ประธานจอมหื่นสุดซ่า – ตอนที่ 273

ตอนที่ 273

บทที่ 273 ไม่รู้ไม่เห็น

เมื่อถึงเวลากินข้าว ลี่โม่อวี่ก็โอบเอวฉินอีหลินลงไปชั้นล่าง

“รีบลงมาสิ ตอนนี้ไม่มีใครเห็นหัวฉันแล้ว อยากจะกินก่อนเขาก็ไม่ให้กิน บอกว่าต้องรอพวกเธอลงมาก่อน”

ท่านลี่เห็นลี่โม่อวี่และฉินอีหลินท่าทางรักกันมาก ในใจก็ค่อนข้างสะอื้น ผู้กล้ายากจะฝ่าด่านหญิงงาม(ผู้กล้าในการรบในที่สุดก็ต้องมาสยบในเกมรัก)

“คุณพ่อ คุณพ่อว่ายังไงนะคะ ก็ตอนนั้นอาหารยังไม่ครบนี่คะ”

หยางผิงที่กำลังจะจัดชามและตะเกียบให้ทุกคน ได้ยินคำพูดของท่านลี่ จึงพูดโต้แย้งขึ้น

“ดูสิ ถ้าพวกเธอไม่มา อาหารก็จะมาไม่ครบ”

ท่านลี่ฟังแล้วก็บ่นขึ้น

เมื่อคนรับใช้ที่อยู่ข้างๆได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

“เร็ว นั่งลงกินข้าวกันเถอะ ฉันรออยู่นานแล้ว”

ลี่หยินหูยิ้มพร้อมบอกให้ทุกคนนั่ง เมื่อกวาดสายตามองไปตำแหน่งที่ลี่จิ่งเคยนั่ง ในแววตาเขาก็เผยแววตาที่ขาดเดาได้ยากออกมา

แม้ว่าจะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลลี่ แต่เขาก็ได้เห็นลี่จิ่งมาตั้งแต่ยังเล็ก วันนี้ลี่จิ่งจากไปแล้ว ในใจเขาก็รับไม่ได้

“น่าทานมากเลย”

ฉินอีหลินดึงให้ลี่โม่อวี่นั่งลง แล้วพูดอย่างยิ้มแย้ม

“ดูพวกเธอสองคนสิช่วงนี้ดูผอมไปนะ กินให้เยอะๆหน่อย”

ปกติก็หยางผิงก็ไม่ได้ทำอาหาร แต่วันนี้ลูกชายกลับมา เธอจึงบอกว่ายังไงก็ต้องเข้าครัวเอง ตอนนี้ทำอาหารมาเต็มโต๊ะ ไม่รู้จะถูกปากเขาไหม

“เดิมทีก็ยังปกติ ตอนนี้ได้เห็นอาหาร ก็รู้สึกหิวขึ้นมานิดนึงแล้วล่ะ”

ลี่โม่อวี่ก็รับรู้ถึงความห่วงใยของหยางผิง จึงพูดขึ้นพร้อมกับหยิบตะเกียบมาตักอาหารกิน

แต่กินไปได้ไม่กี่คำ เขาก็วางตะเกียบอีก แล้วเงยหน้ามองลี่หยินหูและพูดว่า “คุณปู่ครับ ดื่มกันสักหน่อยไหมครับ”

ท่านลี่รับประทานอาหารไปได้มื้อนึง เมื่อครู่เขาแรกเขาว่า คุณปู่

คุณปู่

คำว่าคุณปู่ที่เขาอยากได้ยินมาเกือบสามสิบปี

ใจของลี่โม่อวี่ไม่ได้ทำจากเหล็ก ตอนที่เขาได้ยินที่ซือเซี่ยพูดว่า ท่านลี่พาลี่อานโก๋ไปช่วยตัวเอง เขาก็สาบานกับตัวเองว่าจะปกป้องตระกูลลี่ไปตลอดชีวิต

ย้อนกลับไปสี่สิบปีก่อน ท่านลี่เป็นคนที่หยิ่งยโสมาก แม้จะมีฮ่องเต้มา ถ้าเขาไม่อยากเจอฮ่องเต้ เขาก็จะไม่ยอมเจอ

แต่ตอนนี้ เขาทำเพื่อหลานชายของเขา แม้จะต้องไปขอร้องคนรุ่นหลานเขาก็ทำ

คำว่าคุณปู่ เขาเรียกขานโดยไม่ได้อิดออด

“ดื่มกันสักหน่อย ดื่มกันสักหน่อย”

ทันใดนั้นแววตาของลี่หยินหูก็เป็นประกายขึ้นมา ความภาคภูมิใจในขณะนั้นไม่เหมือนกับที่ชายชราในวัยเจ็ดสิบควรจะมี “ผิงเอ่อ เอาเหล้ามา ฉันจะดื่มกับหลานของฉันสักหน่อย”

“ค่ะ”

ตอนนี้ผิงหยางก็ตื้นตันใจจนน้ำตาท่วม เธอลุกขึ้นไปหยิบเหล้า

ลี่โม่อวี่มองไปทางท่านลี่ มุมปากค่อยๆยกยิ้มบางๆ “เอาเหล้าเอ้อโกวโถ”

ตลอดชีวิตท่านลี่ไม่โลภเรื่องเงินไม่ขี้เหนียวเรื่องกิน จึงสั่งเหล้าเอ้อโกวโถมา

“ท่านลี่เป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาดมาก อย่างกับเป็นครึ่งปีศาจครึ่งเทพเซียน”

ลี่โม่อวี่ยกแก้วเหล้าขึ้น แล้วบ่นพึมพำ

“รสดี รสดีจริงๆ ชั่วชีวิตนี้ ผมชอบรสชาตินี้มากจริงๆ” ลี่หยินหูไม่เคยได้ยินคำพูดแบบนี้ของลี่โม่อวี่ เขาลูบปาก ลิ้มรสรสชาติที่ค้างอยู่ในลำคอ “ สมัยก่อน ย่าของหลานไปรับจ้างซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ซักเสื้อผ้าอยู่เป็นวันๆแล้วก็แลกเหล้ามาให้ปู่ขวดนึง ปู่จึงต่อว่าเธอ ว่าทำไมเธอถึงไม่ดูแลตัวเอง แต่กลับเอาเหล้ามาให้ปู่”

พูดถึงตรงนี้ เขาก็ดื่มไปอีกแก้ว ในขณะเดียวกันนิ้วก็เคาะโต๊ะเป็นจังหวะ พูดพล่ามไปเรื่อยๆ “พระเจ้าทรงขี่ม้าขาวท่ามกลางผู้คนนับพัน ด้านซ้ายเป็นสุนัขสีเหลือง ด้านขวาเป็นเหยี่ยวปีกสั้น ในใจคิดถึงแต่ หวังเป่าชาย เขากลับมาเพื่อเปิดฟ้าเปิดสวรรค์ และยิงดาวบนฟ้าด้วยลูกธนูของเขา ปล่อยเมืองซีเหลียง ไม่ไปสน………….”

แต่คำพูดง่ายๆนี้ เหมือนเป็นความบริสุทธิ์ของประสบการณ์ที่ยาวนานในชีวิต

ลี่โม่อวี่จับมือฉินอีหลินไว้แน่น และตั้งใจฟัง

ในชีวิตของผู้ชายแสวงหาอยู่เพียงสองสิ่ง สิ่งหนึ่งคืออำนาจและความสำเร็จ อีกสิ่งหนึ่งคือสาวงาม แต่กลับมีคนอยู่หนึ่งประเภท ที่ใช้ทั้งชีวิตเพื่อสาวงาม

คนนอกอาจไม่รู้ แต่พวกเขากลับรู้ ตอนนั้นลี่หยินหูอยู่ที่เมืองหลวงเขามีอำนาจมากเหมือนแค่พลิกฝ่ามือก็บังคับเมฆ หมุนมือก็ควบคุมฝนได้ แต่ภรรยาของเขากลับพูดมาแค่หนึ่งประโยค “ฉันไม่ชอบอยู่ในสถานที่ที่สูงเกินไป” ทำให้ผู้ชายคนนี้ปล่อยวางอำนาจและความมั่นคงในมือไป แล้วมาอยู่เป็นคนเกียจคร้านอย่างสงบ

ฉินอีหลินก็จับมือลี่โม่อวี่ไว้แน่นเหมือนกัน มิตรภาพของเขา เธอเข้าใจ

เมื่อบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเย็นดูกลมเกลียวกันดี จู่ๆก็มีคนเข้ามาจากนอกประตู คุกเข่าบนพื้นโดยไม่พูดไม่จาอะไร

“คุณปู่ครับ คุณพ่อคุณแม่ครับ พี่ใหญ่ ผมผิดไปแล้ว ผมเห็นกรงจักรเป็นดอกบัว ถึงได้เชื่อคำพูดไม่ดีของคนอื่น ทำร้ายพี่ชายตัวเอง คุณปู่ครับ ผมผิดไปแล้ว พี่ใหญ่ ผมผิดไปแล้ว”

ลี่จิ่งคุกเข่าลงกับพื้น ทำให้ฉินอีหลินตกใจมาก

เธอมองดูปฏิกิริยาของคนอื่นๆบนโต๊ะโดยไม่พูดอะไร

อารมณ์ของหยางผิงเปลี่ยนไปเยอะมาก ตอนแรกเธอตกใจ และหลังจากนั้นก็เหมือนจะเศร้าใจ แต่สุดท้ายกลับลังเลที่จะพูด

ลี่อานโก๋ที่เหมือนว่าตอนนี้เส้นบนหน้าผากกำลังจะระเบิดออกมา เขากลับอดกลั้นมันไว้อย่างขมขื่น

ท่านลี่ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไร เขายังคงซดเหล้าเข้าปาก ใบหน้ามึนเมา

ลี่โม่อวี่เห็นท่านลี่ไม่พูดอะไร เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไร จึงนั่งไม่ขยับตัวไปไหน

“คนที่ตายแล้ว คนที่ถูกฝังกลบไปแล้ว คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ต่างก็กำลังมองดูอยู่”

ลี่หยินหูก็พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน แต่กลับยังคงมีท่าทางเหมือนไม่แยแสอะไร

“คุณปู่ครับ ผมผิดไปแล้ว พี่ใหญ่ ผมผิดไปแล้ว แม่ครับ พี่สะใภ้ครับ ผมสำนึกผิดแล้วจริงๆ พวกคุณช่วยพูดกับคุณปู่ได้ไหมว่าผมสำนึกผิดแล้วจริงๆ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนะครับแม่”

เมื่อลี่จิ่งได้ยินคำพูดของท่านลี่ ก็ทำให้เขาตกใจวิ่งไปกอดขาหยางผิงเอาไว้ พูดพลางน้ำตาไหล “แม่ครับ อย่าไล่ผมไปไหนนะ ผมเป็นลูกแม่นะครับ ผมยังเป็นลูกชายของแม่ไปตลอดชีวิตนะครับ”

หยางผิงเห็นลี่จิ่งเป็นลูกแท้ๆมาโดยตลอด แม้วันนี้เขาจะทำเรื่องนั้น เธอก็ยังอยากให้เขาถอยออกมาจากเส้นทางนั้น

เด็กคนไหนไม่เคยทำผิดบ้างล่ะ

“ไสหัวออกไป”

ลี่อานโก๋กัดฟันพูดไปสองสามคำ”

“แม่ครับ ผมเป็นลูกแม่นะ แม่จะให้ผมไปไหน”

ลี่จิ่งเห็นลี่อานโก๋ไล่เขาออกไป เขาก็ยิ่งกอดขาผู้ช่วยชีวิตคนสุดท้ายไว้อย่างเหนียวแน่น

“พ่อคะ ลี่จิ่งแค่เลอะเลื่อนไปชั่วขณะ จึงทำผิดไป คุณพ่อว่า……..”

หยางผิงมือหนึ่งก็โอบกอดเพื่อปกป้องลี่จิ่ง ในเวลาเดียวกันก็พูดกับท่านลี่ แล้วก็มองไปทางลี่โม่อวี่และฉินอีหลิน เห็นว่าพวกเขาไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจ เธอจึงค่อยๆเบาใจลงมาหน่อย

ไม่ว่าจะพูดยังไง พวกเขาก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เธอจะยอมให้โอกาสเขาอีกครั้งหนึ่ง

แค่ครั้งเดียว………….

“ฉันแก่แล้ว ฉันไร้ประโยชน์แล้ว” ลี่หยินหูพูดแล้วก็ลุกขึ้น เขาส่ายหน้าอย่างไม่สบอารมณ์พลางเดินไปทางห้องของตัวเอง “พวกเธออยากทำยังไงก็ทำไปเถอะ ฉันจะทำเหมือนปิดตาไว้ ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”

“รีบลุกขึ้นมาเถอะ”

หยางผิงเห็นท่านลีไปแล้ว ก็รีบพยุงลูกชายให้ลุกขึ้น ในเวลาเดียวกันคนรับใช้ก็เอาชามกับตะเกียบมาเพิ่ม

“อาจิ่ง กลับมาได้ยังไง หรือถูกตระกูลหลี่รังแกเอา”

หยางผิงเห็นน้ำตาที่เปื้อนเต็มใบหน้าลูกชาย ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดเหมือนกัน

“ตอนอยู่บ้านตระกูลหลี่ผมบังเอิญได้ยินตระกูลหลี่พูดว่า จะส่งคนมาทำร้ายพี่ใหญ่”

เมื่อลี่จิ่งพูดถึงเรื่องนี้ก็แสดงอาการโศกเศร้าเสียใจ เขาหันกลับไปมองลี่โม่อวี่ “พี่ใหญ่ครับ ขอโทษนะครับ”

ฉินอีหลินเหลือบมองไปที่ที่นั่งที่ว่างอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงคำพูดของลี่โม่อวี่เมื่อสักครู่นี้

ท่านลี่มีความเฉลียวฉลาด เหมือนครึ่งปีศาจครึ่งเทพเซียน

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

Status: Ongoing

ยืนอยู่หน้าประตูบาร์ เธอไม่รู้จะทำอย่างไร ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เธอเข้าบาร์ ตอนเช้าของวันนี้ มีข่าวซุบซิบบันเทิงดังไปทั้งเมือง คุณหนูตระกูลใหญ่ไปกับผู้ชายเมื่อคืน หน้าหนังสือพิมพ์ยังมีรูปภาพที่เธอถูกผู้ชายกอดเข้าโรงแรม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท