บทที่ 285 เป็นคนเลวมันยาก
ฉินอีหลินตื่นขึ้นมาและทำลี่โม่อวี่ตกใจตื่นไปด้วย ลี่โม่อวี่มองฉินอีหลินที่ดูกลัดกลุ้มใจเล็กน้อย พูดถาม “อีหลิน เป็นอะไร? มีเรื่องกังวลอะไรหรือเปล่า?”
“โม่อวี่ มีเรื่องบางเรื่อง ฉันไม่รู้ว่าควรพูดดีไหม”
“อีหลิน กับฉันเองยังมีอะไรที่บอกไม่ได้อีกเหรอ เธอวางใจพูดออกมาได้เลย”
มองไปที่ฉินอีหลิน ลี่โม่อวี่ลูบหัวฉินอีหลินอย่างนุ่มนวลแล้วพูด
“โม่อวี่ ตอนอยู่ที่ตระกูลซือก่อนจะไป พ่อพูดกับฉันเยอะมาก” จากนั้นฉินอีหลินก็เอาเรื่องที่หลงเซี่ยวเทียนจะกลับไปตระกูลหลงบอกกับลี่โม่อวี่ ขณะเดียวกัน ก็เล่าทุกอย่างที่เธอรู้มาให้ลี่โม่อวี่ฟังด้วย
หลังจากลี่โม่อวี่ได้ฟัง ก็นวดขมับตนเอง แล้วพูดเสียงอ่อนโยนอย่างมาก “อีหลิน เธอไปกับพ่อโดยไม่ต้องกังวลเถอะ ฉันดูแลลูกๆ เอง ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา เธอไปตระกูลหลงแล้วถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรบอกฉันได้ แม้ว่าฉันจะต้องสู้สุดชีวิตฉันก็จะต้องรีบไปที่บ้านตระกูลหลงเพื่อช่วยเธอ”
ลี่โม่อวี่รู้ว่าความสามารถของตัวเองตอนนี้ยังห่างชั้นกับตระกูลหลงมาก ดังนั้น เขาอยากรับปากฉันอีหลินว่าสักวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว ฉัน ลี่โม่อวี่จะมีคุณสมบัติพอจะเจรจาต่อรองกับตระกูลหลง ถึงตอนนั้น ฉันจะทำให้ทั้งตระกูลรู้ ว่าเธอได้แต่งงานกับชายที่ดีเลิศขนาดไหน ฉินอีหลินพยักหน้าอย่างเข้าใจ เธอเชื่อมั่นชายของตน เป็นความมั่นใจที่ไม่สามารถอธิบายได้ถูก
“โอเค พวกเราลงไปทานข้าวกันเถอะ พ่อแม่คุณปู่พวกท่านคงรอกันแย่”
“อืมอืม!” ทั้งสองสวมเสื้อผ้าแล้วรีบลงไปชั้นล่างอย่างรีบร้อน
มองคนสองคนเดินลงมาอย่างรีบร้อน ลี่หยินหูหัวเราะแกมดุ “เจ้าเวรนี่ มีภรรยาแล้วก็ไม่กินข้าวแล้วหรือ!”
ลี่โม่อวี่หัวเราะ จากนั้นก็นั่งลงที่โต๊ะทานข้าวเพื่อทานข้าวพร้อมกับครอบครัว เด็กๆ ทั้งสองคนนั่งอยู่ข้างหยางผิง และมีหยางผิงคอยดูแลพวกเขา ฉินอีหลินเมื่อเห็นก็รีบเข้าไปนั่งด้วย พูดกับหยางผิง “แม่คะ รีบทานข้าวเถอะค่ะ ลูกๆ เดี๋ยวหนูดูแลเอง”
หยางผิงยกยิ้ม รู้สึกดีกับลูกสะใภ้คนนี้จากใจจริง
ลี่โม่อวี่มองเด็กๆ ทั้งสองคน แล้วพูดกับหลงหมิงเจ๋อ “ลูกชาย ลูกก็ห้าขวบแล้ว กินข้าวเองยังไม่เป็นหรือ?”
หลงหมิงเจ๋อเหลือบมองลี่โม่อวี่อย่างดื้อรั้น พูด “ผมกินเองได้อยู่แล้ว แต่ว่ามีแม่ที่สวยขนาดนี้คอยป้อนผม ผมก็เลยไม่อยากกินเองครับ”
ผู้คนได้ฟังต่างก็หัวเราะ เจ้าหลงหมิงเจ๋อคนนี้ช่างแก่แดดแก่ลมจริงๆ
“จริงสิ โม่อวี่ วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ลูกออกไปเที่ยวกับอีหลินกับลูกๆ สิ” หยางผิงพูดกับลี่โม่อวี่
จากนั้นก็เห็นเด็กๆ ทั้งสองคนทำตาโตมองลี่โม่อวี่ ทำหน้าอย่างคาดหวัง
ลี่โม่อวี่คิด วันนี้เขาเองก็ไม่มีธุระอะไร ก็ตอบตกลงภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของเด็กๆ
“อย่างนั้นพวกเรากินข้าวเสร็จก็ออกเดินทางกัน!”
“เยี่ยม! เย่!” ลูกๆ ทั้งสองร้องตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน
ผู้หญิงชอบการช้อปปิ้งนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติแน่นอนอยู่แล้ว ตั้งแต่ออกมาตั้งแต่เช้า ลี่โม่อวี่ก็เดินช้อปปิ้งในห้างเป็นเพื่อนภรรยาและลูก ฉินอีหลินเดินเล่นไปทั่วทั้งห้าง และหลงจิ่นเซวียนก็ได้รับยีนแม่ของเธอมาเต็มๆ ทั้งสองคนเดินเตร่กันสนุกสนานเป็นพิเศษ ลำบากก็แต่ลี่โม่อวี่ที่อยู่ข้างๆ คอยถือของ แล้วก็หลงหมิงเจ๋อที่เดินตามตูดเขาต้อยๆ
“พ่อครับ ผมเพิ่งค้นพบว่าผู้หญิงเนี่ย ช่างน่ากลัวจริงๆ” หลงหมิงเจ๋อแอบเบ้ปากกับลี่โม่อวี่เงียบๆ
“ลูกชาย ลูกรู้ก็ดีแล้ว ดีจังที่มีลูกเข้าใจพ่อ” ลี่โม่อวี่แสร้งทำหน้าตาน่าสงสารพูดกับหลงหมิงเจ๋อ
จวนจะได้เวลามื้อเที่ยงแล้ว ลี่โม่อวี่และฉินอีหลินปรึกษากันว่าจะไปกินข้าวที่ไหน ลี่โม่อวี่เสนอให้ไปกินหม้อไฟ แต่ฉินอีหลินก็สนับสนุนให้กินอะไรที่รสอ่อนหน่อย เธอบอกว่าเด็กๆ กินของเผ็ดร้อนมากไปไม่ได้ ทั้งคู่เถียงเรื่องนี้กันอย่างตกลงไม่ได้
หลงหมิงเจ๋อและหลงจิ่นเซวียนข้างๆ ที่มองทั้งสองคนเริ่มทะเลาะกัน ก็เริ่มหายออกไปจากสายตาพวกเขาไปเงียบๆ
ตอนทั้งสองคนโต้เถียงกันอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบ พลันก็พบว่าเด็กๆ ทั้งสองคนหายไปแล้ว ลี่โม่อวี่จูงมือฉินอีหลินเดินหาพวกเขาไปทั่วห้างทันที ในใจลี่โม่อวี่คิด: เจ้าเด็กหลงหมิงเจ๋อนี่คงไม่ถูกคนอื่นหลอกล่อไปแน่ๆ เจ้าเด็กสองคนนี้วิ่งหายไปไหนเนี่ย
ทั้งคู่ร้อนใจตามหาลูกๆ ทั่วห้าง จนตอนพวกเขาวิ่งตามหาได้ไม่ถึง100เมตร ก็เห็นเด็กสองคนกำลังยืนอยู่หน้าร้านไอศกรีมร้านหนึ่ง จ้องมองร้านตาปริบๆ นี่ทำให้ลี่โม่อวี่และฉินอีหลินค่อนข้างจะพูดไม่ออก
ลี่โม่อวี่เดินเข้าไปหา หลงจิ่นเซวียนหมุนตัวกลับมาพูดกับเขา “พ่อคะ หนูอยากกินไอศกรีม”
ลี่โม่อวี่มองหลงจิ่นเซวียนที่ทำท่าออดอ้อนน่าเอ็นดู ใจก็อ่อนยวบ พอเตรียมจะซื้อให้เขา ฉินอีหลินก็คว้ากระเป๋าเงินของเขาไป เอ่ยปากพูดอย่างเข้มงวด “เด็กน้อยกินไอศกรีมไม่ได้ค่ะ”
จากนั้นก็ดึงตัวหลงหมิงเจ๋อและหลงจิ่นเซวียนที่ทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก หมุนตัวเดินจากไป ลี่โม่อวี่ก็ทำได้เพียงก้าวเท้าเดินตามไปด้วย
ผับแห่งหนึ่งที่ดูแลโดยตระกูลหลี่ ลี่จิ่งและดู้เทาสองคน กำลังนั่งอยู่บนเคาน์เตอร์ ดื่มเหล้าในมือตัวเองไม่หยุด
“ลี่จิ่ง คุณบอกว่าคุณจะจับตัวฉินอีหลิน ทำไมยังจับไม่ได้อีก?”
ดู้เทาถามอย่างโง่เขลา
ลี่จิ่งรีบใช้มืออุดปากดู้เทา “คุณเบาเสียงหน่อย อยากให้ฉันตายหรือไง?”
บางครั้งลี่จิ่งเองก็เสียใจ ทำไมเขาถึงเอาเรื่องสำคัญขนาดนี้มาบอกกับดู้เทานะ ทำให้ตัวเองได้เพื่อนร่วมทีมแบบนี้ ช่างโชคร้ายจริงๆ
เป็นตอนที่ลี่จิ่งทำพลาดไปครั้งนั้น หลังจากที่เขาได้แต่มองดูฉินอีหลินถูกคนอื่นพาตัวไปต่อหน้าต่อตาตัวเอง เขาก็ไม่ได้ข่าวคราวของฉินอีหลินอีกเลย แล้วเขาก็ยังไม่มีหน้าจะกลับไปตระกูลหลี่อีกด้วย ก็ทำได้เพียงแค่มานั่งดื่มเหล้าที่บาร์ทุกวัน
ยังดีที่มีดู้เทาอยู่เป็นเพื่อนเขาได้ เขาเลยดูเหมือนไม่เหงาขนาดนั้น
ลี่จิ่งรู้ว่าประโยชน์เพียงอย่างเดียวที่เขามีต่อตระกูลหลี่ในตอนนี้ คือเขาเกี่ยวข้องกับตระกูลลี่เล็กน้อย ถ้าวันหนึ่งตระกูลลี่ประกาศว่าจากนี้ไปลี่จิ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลลี่ล่ะก็ ชีวิตของเขาคงจบอยู่แค่นี้
เป็นคนเลวมันยาก แต่เป็นคนเลวชั้นสูงนั้นยากกว่า
ในห้าง หลังจากลี่โม่อวี่เห็นด้วยกับคำขอของฉินอีหลิน ครอบครัวสี่คนทานมื้อกลางวันเสร็จ ก็ไปเดินทั่วห้างอีก สิ่งนี้ทำเอาหลงหมิงเจ๋อคว่ำหน้าลงบนโต๊ะอาหาร ลี่โม่อวี่เองก็ร้องโอดโอย
ลี่โม่อวี่เดินลากรองเท้าแตะและร่างกายที่เหนื่อยล้าถึงขีดสุด จูงมือหลงหมิงเจ๋อที่เหนื่อยล้าอย่างสุดขีดเช่นเดียวกัน ตามอยู่ข้างหลังฉินอีหลินและหลงจิ่นเซวียน ทั้งคู่หมดเรี่ยวหมดแรง เหมือนกับมะเขือเหี่ยวเฉาอย่างไรอย่างนั้น
โชคดีหน่อยที่ครั้งนี้ฉินอีหลินพาพวกเขามาที่ร้านชุดสำหรับเด็ก ฉินอีหลินเห็นชุดเจ้าหญิงตั้งแต่ไกลๆ และถามหลงจิ่นเซวียน “เป็นยังไง ชอบไหมคะ?”
หลงจิ่นเซวียนเบิกตาโต พยักหน้าแรงๆ “ชอบค่ะ ชอบค่ะ” ดวงตาทั้งสองข้างเปร่งประกายไม่หยุด เหมือนกับจะกินชุดนั้นลงท้องอย่างไรอย่างนั้น
“พนักงานคะ ขอชุดแบบนี้มาลองหน่อยค่ะ” ฉินอีหลินพูดกับพนักงานบริการ
“ได้ค่ะ คุณผู้หญิง รอสักครู่นะคะ” พนักงานถือเอาชุดไซซ์ของหลงจิ่นเซวียนออกมาอย่างมีมารยาทมาก และบอกกับฉันอีหลินว่าไซซ์นี้มีเพียงตัวเดียว
ฉินอีหลินรับชุดมาแล้วเดินไปที่ห้องลองเสื้อกับหลงจิ่นเซวียน ไม่นานนัก หลงจิ่นเซวียนก็เดินออกมาราวกับเจ้าหญิงน้อย เดินมาอยู่หน้ากระจก และยังหมุนตัวไปอีกหนึ่งรอบ เธอรู้สึกพอใจมาก ก็เลยยิ้มออกมาอย่างดีใจ
“อืม สวยจริงๆ เลย” ลี่โม่อวี่เอ่ยปากพูด
หลงจิ่นเซวียนได้หน้าตามาจากฉินอีหลิน เธอหน้าตาดีอย่างเป็นธรรมชาติ
ทันใดนั้น ก็มีประโยคไม่น่าฟังดังขึ้นมาประโยคหนึ่ง
หญิงสาวแต่งตัวสวยหยาดเยิ้มคนหนึ่งกล่าวขึ้น “พนักงาน เอาชุดแบบที่เด็กคนนี้ใส่มาให้ฉันอีกชุดมาให้ฉันที”