จะไปต่อตำแหน่งผู้อำนวยการ พอเป็นแบบนี้ เขาจึงมีข้อแตกต่างกับลี่โม่อวี่อย่างเห็นได้ชัด
“ยังคุยโทรศัพท์ไม่เสร็จอีกหรืออาจิ่ง?” พลันมีเสียงของลี่อานโก๋ดังเข้ามาจากด้านนอก
“เสร็จแล้วครับ” ลี่จิ่งได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกตระหนกในใจ ก่อนจะรีบตอบกลับไป
เขาพยายามปรับอารมณ์ตัวเองให้เหมือนเดิม ก่อนจะเดินออกไปด้านนอกทันที
ตอนนี้เขาไม่อาจจะทำอะไรได้มาก เพราะตอนนี้เขายังมีความผิดติดตัวกับพ่อของเขาอยู่ แถมด้วยประสาทที่เฉียบคมของลี่อานโก๋ เพราะฉะนั้นหากเขาลงมือพ่อต้องรู้อย่างแน่นอน และเขาเชื่อว่าตอนนั้น พ่อของเขาคงไม่ได้ให้อภัยเขาง่ายๆ เหมือนครั้งนี้แล้วอย่างแน่นอน
จริงๆ แล้วเป้าหมายและวิธีคิดของเขานั้นมันง่ายมากๆ ตัวเขาแค่ไม่อยากให้ลี่โม่อวี่กลับมาที่บ้านของเขาก็เท่านั้น ไม่ได้ต้องการชีวิตเขาแต่อย่างใด ขอเพียงแค่ลี่โม่อวี่ไม่คิดที่จะมาแทนที่เขา ลี่โม่อวี่จะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น
ลี่จิ่งเดินออกมาจากประตูใหญ่ ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ ลี่อานโก๋ทำเพียงเหลือบมองลี่จิ่ง พอลี่จิ่งเห็นแบบนั้นก๊อกสั่นขวัญแขวนทันที
“ออกรถ!” ลี่อานโก๋หลับตาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงทุ้ม คนขับรถได้ยินก็พยักหน้ารับ ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนรถออกไปอย่างช้าๆ
ผ่านไปครู่เดียวรถก็มาจอดอยู่ที่ภัตตาคารเก่าแก่ที่หนึ่ง
“กริ๊งๆๆ” ช่วงที่ลี่จิ่งควักมือถือออกมาจากก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้น เขาแอบเหลือบมองลี่อานโก๋ ก็เห็นว่าเขาไม่ได้มองมาทางนี้ จึงผ่อนหายใจอย่างโล่งอก ไม่ต้องคิดก็รู้เลยว่าใครเป็นคนที่โทรมา
ลี่จิ่งเดินไปรับสายอีกด้านหนึ่ง ลี่อานโก๋ก็จ้องมองลี่จิ่งเขม็ง พร้อมทั้งก้าวเท้ายาวเข้าไปด้านใน แต่ลี่จิ่งนั้นกลับไม่เห็นสายตาที่ลี่อานโก๋ส่งมาให้เขา
การตกแต่งต่างๆ ภายในภัตตาคารนั้น ดูมีระดับและหรูหราอย่างมาก ภัตตาคารแห่งนี้เป็นภัตตาคารที่พวกเขามักจะมาบ่อยๆ ซึ่งอาหารต่างๆ ก็เลิศรสไม่แพ้กัน
ณ อีกด้านหนึ่งของห้องอาหาร หยางผิงนั่งยิ้มร่า พลางแนะนำอาหารที่อร่อยๆ ต่างๆ ให้กับฉินอีหลิน เธอเองก็ไม่ใช่คนโง่ ถ้าหากเธอเอาคำพูดพวกนี้ไปอธิบายกับลี่โม่อวี่ล่ะก็ เกรงว่าแม้แต่คำตอบสักคำก็คงจะไม่ได้ แถมยังทำให้เขารำคาญอีก ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงพูดคุยกับฉินอีหลินที่ลี่โม่อวี่ชอบเท่านั้น
“แม่หนูจ้ะ หัวสิงโตตุ๋นน้ำแดงของที่นี่ทำอย่างพิถีพิถันมากๆ เลยนะ แถมยังอร่อยกว่าที่ฉันทำอีกน่ะ” หยางผิงถือเมนูในมือ พร้อมทั้งอธิบายให้ฉินอีหลินฟังอย่างสนิทสนม
ฉินอีหลินเองก็ยิ้มรับ พร้อมกับพยักหน้าให้หยางผิง : “จริงหรือคะ? ถ้าอย่างนั้นวันนี้ลองชิมดูสักหน่อยก็น่าจะดีนะคะ ดีไหมคะคุณป้า” ฉินอีหลินยิ้มพูดออดอ้อนพลางคล้องแขนของหยางผิงเอาไว้
การกระทำแบบนี้ ทำให้ลี่โม่อวี่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เหมือนว่าลี่โม่อวี่อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พอเห็นฉินอีหลินยิ้มอย่างเบิกบานใจแบบนั้น ก็ทำให้ลี่โม่อวี่ใจอ่อนลง ในที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
ฉินอีหลินเองที่เห็นว่าลี่โม่อวี่มีไมตรีจิตแบบนั้น ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจตาม
พอหยางผิงได้ยินฉินอีหลินเรียกตัวเองว่าคุณป้า ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจขึ้นมา พร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เธอยิ่งรู้สึกพอใจกับฉินอีหลินมากขึ้นไปอีก และยิ่งลงทุนลงแรงในการแนะนำอาหารอร่อยๆ ให้ฉินอีหลินฟัง
ฉินอีหลินพูดคุยไปหัวเราะไปกับหยางผิง เธอมองดูตลอดว่าลี่โม่อวี่ เอาแต่กัดฟันโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ หรือว่าเธอทำสนิทสนมเกินไปกัน ก็แค่ข้าวมื้อเดียวเองนี่นา ในตอนแรกเขาก็ป้อนข้าวให้ฉินอีหลินตั้งหลายครั้ง แต่ก็ไม่เห็นว่าฉินอีหลินจะหนีเขาไปไหนเลยนี่
บังเอิญว่าลี่อานโก๋เดินเข้ามาพอดี พอสังเกตเห็นท่าทีของลี่โม่อวี่ ก็รู้สึกพอใจ ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกขอบคุณฉินอีหลินอย่างมาก เมื่อมีหัวอกของความเป็นแม่เหมือนกัน จึงทำให้เรื่องต่างๆ จัดการออกมาได้อย่างนุ่มนวล
ถ้าหากลี่โม่อวี่เป็นเหมือนกับฉินอีหลินได้ก็คงจะดี แต่เขาเองก็รู้ดีว่า นั่นเป็นสิ่งที่เขาคิดเพ้อไปคนเดียวเท่านั้น แต่อย่างไรเขาก็เชื่อว่าต้องมีสักวัน ที่ลี่โม่อวี่จะต้องกลับมาที่บ้านของเขาเอง
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สายเลือดระหว่างพวกเขานั้น ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ แน่นอน
“มาแล้วหรือคะ” หยางผิงสังเกตเห็นสามีของเธอเองก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะยิ้มพูดขึ้น
สีหน้าของลี่อานโก๋จึงดูอ่อนโยนลงไปนิดหนึ่ง พลางพยักหน้าให้กับหยางผิง
“นั่งสิคะคุณอา” ฉินอีหลินลุกขึ้นพูด ทำให้ใบหน้าของลี่อานโก๋ยังคงมีรอยยิ้มค้างอยู่แบบนั้น
ลี่อานโก๋ก็ลงไปนั่งที่หัวโต๊ะโดยไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด เขามองไปที่ลี่โม่อวี่ด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ราวกับว่าพอใจในวิธีการของฉินอีหลินอย่างมาก
ลี่โม่อวี่เองก็รู้สึกได้เช่นกัน แต่ตอนนี้ในใจของเขากลับมีแต่ความโกรธคุกรุ่นขึ้นมาอย่างรุนแรง เขามองฉินอีหลินด้วยสายตาดุ แต่กลับถูกฉินอีหลินจ้องกลับมาอย่างง่ายดาย
ผ่านไปอยู่นาน ลี่โม่อวี่ก็อดไม่ได้ที่จะหลุดขำออกมา ดูเหมือนว่าตัวเองจะถูกผู้หญิงคนนี้ควบคุมไว้จริงๆ สินะ แต่ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่ เพราะนี่คือสิ่งที่เขายอมเปลี่ยนเพื่อผู้หญิงคนนี้
“สั่งอาหารอะไรไปบ้างหรือยังล่ะ?” ลี่อานโก๋ถามขึ้น ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามของบุคคลที่อยู่ตำแหน่งสูง พร้อมทั้งใบหน้าที่เคร่งขรึม
ส่วนหยางผิงที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับลี่อานโก๋มาเป็นเวลานาน กลับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า อารมณ์เขาในตอนนี้ดีอย่างมาก เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกมาก็เท่านั้น
“สั่งเรียบร้อยแล้วล่ะ คุณเองก็ดูเสียหน่อยสิคะ ว่ามีอะไรที่อยากจะสั่งเพิ่มไหม” หยางผิงพูดอย่างนิ่มนวล
ฉินอีหลินที่เห็นแบบนั้นก็ผ่อนลมหายใจในใจยาวๆ เพราะเห็นว่าผู้อำนวยการลี่ที่แข็งแกร่งและเยือกเย็นแบบนี้ จะถูกคุณป้าหยางผิงควบคุมไว้อย่างง่ายดาย จำเป็นต้องพูดเลยว่า หยางผิงเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆ คนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคงไม่อาจให้กำเนิด ลูกที่ดูหล่อเหลาอย่างลี่โม่อวี่กับลี่จิ่งแบบนี้มาได้หรอก
แถมหยางผิงยังดูกระเง้ากระงอดมากอีกด้วย ด้วยอายุของเธอในตอนนี้ เธอก็ยังคงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เขินอาย
ชั่วขณะนั้น ฉินอีหลินก็หันไปมองลี่โม่อวี่ พลางคิดว่าหลังจากนี้ตัวเองควรจะทำตัวให้อ่อนโยนกับเขามากกว่านี้ดีหรือเปล่า? แต่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาไม่ทันไร ก็ถูกฉินอีหลินระงับไว้ทันที ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เธอก็คงทำได้ไม่เหมือนกับหยางผิงอย่างแน่นอน เธอรู้ตัวเองดี
ลี่อานโก๋ไม่ได้รับเมนูมาดู โดยที่เขายังคงทำสีหน้าราวกับไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาอยู่แบบนั้น : “ถ้าสั่งกันเรียบร้อยแล้วก็ดีแล้วล่ะ”
หยางผิงได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้ายิ้ม
“ใช่แล้วโม่อวี่ อีกเดี๋ยวปู่จะมาหาที่นี่นะ” ลี่อานโก๋หันกลับมา พูดกับลี่โม่อวี่ที่ไม่ยอมพูดอะไรมาตลอด
ลี่โม่อวี่ได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้น แต่ก็ยังคงไม่มองคนที่ได้ชื่อว่าพ่อเลยแม้แต่นิด เขาเพียงเปิดริมฝีปากบางๆ นั้นก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า : “คุณปู่หรือครับ? นี่ผมมีอะไรเยอะแยะแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ?”
“อวดดี!” ลี่อานโก๋ตะโกนขึ้น เพราะรู้สึกว่าลี่โม่อวี่นั้นเริ่มจะพูดอะไรตามใจปากไปเอง เขาโกรธจนเส้นเลือดผุดขึ้นที่หน้าผาก แต่ก็พยายามฝืนอดทนมันเอาไว้ : “อีกเดี๋ยวพอปู่มาท่าทีของนายก็จะดีขึ้นเองล่ะนะ”
“เหอะ…” ลี่โม่อวี่หัวเราะเบาๆ พร้อมด้วยสายตาที่ดุร้ายที่จ้องไปที่ลี่อานโก๋ ขณะเดียวกันเขาก็เอนหลังพิงพนัก พร้อมกับพูดขึ้นมาทีละคำว่า : “งั้นผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะครับ ว่าผมไม่มีปู่!”