บทที่ 255 กระโดดลงแม่น้ำ
ส่วนอีกสองคนเดินถอยหลังและวิ่งหนีจากไป
ความสัมพันธ์ดั่งพี่น้องหรอ?
ทรัพย์สินมีค่าสามารถขายได้เท่าไหร่กัน? สามารถแลกเปลี่ยนกับโอกาสรอดได้หรือเปล่า?
เมื่อผู้ชายผมทองเห็นสองคนนั้นหนีไปก็เปลี่ยนสีหน้าทันที
เขาดินเข้ามาคุกเข่าเบื้องหน้าฉินอีหลิน และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า : “พี่สาว ผมผิดไปแล้ว ผมมีตาหามีแววไม่กล้ามามีเรื่องกับคุณ ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะนะ ผมขอร้องล่ะ”
เมื่อพูดจบ จู่ๆเขาก็ยื่นมือตบใส่บนใบหน้าของตัวเอง ซึ่งมีพละกำลังแรงกว่าที่กระทำต่อ เสี่ยวเซี่ยก่อนหน้านี้มาก : “ได้โปรดปล่อยผมเถอะ ผมไม่กล้าทำอีกแล้วครับ”
“คุณให้อภัยผมเถอะนะครับ”
ผู้ชายผมทองทำร้ายตัวเองอยู่ประมาณหนึ่งนาทีกว่า จนบนแก้มทั้งสองข้างช้ำบวมอย่างเห็นได้ชัด และในปากก็มีเลือดแดงฉานด้วย แต่เขาไม่กล้าหยุด เพราะเกรงกลัวว่าจะไม่สามารถมีชีวิตรอดกลับไป
พี่ใหญ่เก่งกาจขนาดนั้นยังถูกปลิดชีวิตเพียงใบมีดด้ามเดียวเลย แล้วเขาจะกล้าต่อกรได้ยังไงกัน
ฉินอีหลินจ้องมองการกระทำของผู้ชายผมทองด้วยสายตาแหลมคม โดยไม่พูดอะไรสักคำ จนกระทั่งแก้มของคนนั้นช้ำอย่างรุนแรง เธอถึงจะถีบใส่หน้าอกของผู้ชายผมทองหนึ่งที แล้วจับตัวเขาที่มีความสูงหนึ่งเมตรเก้าสิบเซนติเมตรทุ่มลงพื้นอย่างแรง
“พี่สาว คุณถีบผมเหมาะสมแล้ว ผมผิดเองที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ผมสมควรโดนแล้ว!”
ผู้ชายผมทองคนนั้นฟุบตัวลงบนพื้น จากนั้นก็รู้สึกเห็นทุกอย่างเบื้องหน้ามืดมน เขาไม่กล้านอนแกล้งตายบนพื้น แต่รีบลุกขึ้นจากพื้นอย่างกระเสือกกระสน แล้วตบใส่หน้าตัวเองต่อ
ฉินอีหลินยังคงไม่พูดอะไร เธอหรี่ตาเดินเข้ามาข้างหน้าไม่กี่ก้าว จากนั้นก็ถีบใส่ใบหน้าของผู้ชายผมทองหนึ่งที ซึ่งด้วยพละกำลังเท้านี้ทำให้ดวงตาของเขาเริ่มแดงช้ำขึ้น ขณะเดียวกันร่างกายก็โน้มตัวลงบนพื้นตามแรงโน้มถ่วง
ครั้งนี้ไม่รอผู้ชายผมทองลุกขึ้นก่อน เธอรีบเดินเข้ามาข้างหน้า และเตะผู้ชายผมทองที่นอนฟุบบนพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเน้นเตะตรงหน้าท้อง ถ้าหากผู้ชายผมทองเป็นคนละเอียด เขาจะพบว่า เป็นตำแหน่งเดียวกับที่เขาเตะ เสี่ยวเซี่ยเลย
“อ่า!”
ผู้ชายผมทองร้องโหยหวยด้วยความเจ็บปวดพลาง และพยายามคลายหนีพลาง เหมือนกับทำแบบนี้แล้วจะสามารถหลุดพ้นจากการทำร้ายของฉินอีหลิน
หลังจากคลานหนีได้ประมาณครึ่งเมตร เขาก็ยื่นมือคว้าจับถุงดำที่บรรจุทรัพย์สินมีค่า ขณะเดียวกันก็ขว้างใส่ใบหน้าของผู้หญิงอย่างรวดเร็วด้วย
ฉินอีหลินยกมือขึ้นมาสกัดกั้นอัตโนมัติ ซึ่งเวลาเดียวกันผู้ชายผมทองก็รีบลุกขึ้นหนีจากไป
แต่ฉินอีหลินไม่เสียเวลา เธอรีบวิ่งกระโจนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เตะคนนั้นจากข้างหลัง
ผู้ชายผมทองพ่นเลือดออกมาด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็ล้มตัวลงข้างหน้าอย่างหมดเรี่ยวแรง
จากนั้นสิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นเบื้องหน้าคือพุ่มหญ้าอันหนาทึบ
ฉินอีหลินค่อยๆดึงเท้าที่เหยียบต้นคอของผู้ชายผมทองขึ้นมา แล้วหันหน้ามองตรงบริเวณที่โทรศัพท์เพิ่งตกเมื่อกี้
เพราะผู้ชายผมทองขว้างถุงด้วยพละกำลังที่แรงเกินไป และรอบบริเวณมีก้อนหินและต้นไม้เป็นส่วนใหญ่ด้วย สุดท้ายโทรศัพท์พังอย่างไม่ต้องสงสัย
ฉินอีหลินเขย่าโทรศัพท์ที่พังด้วยสีหน้าจนปัญญา
แต่เธอไม่ใช่คนที่ชอบรู้สึกเสียใจภายหลัง ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว เธอทำได้เพียงยอมรับ
สุดท้ายฉินอีหลินก็เหลือบมองสองศพที่กำลังจะสูญเสียอุณหภูมิ จากนั้นเธอก็เดินตรงออกไปจากป่าใหญ่ตามสัญชาตญาณ
ชนกลุ่มน้อยอย่างตระกูลซือ คงไม่มีทางสร้างบ้านริมถนน และเขียนบนป้ายว่า “ยินดีต้อนรับมาเที่ยวเล่นบ้านตระกูลซือ” หรอก
ความมืดยามราตรีค่อยใกล้เข้ามา ขณะเดียวกันอากาศยามค่ำคืนในภูเขาลึกก็เริ่มต่ำลงด้วย ฉินอีหลินเดินตรงไปข้างหน้าย่างระมัดระวัง โดยที่เธอแทบไม่รู้จักเส้นทางเลย
ถึงแม้บ้านตระกูลซือ ไม่มีทางสร้างบ้านริมถนน แต่ก็คงไม่สร้างบ้านอยู่ที่นี่ทำให้ตัวเองลำบากหรอก?
ขณะที่ฉินอีหลินครุ่นคิดพลาง และเดินโดยไม่รู้เส้นทางพลางนั้น จู่ๆแผ่นหลังของเธอก็รู้สึกเย็นวาบขึ้น
เธอหันหน้ามองกลับไปอย่างเชื่องช้า และบังเอิญเห็นดวงตาสีเขียวคู่หนึ่งจากที่ไกล
หมาป่า
ฉินอีหลินกลืนน้ำลายด้วยความกล้ำกลืน โชคดีหมาป่าที่เธอเจอมีเพียงตัวเดียว แต่ต่อให้มีตัวเดียว แต่ก็สามารถคร่าชีวิตของเธอได้!
ตอนที่รู้สึกเบื่อเมื่อก่อน เธอเคยชอบดู (รูปสัญลักษณ์เผ่าหมาป่า) ของคุณ เจียงหรง แต่ในตอนนั้นเป็นเพียงนิทาน เธอแทบนึกไม่ออกว่าเนื้อหากล่าวถึงความน่ากลัวของหมาป่าอะไรบ้าง
โจมตีด้วยอาวุธโลหะ?
เธอจะไปเอาอาวุธโลหะที่ไหน
คบไฟ?
แม้แต่ไฟแช็กเธอยังไม่มีเลย แล้วจะให้เธอบอกหมาป่าว่า : พี่หมาป่า รอแปบนะคะ รอฉันเก็บไม้มาทำคบไฟหน่อย…..
เป็นครั้งแรกที่ฉินอีหลินสัมผัสถึงความเป็นความตาย
เมื่อก่อนไม่ว่าองค์กร “K” จะเล่นงานยังไง เธอพอรู้ว่าพวกเขาต้องการเป็นบททดสอบเธอ ไม่กล้าฆ่าเธอ แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมือนกัน เธอไม่ได้ต่อกรกับคน ขอเพียงเธอแสดงอาการตื่นตระหนก เจ้าหมาป่าตัวนี้ก็พร้อมวิ่งกระโจนเข้ามา
เหงื่อเย็นไหลลงตามหน้าผากของเธอทีละหยดทีละหยด
บางครั้งตอนที่คนเราตกอยู่ในสภาวะร้องขอชีวิต ประสาทสัมผัสทั้งห้าจะเปลี่ยนเป็นอ่อนไหวและเฉียบขาดทันที
จู่ๆเธอก็ได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ข้างหลังของเธอ ถึงแม้เสียงจะแผ่วเบามาก แต่เธอได้ยินจริงๆ
ก่อนออกมาครั้งนี้ฉินอีหลินพกใบมีดติดตัวทั้งหมดสี่ด้าม ด้ามแรกเสียบบนคอหอยของผู้ชายคนนั้นแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่ในมือของเธอ
ฉินอีหลินหรี่ตาลงตั้งสติ เธอรู้อยู่แก่ใจว่า พึ่งพาเพียงสองขาของตัวเองไม่สามารถหนีรอดพ้นจากหมาป่าได้ แต่ถ้าในมือของเธอมี “อาวุธลับ” ไม่แน่ยังพอมีโอกาสรอด
เมื่อคิดแบบนี้ เธอก็ขับฟันแน่น พร้อมดึงมีดด้ามหนึ่งออกมา
ตอนที่เธออยู่ประเทศ Y เมื่อก่อน เพื่อฝึกฝนพละกำลังตรงข้อมือของเธอ ให้เธอโยนก้อนหนึ่งหนึ่งร้อยก้อนทุกวัน จนตอนนี้มีความเชี่ยวชาญ
ถึงแม้ใบมีดจะไม่สามารถควบคุมน้ำหนักง่ายเท่ากับก้อนหิน แต่ในสถานการณ์ที่ร้องขอชีวิต ฉินอีหลินขว้างอย่างแม่นยำ จนใบมีดเสียบเข้าบนขาของหมาป่าตัวนั้น
ถึงแม้หมาป่ามีเนื้อหนา แต่ยังพอสามารถทำให้บาดเจ็บได้อยู่
หลังจากใบมีดหลุดออกจากมือ ฉินอีหลินก็รีบหันหลังวิ่งตรงไปข้างหลัง ในตอนนี้ดวงตาของเธอสามารถปรับสายตาจากความมืดยามค่ำคืนได้แล้ว เธอวิ่งฝ่าต้นไม้หนาแน่นยามค่ำคืนอย่างว่องไว
ส่วนหมาป่าที่ได้รับบาดเจ็บตรงขาก็ได้ถูกกระตุ้นสัญชาตญาณสัตว์ป่าแล้ว มันรีบวิ่งตามหลังฉินอีหลังอย่างไม่ร้อง
เมื่อพบคนร้องคำรามคือหมา แต่หมาป่าคิดเพียงต่อกรศัตรู
เสียงจากข้างหลังยิ่งเข้าใกล้ขึ้นทุกที ในตอนนี้บนหน้าผากฉินอีหลินเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เธอหันหลังขว้างใบมีดหนึ่งเล่ม ครั้งนี้หมาป่าได้เตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว มันสามารถหลบหลีกจากการจู่โจมจากฉินอีหลินอย่างสบาย
แต่ตอนที่มันหลบยังพอสามารถให้เวลาหนีกับฉินอีหลินได้อยู่ เสียงน้ำไหลเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆแล้ว เหมือนกับฉินอีหลินมองเห็นความหวัง
เหมือนกับหมาป่ารู้ว่าฉินอีหลินกำลังคิดจะทำอะไร มันรีบเร่งฝีเท้าและเพิ่มความเร็ว แต่เพราะขาได้รับบาดเจ็บ และในตอนนี้เลือดก็ค่อยๆไหลออกมาด้วย มันเลยลดความเร็วลงอัตโนมัติ
ในตอนนี้ฉินอีหลินวิ่งมาถึงริมแม่น้ำแล้ว
เธอคิดไม่ถึงว่าในป่าลึกแบบนี้มีแม่น้ำลึกแบบนี้ด้วย เธอไม่มีเวลาครุ่นคิดรีบกระโดดลงแม่น้ำทันที
ถึงแม้แม่น้ำนี้จะดูสงบนิ่ง แต่อันที่จริงแล้วไหลเชี่ยวมาก ในสภาวะที่ฉินอีหลินอับจนหนทาง เธอทำได้เพียงทิ้งตัวไหลตามกระแสน้ำ
หมาป่าตัวนั้นก็วิ่งมาถึงเหมือนกัน มันยืนจ้องมองคนที่อยู่ในน้ำด้วยท่าทางสูงส่งเหมือนราชา