บทที่ 209 คนที่ก่อเรื่องคือเธอ
จริงๆ แล้ว ความคิดของลี่จิ่งนั้นมันมีที่มาที่ไป
มันก็เหมือนกับเด็กคนหนึ่ง ที่ไม่อยากให้แม่ของตัวเองเกิดน้องชายหรือว่าน้องสาวมาแบบนั้น เพราะมันจะทำให้พวกเขารู้สึกถึงอันตราย และอาจจะได้รับความรักน้อยลง แต่ถ้าหากว่ามีน้องชายกับน้องสาวจริงๆ ล่ะก็ พวกเขาก็จะถูกปกป้องโดยพี่ชายหรือว่าพี่สาว โดยที่ไม่ได้รับความรักจากพ่อแม่น้อยลงไปเลย กลับกันกลับมีคนที่คอยเป็นห่วงเพิ่มขึ้นอีก
แต่ลี่จิ่งไม่ได้คิดถึงในจุดนี้ เขารู้สึกว่าการปรากฏตัวของลี่โม่อวี่นั้น ทำลายชีวิตหลังจากนี้ของเขา ทำให้เขารู้สึกว่าหลังจากนี้ที่บ้านตระกูลลี่จะไม่มีที่ให้เขากลับไป
ไม่เพียงแค่นี้ ลี่จิ่งไม่เพียงแต่เกลียดลี่โม่อวี่เท่านั้น แต่ยังเกลียดฉินอีหลินอีกด้วย
ถ้าหากเธอไม่ได้มีลูกถึงสองคน ถ้าหากเด็กผู้ชายที่ชื่อหลงหมิงเจ๋อนั่นไม่ได้เป็นหลานที่ถูกต้องล่ะก็ เขาก็คงจะพอมีโอกาสอยู่บ้าง
แต่พอเห็นท่าทีที่ดูมีความสุขของแม่และคุณปู่ของตัวเอง ดูพวกเขามีความสุขที่เด็กทั้งสองคนนั้นมีชีวิตอยู่
ทำให้คนที่เขาควรจะต้องข่มขู่ไม่มีเพียงแค่ลี่โม่อวี่แล้ว ยังมีอีกสองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นหลานชายและหลานสาวอีก
คนที่สร้างเหตุการณ์ขึ้นมาทั้งหมดนี้ ก็คือผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาคนเดียวเลย!
ถ้าหากฉินอีหลินไม่ได้มีลูก หรือว่าไม่เคยโผล่หน้ามาก่อน เขาก็คงไม่มีสภาพเหมือนอย่างตอนนี้แน่
พอคิดได้แบบนี้ ใบหน้าของลี่จิ่งก็บิดเบี้ยวไปมา
ในขณะนั้นเอง ดู้เทาก็นำเพื่อนสองคนมาถึงหน้าประตูของภัตตาคารพอดี
ก่อนหน้านั้นเขายังไม่ได้อธิบายแผนการของเขาให้ลี่จิ่งเข้าใจ จึงทำให้ทำได้เพียงมาเผชิญซึ่งๆ หน้าเท่านั้น เขาวาดฝันไว้ว่าหากทำให้ลูกนอกสมรสนั้นโกรธจนวิ่งหนีไปได้สำเร็จ ลี่จิ่งก็จะรู้สึกซาบซึ้งใจกับเขามากแน่นอน เขาอดใจรอไม่ไหวที่จะได้ตะเบ็งหัวเราะเลย
วันนี้จะให้เจ้าหมอนั่นได้เห็นว่า ดู้เทาคนนี้มีความสามารถมากแค่ไหนกัน!
“สวัสดีครับคุณปู่ คุณอาลี่ คุณป้าหยางผิง อยู่กันที่นี่หมดเลยนะครับ” ดู้เทาตั้งใจยิ้มร่าเดินเข้าไปในห้องอาหารกับเพื่อน พอมองเห็นทุกคนในห้องอาหารได้ชัดเจน เขาก็แสร้งทำเป็นประหลาดใจ ก่อนจะทักทายขึ้นอย่างมีมารยาท
ซึ่งพอเพื่อนทั้งสองคนที่ตามหลังดู้เทามา เห็นคนของตระกูลลี่เท่านั้น ต่างก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวทักทายขึ้น
แต่ละคนก็เป็นคนรุ่นพ่อทั้งนั้น ไม่มีใครกล้าที่จะพูดหรือทำอะไรกับตระกูลลี่อย่างแน่นอน โดยเฉพาะลี่จิ่ง การต้องเผชิญหน้าแบบนี้ต้องให้ความเคารพที่มากกว่านี้
“ทำไมถึงมากันได้ล่ะ?” คุณปู่ลี่คิดไม่ถึงว่า ดู้เทา หลี่เทียนและหยางเฟิงจะมาที่นี่ได้ ถึงแม้จะประหลาดใจอยู่บ้างก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้เผยมันออกทางสีหน้าแต่อย่างใด
“ก่อนหน้านี้ลี่จิ่งติดเลี้ยงข้าวผมอยู่มื้อหนึ่งน่ะครับ คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะโทรหาผม แต่เขากลับบอกว่าตอนนี้กำลังกินข้าวอยู่ ไว้ค่อยคุยกัน ประจวบกับผมได้ยินจากในสายว่า มีคนกำลังพูดถึงสวนเดอหวาพอดี ผมก็เลยรู้ว่าเป็นที่นี่น่ะครับ” ดู้เทาส่ายหัวไปมา ขณะที่เขาพูดว่าลี่จิ่งพูดปฏิเสธนั้น เขาก็ยังทำท่าจ้องไปหาคนนั้นด้วย
หลังจากที่ดู้เทาพูดจบ หยางเฟิงก็พูดขึ้นต่อว่า : “หลังจากที่มาถึง พวกเราก็ถามที่ส่วนหน้าครับ ว่าลี่จิ่งมาที่นี่หรือเปล่า พวกเขาก็บอกว่ามา แต่พวกเราคิดไม่ถึงว่าจะมีการนัดทานอาหารของตระกูลอยู่ที่นี่ด้วย ต้องขอโทษจริงๆ นะครับคุณปู่ พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”
พูดจบ ทั้งสามคนก็ทำท่าเตรียมจะเดินออกไป
“อย่าเพิ่งไปสิ อาหารก็ยังไม่มา พวกเธอมาสั่งสักหน่อยก็ได้ มาแล้วก็กินด้วยกัน ล้วนแล้วแต่เป็นญาติสนิทกันทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะ”
ดู้เทาหลี่เทียน หยางเฟิงและลี่จิ่งต่างก็เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กจนโต และแต่ไหนแต่ไรมาก็สวมแต่กางเกงยีนส์มาตลอด
คุณปู่ลี่ที่มองดูพวกเขาเติบโตมา จึงคุ้นเคยดีกับพวกเขา
แต่ถึงจะสนิทอย่างไรก็ตาม วันนี้เขาตั้งใจจัดงานเลี้ยงของตระกูล เพื่อต้อนรับลี่โม่อวี่เป็นพิเศษ คุณปู่ลี่จึงได้ให้เพื่อนของลี่จิ่งนั่งลง จริงๆ แล้วเขาก็มองเห็นว่าเขาให้ความสนใจกับหลานเป็นพิเศษ แต่ลี่จิ่งนั้นกลับหน้ามืดตามัวไปด้วยความเกลียดเคียดแค้น จึงทำให้ไม่ทันได้วิเคราะห์ให้ละเอียดถี่ถ้วน
“ก็แค่ข้าวมื้อเดียวเอง พวกนายถึงกับต้องมาตามหาฉันเลยหรือไง เอาไว้ครั้งหน้าฉันค่อยเชิญพวกนาย…” จริงๆ แล้วลี่จิ่งก็ตกใจที่จู่ๆ ดู้เทาก็เดินเข้ามากับเพื่อนอีกสองคน พอเห็นพวกเขาทั้งสามคน ดูเหมือนว่าจะเตรียมคำพูดมาไว้แล้วอย่างดี จึงทำได้เพียงตามน้ำไปเท่านั้น
จริงๆ เขาไม่ค่อยอยากให้พวกนี้มาอยู่ที่นี่เท่าไหร่ เป็นเพราะสิ่งที่พวกเขากำลังจะทำนั้น อาจจะถูกเปิดเผยก็เป็นได้
“คุณปู่ลี่ให้พวกเราอยู่ต่อแล้วแท้ๆ แต่นายอยากจะไล่ให้พวกเราไปงั้นหรือ?” ดู้เทาก่อนหน้าที่จะเข้ามา ก็พบว่าทุกคนต่างก็คุยกันอย่างสนุกสนาน จะมีก็เพียงเพื่อนสนิทของเขาเท่านั้น ที่นั่งอยู่คนเดียวอย่างเหงาๆ ตอนนั้นพวกเขาอยากที่จะเข้ามาอัดลูกนอกสมรสนั่นเต็มแก่ แต่เพื่อแผนการที่วางไว้ จึงทำได้เพียงอดทนเท่านั้น
แถมตอนนี้คุณปู่ลี่ก็เป็นคนออกปากเชิญเอง เขาจะยอมไปทำไมล่ะ?
ไม่รู้เลยว่าลี่โม่อวี่มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออกหรือไม่ เขาเพียงแต่กวาดตามองไปหาดู้เทา จากนั้นก็เอียงหน้าไปมองฉินอีหลิน เขามองดูฉินอีหลินที่ยกน้ำดื่มขึ้นจนเกลี้ยง เขาจึงรินให้เธออีกแก้วทันที
แต่พอฉินอีหลินเห็นในสิ่งที่ลี่โม่อวี่ทำ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตามองเขา เพื่อแสดงให้เห็นว่ายังมีคนนอกอยู่
แต่น่าเสียดายที่คนทั้งโต๊ะนี้ มีเพียงฉินอีหลินคนเดียวเท่านั้น ที่อยู่ในสายตาเขา ดังนั้นจึงไม่มีคนนอกสำหรับเขา
ไม่ว่าฉินอีหลินกับลี่โม่อวี่จะคิดอย่างไรก็ตาม แต่ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดก็อยู่ในสายตาของดู้เทา ราวกับว่าเป็นการเบ่งใส่เขาให้เห็น ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันทำให้พวกเขายิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก
“นั่งลงกันได้แล้ว” คุณปู่ลี่พูดขึ้นอีกครั้ง ลี่จิ่งเองก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรให้มากความอีก จึงจ้องไปยังเพื่อนสนิททั้งสามคน เป็นการยอมรับไปในตัวด้วย
ผ่านไปไม่นานอาหารทั้งหมดก็ถูกเสิร์ฟลงโต๊ะ ดู้เทาก็พูดคุยประจบประแจงกับคุณปู่ลี่ไปด้วย แล้วก็ไม่ลืมที่จะดื่มเหล้ากับลี่อานโก๋ไปด้วย อีกทั้งพูดคุยสัพเพเหระกับลี่จิ่งไปด้วย ถึงแม้จะเห็นว่าคุยกันอย่างมีความสุขก็ตาม แต่คนที่ถูกปล่อยอย่างโดดเดี่ยวตอนนี้ กลับเป็นลี่โม่อวี่กับฉินอีหลินแทน
พวกเขาทั้งสองคนต่างก็ไม่ชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว จึงมีความสุขที่ได้เป็นอิสระแบบนี้
“ดูคุณสิ ช่วงนี้ผอมมากเลยนะครับ กินเนื้อให้มากกว่านี้สิ” ลี่โม่อวี่เห็นว่าฉินอีหลินไม่จับตะเกียบเลย จึงขมวดคิ้วพร้อมทั้งคีบอาหารให้กับผู้หญิงตัวเล็กๆ ข้างเขา
“อืม ได้ค่ะ” ฉินอีหลินกลัวว่าจะมีคนสังเกตเห็นการกระทำของพวกเธอทั้งสองคน ขณะที่ลี่โม่อวี่คีบอาหารให้เธอนั้น เธอจึงกินมันไปอย่างรวดเร็ว
แต่เป็นเพราะเธอพยายามที่จะปกปิดท่าทีที่ประหม่าของตัวเอง ทำให้คนอื่นนั้นมองดูยิ่งรู้สึกว่าหวานชื่นขึ้นด้วยซ้ำ
“กินเห็ดหน่อยสิ จะได้สดชื่น” ลี่โม่อวี่ไม่สนใจว่าฉินอีหลินจะรู้สึกประหม่าแค่ไหน พอเห็นเธอกินคำหนึ่ง เขาก็คีบให้เธออีกชิ้นหนึ่งทันที
“พวกนายอย่ามาทำตัวแบบนี้ได้ไหม เชื่อไหมว่าฉันอัดพวกนายได้นะ” ลี่จิ่งเห็นว่าเพื่อนของเขาทำท่าทีล้อเลียนไปมา ก็อดไม่ได้ที่จะพูดด่าขึ้น
แต่ดู้เทาที่เห็นท่าทีของลี่โม่อวี่ ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์มาตั้งนานแล้ว จึงสบโอกาสเหมาะพอดี
“อย่าๆ พวกเราเชื่ออยู่แล้ว หากคนของตระกูลลี่บอกว่าจะลงมือ พวกเราจะไม่เชื่อได้อย่างไรล่ะ”
“ใช่ๆ” หลี่เทียนเองก็เข้าใจในความหมายของดู้เทาจึงพูดเสริมขึ้นมาด้วยอีกคน
แต่คำพูดดังกล่าว ทำให้บรรยากาศที่ครึกครื้น กลับเยือกเย็นลงมา
คุณปู่ลี่ยังคงยิ้มมองไปที่ดู้เทาโดยไม่พูดอะไรสักคำ ราวกับว่าเป็นแค่เด็กที่มาสร้างความก่อกวนเท่านั้น แต่แววตาของเขากลับยิ่งเยือกเย็นมากไปทุกที
ส่วนลี่อานโก๋นั้นเห็นว่าพ่อของตนไม่พูดอะไร ถึงจะรู้สึกไม่สบอารมณ์แค่ไหนก็ตาม แต่ก็ไม่อาจพูดอะไรได้