บทที่ 243 เรื่องราวไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
ลี่โม่อวี่เห็นท่าทางของลี่อานโก๋ ในใจก็ยิ่งโมโหขึ้น
ตอนแรกเขาไม่ได้รอเจอคนนี้ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าลี่จิ่งอยู่ที่ไหน ความ
ตอนนี้ลี่โม่อสี่ถูกเรื่องของชิวหันเยียนและ องค์กร”K”ทำให้วุ่นจนหัวหมุน ไม่มีอารมณ์ไปสนใจเรื่องของคนโง่
เห้อห้าวเห็นบรรยากาศระหว่างเขายิ่งเงียบยิ่งกว่าเดิม พูดเบาๆ กับลี่โม่อวี่อย่างอึดอัดว่า “พี่ใหญ่ งั้นผมไปกันก่อนนะครับ ถ้าพี่ทำธุระเสร็จ หาเวลาว่างไป ผับเม่ยโห้ ผมจะรอพี่อยู่ที่นั่น”
“มีเรื่องอะไรก็พูดตอนนี้”
ลี่โม่อวี่ไม่อยากห่างจากฉินอีหลินแม้แต่วินาทีเดียว เพียงแค่นั่งชิงช้าสวรรค์ ยังเกิดเรื่องกับผู้หญิงคนนี้ได้ ถ้าพระเจ้ารู้ว่าเขาไป ผับเม่ยโห้ ก็คงมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกแน่
เห้อห้าวมองลี่อานโก๋และ หยางผิงที่อยู่ด้านข้าง ก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
ลี่โม่อวี่เห็นสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่อยากทำให้ลำบาก ในเมื่อเห้อห้าวบอกใบ้ซะขนาดนี้ ถ้าหากเขายังบังคับให้เขาพูดตอนนี้ งั้นสมองก็งคงมีปัญหาแล้วจริงๆ พยักหน้าเล็กน้อย และพูดกับเขาว่า “พี่รู้แล้ว แกกลับไปก่อนเถอะ บอก เป้าจื่อด้วยว่า มีสติให้มากหน่อย”
“ครับ”
“โม่อวี่ ใครอยู่ข้างนอกคะ?”
ฉินอีหลินอยู่ในห้องผู้ป่วยได้ยินเสียงเอ๋ะอะจากข้างนอก เธอจำได้ว่าเมื่อกี้ลี่โม่อวี่ออกไปหาเห้อห้าว บอกว่ามีเรื่องคุย แต่ว่าถึงเรื่องจะใหญ่ แต่พวกเขาก็คงไม่ทะเลาะกัน สงสัยในใจ และเธอก็ตะโกนออกมาเสียงดัง
“อีหลิน ฉันคือป้าหยาง ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?”
หยางผิงเห็นฉินอีหลินตะโกนออกมาจากห้องผู้ป่วย ก็ตอบกลับเร็วกว่าลี่โม่อวี่หลายเท่า เธอรีบตอบก่อนผู้ชายที่ยืนขวางอยู่หน้าประตู ถ้าหากเป็นลี่โม่อวี่ตอบ เขาคงตอบว่า “ไม่มีอะไร” “ผมจะเข้าไปเดี๋ยวนี้” แบบนี้ งั้นเธอและลี่อานโก๋ก็คงต้องกลับไปจริงๆ
“ฉันดีขึ้นมากแล้วค่ะ ป้าหยาง รีบเข้ามาเถอะค่ะ อย่าอยู่หน้าประตูเลย”
หลังจากที่ฉินอีหลอนได้ยินเสียงของหยางผิง ก็ปะติดปะต่อเรื่องได้ ไม่สนว่าลี่จิ่งจะทำเรื่องเลวทรามแค่ไหน ยังไงลี่อานโก๋และหยางผิง ก็เป็นครอบครัวของเขา เธอไม่ยอมให้เขา” ไม่มีพ่อแม่” ไปทั้งชีวิต
“จ้า”
หยางผิงได้ยินฉินอีหลินให้เธอเข้าไป ใบหน้าก็ยิ้มแย้มแจ่มใส แม้แต่ริ้วรอยข้างขอบตาก็เต็มไปด้วยความสุข
เดินอ้อมลี่โม่อวี่ที่ยืนขวางอยู่หน้าประตูหยางผิง ผลักประตูเข้าไปท” เห็นสีหน้าเธอดูดีขึ้นแล้ว”
“ช่วงนี้กินแล้วก็นอน นอนตื่นก็กิน ไม่ต้องคิดอะไร อ้วนขึ้นเยอะเลยค่ะ”
ฉินอีหลินเห็นหยางผิง และลี่อานโก๋ผลักประตูเข้ามา ใบหน้าก็มีรอยยิ้มขึ้น “คุณและคุณลุงลี่มากันยังไงคะ?”
“ก็แค่คิดถึงเด็กๆ แล้ว และคุณลุงลี่ของเธอยังหยุดงานอีก ก็เลยมาดูเด็กทั้งสองคน แต่ว่าก็เป็นห่วงบาดแผลของเธอ ก็เลยมาเยี่ยม แต่ว่าดูสีหน้าของเธอแล้ว คงไม่มีปัญหาอะไรมาก”
หยางผิงก็ไม่ปิดบังความคิด เธอวางยาบำรุงในมือลง และค่อยๆ ยกให้ฉินอีหลิน
“ค่ะ ดีมากแล้ว โม่อวี่ คุณไปล้างผลไม้เถอะ”
ฉินอีหลินเห็นลี่โม่อวี่สีหน้าไม่ค่อยดียืนอยู่ข้างๆ ก็อาการอึดอัด ก็เลยชี้ไปที่ตะกร้าผลไม้ที่เห้อห้าวถือเข้ามาเมื่อกี้ บอกให้เขาไปล้าง
ถึงแม้ลี่โม่อวี่จะไม่ยินยอม แต่ว่าลี่โม่อวี่ไว้หน้าฉินอีหลิน
“ไม่ต้องทำ ไม่ต้องทำ”
หยางผิงเห็นลี่โม่อวี่ไปล้างผลไม้ ความจริงในใจมีความสุขแทบบ้า แต่ใบหน้ายังทำเหมือนไม่เป็นไร กลัวว่าเธอจะแสดงออกชัดเกินไป จนทำให้ลี่โม่อวี่รู้สึกแปลกไป
แต่ว่าลี่โม่อวี่กลับไม่ได้สนใจหนางผิง เขาหยิบตะกร้าไม้บนโต๊ะ หมุนตัวเดินออกจากห้องผู้ป่วยไป ไม่หันกลับมามองลี่อานโก๋และหยางผิงเลย
“พวกคุณลำบากมาทั้งทาง พักเท้าเถอะค่ะ สักพักให้ลี่โม่อวี่พาพวกคุณไปที่บ้านแม่ฉัน เด็กทั้งสองคนอยู่บ้าน ถ้าหากคุณไม่รีบกลับไป ก็พักอยู่ที่บ้านก็ได้ค่ะ เวลาปกติแม่ฉันเป็นคนดูแลลูกค่ะ
ฉินอีหลินรู้ว่าเด็กๆ มีความสำคัญกับคนแก่มากๆ และยิ่งไปกว่านั้นเด็กๆ เป็นหลานสาวและหลานชายของหยางผิง
ตอนนี้เห็นพวกเขาตั้งใจมาดูเด็กๆ ก็เลยเอาใจใส่หยางผิงเป็นพิเศษ
เธอไม่ใช่ไม่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น และคงไม่ขัดขวางพวกเขาไม่ให้เจอเด็กๆ
“จะไม่ต้อนรับดีเกินไปหน่อยเหรอ”
หยางผิงคิดไม่ถึงว่าฉินอีหลินจะยอมทำถึงขั้นนี้ ก็เลยลังเลขึ้นมาบ้าง
“ไม่เป็นไรค่ะ ที่บ้านมีห้องรับแขกอยู่แล้ว แค่คุณไม่รังเกียจก็พอ”
พูดมาถึงตรงนี้ ลี่โม่อวี่ก็มือผลไม้ที่ล้างเสร็จแล้วเข้ามา ฉินอีหลินเห็นแบบนี้ ทั้งทักให้ลี่อานโก๋ทานผลไม้ ทั้งให้ชายผู้นี้รับเรื่องที่เพิ่งตัดสินใจเมื่อกี้
แต่ลี่โม่อวี่กลับไม่ค่อยยินยอม แม้แต่ ผับเม่ยโห้เขายังไม่อยากไป ยิ่งไปกว่านั้นต้องส่งหยางผิงไปตระกูลหลง ตอนนี้แค่เขาห่างจากฉินอีหลินสักพัก ก็จะรู้สึกว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอ
“แกไปส่งแม่ของแก ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนอีหลิน”
ลี่อานโก๋ไม่ใช่เด็ก เขาเห็นลี่โม่อวี่ลำบากใจ ก็รู้ว่าเขากังวลอะไร ก็เลยพูดออกมาแบบนี้
ฉินอีหลินคิดไม่ถึงว่าลี่อานโก๋จะขออยู่เป็นเพื่อนเธอเอง ตอนนี้เธอตกใจไปสักพัก
แต่ว่าไม่นานเธอก็เรียกสติกลับมา เขาต้องเรื่องอะไรอยากคุยกับเธอแน่ๆ
หรือว่าจะเป็นเรื่องเขาที่ต้องรับมือกับตระกูลลี่?
เก็บอารมณ์ของตัวเองไว้ให้ดี ฉินอีหลินยิ้มให้ลี่โม่อวี่และพูดว่า “คุณลุงลี่อยู่เป็นเพื่อนฉันที่นี่ คุณยังมีอะไรไม่วางใจอีก ไปแนะนำคุณย่ากับลูกๆ ดีๆ พวกเขารอให้คุณย่าที่รักและเอ็นดูพวกเขาอยู่”
“ครับ”
ลี่โม่อวี่จะไม่ฉีกหน้าฉินอีหลอนเพราะเรื่องนี้ ดังนั้นตอนนี้ไม่สนว่าเขาจะไม่ยินยอมแค่ เขาก็จะไปส่งหยางผิง “งั้นผมไปก่อนนะ มีเรื่องอะไรโทรหาผมได้ทุกเวลา อย่าลืมนะ”
“ไปเถอะค่ะ”
เห็นเขาและหยางผิง ออกไป ฉินอีหลินถึงหันหน้ากลับมามองลี่อานโก่ สีหน้าบอกว่ามีอะไรก็รีบถามออกมา
ลี่อานโก๋ก็เป็นคนตรงไปตรงมา หรืออาจจะเพราะว่านิสัยของทหาร เขาเลยไม่ชอบอ้อมค้อม ตอนนี้หลังจากที่ฉินอีหลินทายถูกว่าเขามาทำไม ก็ไม่พูดไร้สาระ และถามออกมาตรงๆ ว่า “เรื่องของลี่จิ่ง พ่อของเธอเป็นคนทำใช่ไหม?”
“ค่ะ”
ตอนนีฉินอีหลินก็ไม่เลี่ยงต่อไป ใช่ก็คือใช่ ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ปิดบังไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ว่าหลังจากหยุดไปสักพัก เธอกลับพูดต่อว่า “แต่ว่าฉันกลับจากเมืองหลวงมากั่งซื่อ เคยบอกคุณพ่อว่า ไม่ให้เขาเล่นงานตระกูลลี่แล้ว”
“ก่อนหน้าหนึ่งเดียว”
“ค่ะ”
ฉินอีหลินพยักหน้ารับ แต่ว่าเธอยังเห็นลี่อันโก๋ขมวดคิ้วอยู่ ก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น
ไตร่ตรองสักนิด เธอจ้องทองลี่อานโก๋ และค่อยๆ พูดออกมา
“คุณลุงลี่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณหรือเปล่าคะ?”
ถึงแม้ช่วงนี้ฉินอีหลินไม่ได้ใช้สมองสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสมองของเธอจะขึ้นสนิม เห็นท่าทางเคร่งขรึมของลี่อานโก๋ ในใจของฉินอีหลินก็เต้นขึ้นมาเบาๆ สีหน้าก็เป็นกังวลขึ้นมา “ตามตำแหน่งของคุณในตอนนี้ ประเทศคงไม่ให้คุณได้ลาพักง่ายๆ”