บทที่ 262 ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ
ซือเซี่ยได้เอ่ยขึ้นมาก่อน เขาออกมาครั้งนี้ก็เพื่อจะพาเธอไปพบกับเขา เป็นธรรมดาที่ไม่ต้องหลบต้องซ่อน
“แต่ว่าคุณต้องจำไว้ สถานะตอนนี้ของคุณคือคุณนายน้อยของตระกูลซือ จะทำเรื่องขายหน้าให้ตระกูลซือไม่ได้เด็ดขาด”
“อันนี้ฉันรู้ดี”
อย่าว่าแต่ว่าเธอจะขอร้องซือเซี่ยเลย แค่ความสัมพันธ์ทั่วไป เธอเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำเรื่องเสียหายให้ครอบครัวใครโดยเฉพาะครอบครัวที่เธอเองก็ไม่ได้มีความแค้นใด ๆ ด้วย
ฉินอีหลินก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีตระกูล ย่อมรู้ดีถึงความสำคัญของหน้าตา
ศักดิ์ศรีวงศ์
“คุณกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ผมจะจัดตารางเวลาให้คุณเอง”
ซือเซี่ยไม่อยากจะมีพูดกับฉินอีหลินมากนัก จึงพูดออกคำสั่งกึ่งส่งแขก
“ประมาณเมื่อไหร่”
ฉินอีหลินในตอนนี้นั้นไม่มีกะจิตกะใจอยากจะพัก และก็คงไม่สามารถพักผ่อนอย่างสบายใจได้ ในหัวของเธอมีแต่ลี่โม่อวี่
“พรุ่งนี้ช่วงบ่าย”
ซือเซี่ยนั้นเข้าใจความคิดถึงของเธอ จึงได้คิดและตอบไป
จริง ๆ กำหนดไว้พรุ่งนี้นั้นเขาก็ทำเต็มที่แล้ว คดีของลี่โม่อวี่นี้อ่อนไหวและเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงไปถึงครอบครัวผู้มีอิทธิพลและการเมือง เขาไม่สามารถตัดสินใจได้แต่เพียงคนเดียวก็สามารถจัดการเรื่องนี้ได้
จริง ๆ แล้วเขาไม่ต้องเร่งรัดเวลาขนาดนี้ เรื่องนี้ใช้เวลาสองวันก็ถือว่าเร็ซแล้ว แต่เขายินดีที่จะกดดันคนพวกนั้นให้พวกเขาเร่งรัดให้เร็วขึ้น ก็ดีกว่าที่จะต้องให้ฉินอีหลินรออย่างทุกข์ทรมานใจ
ซือฉีเคยบอกว่า เธออาเจียนตั้งแต่เมื่อวาน เขาจึงไปถามคุณหมอ คุณหมอบอกว่าเพราะว่าใจร้อนเป็นเหตุ
เขาไม่สามารถเป็นเพียงหนึ่งเดียวในสายตาของเธอได้ ถ้าอย่างนั้นก็พยายามเต็มที่เพื่อทำให้เธอคลายทุกข์
“ฉันรู้แล้ว”
ฉินอีหลินได้ยินก็พยักหน้าเบา ๆ แล้วก็หันหลังเดินจากไป
เธอกลับมาถึงห้อง รู้สึกใจหวิว ๆ และก็ทุกข์ใจ
แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าคิดถึงลี่โม่อวี่มากไป แต่ว่าฉินอีหลินนั้นก็ไม่เป็นอันทำอะไรเลย ตอนแรกนึกว่ากระหายน้ำ แต่ว่าเมื่อเดินไปถึงที่โต๊ะก็ลืมว่าจะทำอะไร สุดท้ายก็ยืนเหม่ออยู่ที่โต๊ะอยู่นาน
เธอถอนหายใจช้า ๆ ไม่รู้ว่าชีวิตแบบนี้จะต้องเป็นไปอีกนานเท่าไหร่
เครียดจนเริ่มที่จะบิดเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ ตอนนี้เธออยากที่จะเปลือยกายให้เหมือนคนป่า เธอเองก็มีเรื่องราวมากมายทับถมจนแทบจะหายใจไม่ออก และเสื้อผ้านี้ก็รัดเธอแน่นเหลือเกิน ทำให้เธอยิ่งรู้สึกเหมือนจะขายอากาศหายใจตาย
มองดูโทรศัพท์บนโต๊ะ ฉินอีหลินได้แต่ถอนหายใจยอมรับชะตากรรม จากนั้นก็โทรไปหาพ่อของตัวเอง
“พ่อคะ หนูอีหลินค่ะ”
ฉินอีหลินรออีกฝ่ายรับสายและก็พูดทันที
“ทำไมมือถือปิดไปล่ะคะ วันสองวันนี้ไปไหนมาหรือคะ”
วันสองวันมานี้หลงเซี่ยวเทียนนั้นยุ่งจนไม่มีเวลาหายใจ แต่ก็ไม่สามารถบอกอานหน้ากับเจ้าสองตัวยุ่งได้ นี่ทำให้เขารู้สึกกลัวอยู่บ้าง ถ้าหากลูกสาวที่รักรู้ข่าวที่ไม่ดีนักของเขา แล้วเกิดอะไรไม่ดีขึ้น อย่าว่าแต่อานหน้าเลย แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่มีวันให้อภัยตัวเองได้
“รถทัวร์ได้ถูกโจรดักปล้น ฉันต้องใช้กำลังมากมายเพื่อที่จะหนีออกมา ต่อมาบังเอิญเจอคนของตระกูลซือ ถือว่าฟาดเคราะห์แล้วเจอโชคดี วันสองวันนี้ยุ่ง ๆ เลยไม่ได้โทรหาลูกเลย”
ฉินอีหลินไม่อยากจะพูดถึงเรื่องของคนพวกนั้น ยิ่งไม่อยากจะพูดเรื่องที่มีหมาป่าไล่จนต้องหนีเอาชีวิตรอด เรื่องก็ผ่านไปแล้ว เธอไม่อยากให้พ่อไม่สบายใจ
“แล้วตอนนี้พ่อเป็นยังไงบ้างคะ ได้รับบาดเจ็บอะไรไหม?”
หลงเซี่ยวเทียนได้ยินที่ลูกสาวพูดก็โล่งอก แต่ว่าเรื่องราวตอนนั้นคับขันมาก ด้วยความสามารถของเธอ คงไม่ทำโทรศัพท์หาย และอีกอย่างเวลาผ่านไปนานขนาดนี้ถึงจะติดต่อเขามา
แต่ในเมื่อฉินอีหลินไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ เขาก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องซะดีกว่า
เธอยิ้มและพูดอย่างอ่อนโยน
“ไม่มีลูก ตอนนี้พ่อสบายดี”
“รักษาสุขภาพนะ ถ้าหากคนของตระกูลซือเรียกร้องอะไรที่เกินไป อะไรควรปฏิเสธ ลูกก็ปฏิเสธนะ มันต้องมีวิธีอื่น”
“ค่ะ รู้แล้ว”
ฉินอีหลินได้ฟังแล้วก็สบายใจ ต้องมีคนที่ไม่สนใจว่าคุณจะประสบความสำเร็จหรือจะล้มเหลว พวกเขาแค่สนใจว่าคุณปลอดภัยไหม มีความสุขหรือเปล่า
“อีหลิน เธออย่าทำให้ตัวเองเสียใจนะ”
หลงเซี่ยวเทียนรู้ดีว่าตระกูลซือคงไม่รับปากคำขอของเขาง่าย ๆ เขาไม่ใช่เด็กสามขวบ ย่อมรู้ดีว่าเมื่อทำเรื่องอะไรลงไปแล้วก็ต้องมีราคาที่ต้องจ่าย บนโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ หรอก
“สบายใจได้”
ถ้างั้นพักผ่อนเถอะนะ มีปัญหาอะไรก็ให้ติดต่อมาได้ตลอดเวลา
อืม
หลังวางสาย ฉินอีหลินนั่งใจลอยอยู่บนเตียง
ไม่รู้ว่าลี่โม่อวี่จะลำบากอะไรหรือเปล่า เขาที่เป็นคนที่หยิ่งยโสขนาดนั้น
ซือฉีที่คอยบริการอยู่ข้าง ๆ ตลอด เธอเห็นคุณนายน้อยของตัวเองดูเหมือนคนไร้หนทาง ก็พลอยเป็นทุกข์ไปด้วย
ความรักทำให้คนเป็นห่วงขนาดนี้เชียวหรือ?
ฉินอีหลินนั่งใจลอยอยู่นาน ระหว่างนั้นซือฉีก็ส่งอาหารค่ำมา เธอก็แค่หยิบตะเกียบมาคีบไปไม่กี่ครั้งก็ไม่ได้ทานอีกเลย
วางตะเกียบลง เธอก็ยังคงใจลอย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ฉินอีหลินก็ค่อย ๆ พิงที่ผนังและก็หลับไป
“คุณชาย คุณนายน้อยยังไม่ตื่น”
“เดี๋ยวบ่าวจะเอาให้คุณนายน้อยเอง”
“อืม”
ฉินอีหลินนั้นหลับไม่ลึก ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านนอก จึงลุกขึ้นนั่ง เธอนอนพิงผนังทั้งคืน ตอนนี้ปวดเมื่อยไปทั้งร่างกาย
บิดไหล่ที่แข็งทื่อไปมา เธอเรียกเสียงแหลมจากด้านในไปข้างนอก “ซือฉี มีเรื่องอะไร?”
คุณชายรู้ว่าเมื่อคืนคุณไม่ได้ทานอะไรเลย เลยให้ฉันส่งอาหารเช้ามาให้คุณ เป็นโจ๊กกับของหวาน น่าอร่อยทั้งนั้น คุณนายน้อย บ่าวเข้าไปได้ไหม
ซือฉีที่พูดอยู่ด้านนอกด้วยเสียงนอบน้อม
“เข้ามาสิ”
ฉินอีหลินไม่ชอบให้คนมารับใช้ เธอให้บ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านหลังซือฉีวางของใช้พวกเครื่องอาบน้ำล้างหน้าไว้ข้าง ๆ แล้วก็โบกมือให้คนอื่น ๆ ออกไปยกเว้น ซือฉี
“เพิ่งทำเสร็จมาจากครัว บ่าวคิดว่าคุณยังไม่ตื่น กำลังจะเอาไปอุ่น”
ซือฉีพูดขณะที่กำลังจัดเตรียมของอยู่บนโต๊ะ
ฉินอีหลินไม่ได้พูดอะไร เธอล้างหน้าอย่างง่าย ๆ แล้วนั่งที่เตียง หยิบตะเกียบเงินขึ้นมา
เหมือนที่ซือฉีบอกไว้ว่า กันคนใส่ยาพิษ แต่ว่าเธอใช้ไม่ถนัดเลยจริง ๆ
“เมื่อสักครู่ฉันได้ยินเธอเรียกคุณชาย”
“ใช่ คุณชายมาเมื่อกี๊ ท่านสั่งให้คุณให้ทานเยอะ ๆ รักษาสุขภาพ”
ซือฉีนั้นไม่ได้พูดอะไรเหมือนเคย วาจาท่าทีสุขุม
อาจเพราะว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้ทานอาหาร เห็นได้ว่าอาหารเช้านี้ทำอย่างเต็มที่
หากฉินอีหลินยังไม่ทาน เกรงว่าพวกเขาคงจะแย่แน่ ฝืนกินซุปไปด้วยใหญ่ ทานของหวานไปสองสามชิ้น เธอส่งสัญญาณให้ซือฉีเก็บไป
ซือฉีโค้งคำนับแล้วก็เก็บของไป แล้วเธอก็ตกอยุ่ในภวังค์อีก
แต่ก็ผ่านไปไม่นาน ซือฉีก็กลับมาอีก และในมือก็มีชุดเดรสมาด้วย และมีแม่บ้านที่อายุไล่เลี่ยกับเธอตามมาด้วยคนหนึ่ง เสื้อผ้าที่ใส่ก็ไม่ต่างกันมาก ในมือก็ถือเครื่องประดับอยู่จำนวนหนึ่ง
“บ่าวซือชูเคยพบคุณนายน้อยเพคะ อาหารเมื่อวานไม่ถูกปากคุณนายน้อย ขอคุณนายน้อยลงโทษด้วย”
แม่บ้านที่ถือเครื่องประดับเมื่อเจอฉินอีหลินก็ได้คำนับขอโทษ บอกว่ายังไงก็ไม่ขอลุกขึ้น
ฉินอีหลินไม่รู้จะทำยังไง เธอทนมามากพอแล้วกับการใช้ชีวิตโบราณในสมัยปัจจุบันแบบนี้ “เป็นเพราะข้าเองที่ไม่ชอบทาน ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย ลุกขึ้นมาเถอะ”
พูดถึงตรงนี้ เธอหันหน้ามาทางซือฉีอีกครั้ง นี่หมายความว่าอะไร
“คุณชายบอกว่า จะพาคุณไปพบคุณชายตระกูลลี่”