บทที่ 266 ให้เธอมีชีวิตกลับไปไม่ได้
“ไปเถอะ”
พูดจบ ซือเซี่ย ก็พาฉินอีหลินเดินจากไป
ในตอนที่เธอคิดว่าจะกลับแล้ว ก็มีคนมารุมล้อม ซือเซี่ย
“ท่านชายซือ คุณนี่มังกรซ่อนลาย เจอคุณเมื่อสามปีก่อน เพียงแค่แวบเดียวก็นานขนาดนี้แล้ว”
ผู้หญิงในชุดราตรีสั้นสีแดงสดถือไวน์แดงหนึ่งแก้ว ส่งยิ้มให้เขาและเดินเข้ามา ผมลอนสีเหลืองม้วนขึ้นอย่างหลวม ๆ มีเพียงไรผมบาง ๆ ที่อยู่บนต้นคอขาวนวล รูปร่างนั้นมีเสน่ห์จนบรรยายไม่ถูก
“คุณโย๋ไม่เจอกันสามปี คุณสวยขึ้นมากเลย”
ซือเซี่ยแม้จะใช้ชีวิตแบบสมัยเาา แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ทันโลก ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้มีสถานะสูงอยู่ในเมืองตี้ตูได้
“ชมเกินไป คุณนายหน่อยสิที่สวย ฉันเป็นผู้หญิงด้วยกัน มองแล้วยังรู้สึกอิจฉา”
คุณโย๋ที่ได้ยินซือเซี่ยกล่าวชม แม้ว่าใบหน้าจะพอใจมาก แต่ก็ทำเป็นเขินอาย ทำให้ฉินอีหลินรู้สึกขบขัน
สายตาที่จงใจส่งมายั่วยวนและท่าทีที่ขยับเข้าใกล้ ยื่นหน้าอกไปต่อหน้า ซือเซี่ย คุณพ่ออยากเชิญคุณไปร่วมพูดคุย ไม่รู้ว่าคุณจะให้เกียรติได้ไหม
“ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง”
ซือเซี่ย คงไม่ทันสังเกตเห็นท่าทีของหญิงตรงหน้า และพอดีกับที่เขาเองก็มีเรื่องอยากคุยกับตระกูลตระกูลโย๋ ทำให้เขาไม่ต้องเสียเวลาติดต่อ
คิดถึงตรงนี้ เขาก็หันกลับไปบอกฉินอีหลินว่า คุณไปเดินเล่นตามสบายก่อนนะ ทานอะไรด้วยนะ อย่าลืมเรื่องที่รับปากผมไว้
“ฉันรู้แล้ว”
ฉินอีหลินไม่ชอบให้ใครมาสั่งซ้ำ ๆ เพราะฉะนั้นน้ำเสียงก็แฝงไปด้วยความไม่พอใจ
“ดูแลคุณนายน้อยให้ดีนะ”
“รับทราบ”
ซือฉีโค้งคำนับ
หลังสั่งการแล้ว ซือเซี่ยก็เดินไปกับผู้หญิงคนนั้น
ฉินอีหลินมองไปรอบ ๆ ก็เห็นว่ามีแต่คนจับคู่หรือจับกันเป็นกลุ่ม โดยเฉพาะพวกที่มีชื่อเสียงรวมถึงรอบ ๆ ของ ต้าเหล่าแห่งเมืองหลวง ยิ่งรายล้อมด้วยหนุ่ม ๆ สาว ๆ เป็นกลุ่มใหญ่
ไม่ว่าจะที่ เมืองกั่งซื่อ หรือเมืองตี้ตู งานเลี้ยงก็เป็นแค่เรื่องพวกนั้น เธอเห็นมามากแล้ว เบื่อแล้ว
“ไปทางนั้น”
ฉินอีหลินถือแก้วไวน์ในมือ บอกนัย ๆ ให้ซือฉี เดินไปที่มุม เธอไม่อยากเป็นจุดเด่น โดยเฉพาะเมื่อไม่มีซือเซี่ยอยู่ ทั้งที่ก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว
โลกแห่งความจริง จริง ๆ……
เธอทานอาหารในมุมนั้นอย่างสบายใจ หันกลับไปถาม ซือฉี เธอเองก็ไม่ได้กินอะไรหรือ จะทานหน่อยไหม
“ก่อนออกมาบ่าวได้แอบทานขนมไปแล้วชิ้นหนึ่ง ตอนนี้ไม่หิว”
ซือฉีนั้นท่าทีเคารพไม่เปลี่ยน แม้แต่ตอนที่บอกว่าแอบทาน ก็ยังมีท่าทีนิ่งเฉย
ฉินอีหลินอึ้งกับคำตอบที่ได้ จึงรีบพูดว่า ทานหน่อยสิ หลังกลับไปตระกูลซือก็จะไม่มีอาหารปัจจุบันแบบนี้ให้ทานแล้วนะ
ซือฉี ก้มหน้าไม่พูดว่าอะไร
เมื่อเห็นแบบนั้นเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร หยุดไปสักพัก เธอก็พูดขึ้นโดยไม่ตั้งใจว่า: “เมื่อกี้ที่คุณชายบอกว่าสัญญานั้นคืออะไรหรือ”
“บ่าวไม่ทราบ”
“ฉันได้ยินมาจากซือชู เวลาคุณชายไปไหนจะพาเธอไปด้วย อย่ามาทำไม่รู้ไม่ชี้”
ฉินอีหลินมองด้วยสายตาสงสัย แกมบังคับ
“บ่าวเป็นแค่บ่าวรับใช้ รับผิดชอบแค่การกินอยู่ของคุณชาย และอีกอย่างตระกูลพระราชวังซือเองก็มีกฎเคร่งครัด ให้แบ่งชนชั้น แบ่งชายแบ่งหญิง บ่าวไม่กล้าทำกว่านั้นหรอก”
ท่าทีของ ซือฉีนั้นทำให้ฉินอีหลินอดไม่ได้ที่จะชื่นชม และก็ไม่อยากทำให้เธอลำบากใจ ด้วยนิสัยของ ซือเซี่ย แล้ว การที่เธอไม่รู้ก็ไม่น่าแปลกใจ
“ซือฉี คุณมาทำงานหรือว่าเป็นสัญญาซื้อขายตัวหรือ?”
“บ่าวรับใช้คุณชายแต่เด็ก ไม่รู้จักโลกภายนอก”
“นี่เข้าข่ายกักขังหน่วงเหนี่ยว เธอสามารถฟ้องร้องเขาได้”
“บ่าวสามารถอยู่ในพระราชวังซือก็นับว่าเป็นบุญของบ่าวแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นเธอเป็นบ่าวคู่กายของคุณชายต่อไปจะต้องไปเป็นอนุของเขาหรือ?”
“….”
”การแต่งงานซ้ำถือว่าผิดกฎหมายไหม”
“….”
“หรือว่า ต่อไปเธอก็เป็นได้แค่นกน้อยในกรงทองของพวกเขาหรือ?”
“….”
ฉินอีหลินได้แต่ถาม แต่ซือฉีได้แต่ปิดปากเงียบ คุณนายน้อยคนนี้เอาใจยากกว่าหญิงสาวซือเอ๋อคนที่แล้วเสียอีก
และในตอนนี้ ฉินอีหลินก็เห็นคนที่ไม่ควรจะเห็น –ลี่จิ่ง
เธอนั้นตกใจช็อกจริง ๆ
คนที่มางานนี้ได้ล้วนเป็นคนระดับบนของเมืองตี้ตู หรือไม่ก็ตระกูลสูง ตระกูลเก่าแก่อย่างตระกูลลี่ คนที่มีสิทธิ์มางานนี้ได้ก็มีแค่ท่านลี่
เธอไม่อยากจะเชื่อ ว่าทานลี่จะพาลี่จิ่งมาด้วย
แล้วเขามาได้ยังไง?
ฉินอีหลินมองไปทางซือฉีที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก่อนหน้านี้ผู้หญิงคนนี้ก็ได้สะกิดตัวเธออยู่หลายครั้ง เธอก็ขยับไม่ได้แล้ว จากเหตุนี้ วิชาเธอก็คงไม่ได้ด้อยแน่นอน
แล้วถ้าหากว่าเธอเลือกที่จะแอบตามล่ะ อย่างน้อยชีวิตเธอก็ควรได้รับการปกป้อง
คิดถึงตรงนี้ ฉินอีหลินจึงวางแก้วไวน์ลง แล้วเดินไปหาเธอช้า ๆ
ซือฉีไม่รู้ว่านายตัวเองโดนยาอะไรเข้าไป จึงได้แต่เดินตาม
เดินไปถึงครึ่งทาง ฉินอีหลินถามว่า
“ซือฉี ถ้าฉันมีอันตรายถึงชีวิต เธอจะปกป้องฉันไหม?”
“คุณชายสั่งให้บ่าวปกป้องคุณนายน้อย ต่อให้แลกด้วยชีวิตบ่าวก็จะปกป้องคุณให้ปลอดภัย”
“ไม่ได้เว่อร์ขนาดนั้น”
ถึงแม้ว่าลี่จิ่งสามารถปล่อยอาวุธลับ แต่คงไม่ทำต่อหน้าคนมากมาย ขอแค่หลบให้ได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
หลบหลีกไปมา จนพวกเธอเดินออกมาจากในงาน เดินมาถึงห้องเก็บของใต้ตึก
คิ้วขมวด เธอหันมาทำมือให้ซือฉีเงียบ ๆ แล้วก็ไปต่อ แล้วก็แอบฟังที่ประตู
ซือฉีเห็นนายตัวเองทำท่าทีแปลก ๆ แต่ก็เดินตามไป คำสั่งของเจ้านายคือให้ปกป้องคุณนายน้อย แต่ไม่ได้บอกให้หยุดการกระทำของเธอ
และด้วยนิสัยของคนตรงหน้าแล้ว ต่อให้เตือนให้หยุด ก็คงไม่ได้มีผลอะไร
“ดีมาก….. ลี่โม่อวี่…..”
“พวกเรา….ลี่….ตาย….”
ฉินอีหลินฟังอย่างตั้งใจ แต่ก็ได้ยินแบบขาดตอน ได้แค่คำพวกนี้ เพราะเอ่ยถึงลี่โม่อวี่ ในใจเธอก็ยิ่งกระวนกระวาย ตอนนี้ก็โดนจับอยู่ในอันตราย และยังมีคนหมายตาอีก จะให้เธอไม่ร้อนใจได้ยังไง
คนเห็นคนที่คุยกับลี่จิ่ง เหมือนAbnerจากคนขององค์กร “K”
ยังไม่ทันที่เธอจะได้ยิน ประตูก็ถูกเปิดออก
“อ๊ะ”
ฉินอีหลินที่ไม่ทันระวังก็ล้มไปบนพื้น กระโปรงที่ซ้อนกันชั้น ๆ เหมือนกับดอกโบตั๋น
“ฉินอีหลินหรือ?”
ลี่จิ่งคิดไม่ถึงว่าคนที่ปรากฏตัวจะเป็นฉินอีหลิน เธอรีบบอกคนนั้นว่า จะให้เธอมีชีวิตออกไปไม่ได้
Abnerเองก็เกลียดผู้หญิงคนนี้เข้าไส้ ไม่ต้องรอให้ลี่จิ่งพูด เขารีบหยิบปืนขึ้นมาและใส่ที่เก็บเสียงเล็งไปที่หัวของฉินอีหลิน
เขายิ้มอย่างเยือกเย็นและก็กดไกปืนในมือ
ฉินอีหลินเบิกตาโพลงโต เธอเหมือนได้กลิ่นของความตาย