ประธานจอมหื่นสุดซ่า – ตอนที่ 296

ตอนที่ 296

บทที่ 296 คุณนี่ช่างน่าสงสารจริงๆ

ลี่โม่อวี่หยิบมือถือที่อยู่ในมือของหลงหมิงเจ๋อมาแล้วพูดกับฉินอีหลินที่อยู่ในสาย“แล้วทางนั้นทุกอย่างราบรื่นไหม?”

เขาไม่สนใจเรื่องอำนาจผู้นำตระกูลอะไรนั่น เขาอยากรู้แค่ว่าผู้หญิงของตัวเองสุขภาพแข็งแรงดีอยู่ไหม แต่ลี่โม่อวี่เป็นคนมีเหตุมีผล ถ้าเกิดอยากจะให้ฉินอีหลินกลับมาเร็วๆ ก็ทำได้แค่ภาวนาให้เรื่องราวทางนั้นราบรื่นไปได้ด้วยดี

“อื้อ ทุกอย่างราบรื่นดี วันนี้ลุงแถลงเรื่องที่คุณพ่อจะมารับตำแหน่งผู้นำตระกูลต่อเรียบร้อยแล้ว งานแถลงการณ์ก็จะจัดขึ้นในอีกครึ่งเดือน พวกเราใกล้จะได้เจอกันแล้ว”ฉินอีหลินคิดถึงลี่โม่อวี่มากๆ

“ครับ”ลี่โม่อวี่พูดถึงตรงนี้ ก็หรี่ตาลงเล็กน้อย“ระวังพวกหมาจนตรอกไว้ให้ดีด้วยล่ะ”

“อื้อ ฉันรู้แล้วล่ะ พวกเขาทำอะไรคุณพ่อไม่ได้ ไม่แน่อาจจะมาลงมือที่ฉันก็ได้”ฉินอีหลินได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มเบาๆพร้อมกับพูดตอบกลับไป แต่กลับไม่รู้สึกเป็นกังวลเลยสักนิด

“ทำอะไรก็ระมัดระวังตัวด้วยนะ”

ลี่โม่อวี่เกลียดที่ตัวเองที่ไม่สามารถไปอยู่ปกป้องฉินอีหลินได้ ฉินอีหลินต้องทนทุกข์ลำบากก็เพื่อเขาจริงๆ เขาเริ่มรู้สึกผิดต่อฉินอีหลินขึ้นไปอีก

“ไม่เป็นไรหรอก โม่อวี่ ฉันสามารถดูแลตัวเองได้ คุณอย่างกังวลใจไปเลย”เธอรับรู้ถึงความอัดอั้นตันใจของลี่โม่อวี่เป็นอย่างดี เธอรู้ดีว่าลี่โม่อวี่เป็นห่วงเธอ รักเธอ แต่เธอไม่อยากให้ลี่โม่อวี่คิดฟุ้งซ่าน เพราะว่าเธอก็รักลี่โม่อวี่เช่นเดียวกัน

ทั้งสองผลัดกันแสดงความเป็นห่วง พูดให้อีกฝ่ายวางใจลง อยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ ราวกับพูดยังไงก็พูดไม่จบ

ส่วนทางด้านของตระกูลเล็กๆในประเทศจีน ก็ได้รับจดหมายเชิญจากตระกูลหลง เนื้อความในจดหมายเขียนประมาณว่าอยากให้พวกเขาไปเข้าร่วมพิธีรับตำแหน่งผู้นำตระกูลของตระกูลหลง ตระกูลเล็กๆพวกนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นตระกูลที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของตระกูลหลง ด้วยเหตุนี้จะสามารถเห็นได้ถึงพลังอำนาจของตระกูลหลง

ผู้นำตระกูลของบ้านซือได้รับจดหมายจากตระกูลหลง อ่านเนื้อความในจดหมาย ดูไม่ออกว่าสีหน้ากำลังแสดงอารมณ์อะไร “ดูๆแล้วตระกูลหลงกำลังจะเปลี่ยนสมัยแล้วสินะ”

ซือเซี่ยที่ยืนอยู่ข้างหลังของพ่อตัวเอง“พ่อ การกลับไปครั้งนี้ของหลงเซี่ยวเทียน ก็เพื่อไปรับตำแหน่งผู้นำตระกูลหลงใช่ไหม?”

“คงจะแบบนั้นแหละ แต่การกลับไปครั้งนี้ของหลงเซี่ยวเทียนคงจะไม่ราบรื่นขนาดนั้นอย่างแน่นอน”

ซือเทียนกังหยุดชะงักลงเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้น“เซี่ยเอ๋อ การกลับไปรับตำแหน่งผู้นำตระกูลของหลงเซี่ยวเทียนในครั้งนี้ จะต้องมีเรื่องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ไม่ว่ายังไงลูกต้องอยู่ฝั่งเดียวกับหลงเซี่ยวเทียนนะ ส่วนหลงเจี้ยนคงไม่ประสบความสำเร็จหรอก”

ซือเซี่ยพยักหน้าอย่างเงียบๆ จริงๆแล้วซือเทียนกังเข้าใจเรื่องการสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลแบบนี้ดี ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องขึ้นอยู่กับสายเลือดและความกล้าหาญชาญชัย ในเมื่อหลงเซี่ยวเทียนมีเลือดเนื้อเชื้อไขและความกล้าหาญที่เหมือนกับผู้นำตระกูลของตระกูลหลงในตอนนี้แล้ว มันก็ไม่มีทางล้มเหลวอย่างแน่นอน ส่วนพวกแผนการชั่วร้ายของพวกคนที่เหลือมันก็เป็นแค่ตัวประกอบก็เท่านั้น”

ซือเซี่ยเข้าใจความหายที่พ่อสื่อออกมา จริงๆแล้วจากการที่รู้จักกับหลงเซี่ยวเทียนหลายวันที่ผ่านมา ก็แอบรู้สึกว่าถึงแม้สีหน้าท่าทางจะดูเย็นชา แต่หลงเซี่ยวเทียนมีความเมตตากรุณากับคนของตนเองมากๆ

ถ้าเกิดได้ช่วยเขาขณะที่เขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากครั้งนี้ล่ะก็ หลงเซี่ยวเทียนจะต้องแต่งตั้งให้เขามาเป็นคนของตนเองแน่ๆ จะต้องถือโอกาสตอนที่ช่วยเหลือเขาประจบประแจงเขาให้ดีๆ

สำหรับเรื่องผู้นำของบ้านซือก็ไม่ได้อธิบายอะไรให้กับซือเซี่ยมากนัก ถึงยังไงต่อจากนี้ซือเซี่ยก็ต้องเป็นคนที่มารับช่วงบ้านซือต่ออยู่ดี ถ้าแม้แต่อันนี้ยังคิดไม่ได้ล่ะก็ แล้วจะเป็นผู้นำที่ดีของบ้านซือได้ยังไง

ณ ที่ที่หนึ่งในปราสาทเก่าตระกูลหลง กลุ่มคนหัวแข็งของเชื้อสายรองที่นำโดยหลงเจี้ยนกลุ่มหนึ่ง กำลังนั่งคุยปรึกษาอะไรกันอยู่

คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนที่จงรักภักดีต่อหลงเจี้ยน พวกเขาถูกส่งไปอยู่ตามพื้นที่ต่างๆของตระกูลหลง กลายเป็นคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของหลงเจี้ยนและซื่อสัตย์ต่อเขาอย่างมาก

“ที่เรียกพวกคุณมาในวันนี้ ต้องการให้พวกคุณเข้าใจเจตนาของฉัน เรื่องใหญ่โตที่หลงเสี่ยวเซินได้กระทำขึ้นโดยที่ไม่ปรึกษาพวกเราในครั้งนี้ พวกคุณคิดเห็นยังไงกันบ้าง?”

หลงเจี้ยนไม่ได้อธิบายให้ลึกซึ้งมากนัก เขาอยากรู้ว่าคนที่นั่งอยู่พวกนี้มีความซื่อสัตย์กับเขามากแค่ไหน

จากนั้นในกลุ่มคนพวกนี้ก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนขึ้นมา เขาเดินขึ้นมาข้างหน้าพร้อมกับพูดขึ้น“ผมรู้สึกว่า ที่หลงเซี่ยวเทียนทำขนาดนี้เขาคิดที่จะให้พวกเราหาทางรับมือไม่ทัน เพื่อที่เขาจะได้บรรลุเป้าของตนเอง”

“ใช่แล้ว”จากนั้นก็มีเสียงผู้คนพูดเสริมขึ้นมา

เด็กหนุ่มพูดขึ้นต่อ“ครั้งนี้หลงเสี่ยวเซินคิดจะเปลี่ยนผู้นำตระกูลโดยที่ไม่ถามความเห็นจากพวกเราเชื้อสายรองสักคำ เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตา ผมรู้สึกว่าพวกเราจะต้องทำอะไรสักอย่างกับงานแถลงการณ์ในครั้งนี้ครับ”

หลังจากที่หลงเจี้ยนได้ยินสิ่งที่เด็กหนุ่มพูดมา ก็ยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย“นายชื่ออะไร?”

“ผมชื่อหลงเจ๋อ”เด็กหนุ่มตอบกลับอย่างสุภาพ

“หลงเจ๋อพูดได้ดีมาก แต่ฉันมีแผนการอยู่แล้ว ขาดแค่คนที่มีความกล้าเพื่อไปจัดการเรื่องนี้แทนฉัน พวกคุณมีใครกล้าบ้าง?”

จริงๆแล้วในใจของหลงเจี้ยนรู้ดีว่าให้คนพวกนี้ไปเป็นตัวตายตัวแทนของเขาคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่หลังจากที่ได้ฟังแผนการของหวงจิ้งฝูแล้ว หลงเจี้ยนก็คิดวิธีการที่ชาญฉลาดออกมาได้

“ถึงหลงเจ๋อ จะไม่มีพรสวรรค์ แต่ก็ขอรับงานนี้อย่างใจกล้า”

“เยี่ยม!เยี่ยม!”หลงเจี้ยนเห็นหลงเจ๋อที่ตอบรับอย่างเด็ดเดี่ยวขนาดนี้ ก็หันสายตามาจ้องมองหลงเจ๋ออยู่นานอย่างช่วยไม่ได้ จู่ๆก็รู้สึกว่าต้นกล้าต้นนี้สามารถเลี้ยงดูให้โตขึ้นได้ แน่นอน

พอหลงเจี้ยนเลิกการประชุมก็ส่งคนพวกนี้กลับไป แต่ให้หลงเจ๋ออยู่ต่อเพียงลำพัง

“หลงเจ๋อ ครั้งนี้พวกเราต้องลงมือกับฉินอีหลิน นายมีแผนการบ้างแล้วหรือยัง”

“ตอนนี้ยังไม่มี แต่แค่ผู้หญิงตัวคนเดียวที่ไม่มีใครมาปกป้องดูแล ผมพอจะจัดการได้อยู่”

“อื้อ ฉันจะให้เวลานายสามวัน หลังจากผ่านไปสามวันแล้ว ฉันจะต้องได้เห็นผลลัพธ์ที่ฉันอยากจะเห็น เข้าใจแล้วใช่ไหม?”

“หลงเจ๋อเข้าใจแล้วครับ”

“แล้วก็อย่าให้ฉินอีหลินเป็นอันตรายถึงชีวิต ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นล่ะก็ ฉันก็ช่วยอะไรนายไม่ได้”หลงเจี้ยนพูดกำชับขึ้นต่อ

หลงเจี้ยนแค่อยากให้ฉินอีหลินเกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น ให้ส่งผลกระทบไปถึงเรื่องการรับตำแหน่งของหลงเซี่ยวเทียนก็พอ ไม่ได้คิดถึงขั้นจะเอาชีวิตของฉินอีหลิน

ถึงยังไงถ้าฉินอีหลินเป็นอะไรขึ้นมา แล้วตระกูลหลงสืบสาวมาถึงเขาได้ นั่นก็เท่ากับว่าชื่อเสียงของจะต้องป่นปี้ย่อยยับเป็นแน่

ฉินอีหลินผู้ไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดนี้ กำลังนั่งอยู่ในห้องของตัวเอง คิ้วขมวดไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ช่วงสองสามวันมานี้ตั้งแต่ได้ฟังคำเตือนจากหลงเซี่ยวเทียน เธอก็อยู่แต่ในห้องของตัวเองมาตลอดไม่ออกไปไหน รู้สึกอึดอัดจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว นอกจากหลงหลิงที่มาอยู่เป็นเพื่อนเธอทุกวันแล้ว ก็ไม่มีใครคุยกับเธออีก

เธอก็ไม่ได้บอกอะไรกับลี่โม่อวี่เช่นกัน เพราะกลัวว่าลี่โม่อวี่จะเป็นห่วงเธอ

ผ่านไปสองวันเต็มๆแล้ว ฉินอีหลินไม่ได้ออกจากห้องเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในช่วงเที่ยงของวันที่สาม ขณะที่ฉินกำลังนั่งดูรูปหลงหมิงเจ๋อและหลงจิ่นเซวียนอยู่ที่โต๊ะด้วยความเบื่อหน่ายอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงประตูเปิดออก จากนั้นหลงหลิงก็กระโดดโลดเต้นเข้ามา

“อีหลิน คุณนี่น่าสงสารจริงๆเลย ให้ฉันแอบพาคุณออกไปข้างนอกไหม?”

“ไม่ต้อง ฉันทนรอให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อนดีกว่า”ฉินอีหลินพูดขึ้นอย่างจำใจ

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องกินข้าวนะ”

ช่วงสองสามวันมานี้หลงหลิงไม่เห็นฉินอีหลินที่โต๊ะอาหารของตระกูลหลง ก็รู้เลยว่าฉินอีหลินอยู่ในห้องโดยที่ไม่ได้กินข้าวเลยทั้งวัน

“ฉันไม่มีความอยากเลย กินไม่ลง”

“แบบนี้ไม่ได้นะ เดี๋ยวฉันไปบอกให้พ่อครัวต้มโจ๊กมาให้ คุณรอแป๊บนะ เดี๋ยวฉันมา”

หลงหลิงวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงแต่ฉินอีหลินที่กำลังยินจ้องมองอยู่ที่เดิม

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

Status: Ongoing

ยืนอยู่หน้าประตูบาร์ เธอไม่รู้จะทำอย่างไร ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เธอเข้าบาร์ ตอนเช้าของวันนี้ มีข่าวซุบซิบบันเทิงดังไปทั้งเมือง คุณหนูตระกูลใหญ่ไปกับผู้ชายเมื่อคืน หน้าหนังสือพิมพ์ยังมีรูปภาพที่เธอถูกผู้ชายกอดเข้าโรงแรม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท