บทที่ 291 ไม่คิดว่าจะรับมือยากขนาดนี้
หลังจากที่กลับมาถึงคฤหาสน์ ตระกูลลี่ ลี่โม่อวี่รู้สึกสงสัยทหารสามคนที่เจอในร้านซุปเนื้อแกะเมื่อตะกี้อย่างมาก เขาเคาะประตู ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องหนังสือของลี่อานโก๋
ลี่อานโก๋ที่ยืนอยู่ข้างๆโต๊ะหนังสือ มือจับแปรงผู้กัน ใช้หมึกดำบรรจงเขียนตัวอักษรลงบนกระดาษซวนจื่อ ด้วยท่วงท่าที่สง่างาม
“พ่อ”ลี่โม่อวี่รู้สึกว่าการที่จู่ๆตัวเองก็พุ่งเข้ามามันผลีผลามเกินไป จึงเรียกด้วยน้ำเสียงเบาๆ กลัวว่าจะไปรบกวนลี่อานโก๋
“หือ ว่ามาสิ มีเรื่องอะไร?”ลี่อานโก๋วางแปรงผู้กันในมือ นั่งลงพร้อมกับมองมาที่ลี่โม่อวี่
ลี่โม่อวี่บอกเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านซุปเนื้อแกะก่อนหน้านี้กับลี่อานโก๋ ลี่อานโก๋ได้ฟังแล้วก็ยิ้มๆ“คนพวกนั้นตอนนี้ยังติดต่อไม่ได้ แต่แกวางใจได้ พวกเขาจะไปในไม่ช้าแล้ว”
สำหรับเรื่องของกองทัพ ลี่โม่อวี่รู้ค่อนข้างเยอะ ในกองทัพขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวด หน้าที่สูงสุดของทหารก็คือต้องเชื่อฟังคำสั่ง แต่ดีที่ลี่อานโก๋บอกว่าคนพวกนั้นไม่มีปัญหาอะไร ลี่โม่อวี่จึงเลยวางใจลง
แต่พูดอีกแบบหนึ่งก็คือ คนพวกนั้นถ้าเห็นคนมารบกวนล่ะก็ จะไม่มีคำว่า“ตกใจกลัวจนตัวสั่น” บางทีอาจจะสัมผัสได้ถึงความกล้าหาญของลี่โม่อวี่ก็ได้
“ตอนที่ไม่มีธุระอะไร ก็เข้าไปเยี่ยมเยียนที่บ้านซือบ้างก็ดีนะ บางทีบ้านซืออาจจะมีส่วนช่วยเหลือแกอย่างมากในอนาคตเลยก็ได้”
“ทราบแล้วครับ”
ลี่อานโก๋ไม่พูดอะไรอีก แล้วก็หยิบแปรงผู้กันขึ้นมาเขียนตัวอักษรต่อไป ลี่โม่อวี่ปิดประตูห้องหนังสือ แล้วก้าวเท้าออกมา หลังจากที่ถอยออกมาจากห้องหนังสือแล้ว ก็เห็นหลงหมิงเจ๋อกับหลงจิ่นเซวียนที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก กำลังล้อมลี่หยินหูอยู่ ไม่รู้ว่าทั้งสามคนกำลังคุยอะไรกัน แต่ว่าสีหน้าของท่านลี่เอ่อล้นไปด้วนรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆ
“โม่อวี่ วันนี้แกไม่มีธุระอะไรเหรอ?”ลี่หยินหูหันมาเห็นลี่โมอวี่ที่เดินออกมาจากห้องหนังสือ
“ครับ คุณปู่”
“ไม่มีธุระอะไรก็โทรไปหาอีหลินเยอะๆหน่อยสิ อีหลินอยู่ที่ประเทศMคนเดียว คงจะรู้สึกเบื่อแน่ๆ”
“ผมกำลังจะไปโทรพอดีเลยครับ”
ลี่โม่อวี่ก็กะที่จะกลับไปโทรที่ห้องของตัวเองตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ที่ประเทศMในตอนนี้ก็เป็นเวลาอาหารค่ำพอดี ฉินอีหลินกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงในห้องตัวเอง หลงหลิงบอกไว้แล้วว่าถ้าใกล้เวลาทานอาหารเมื่อไรจะเรียกเธอเอง พอได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น ฉินอีหลินก็รู้เลยว่าใครโทรมา
“โม่อวี่ มีอะไรเหรอ?”
“ไม่มีอะไร ก็แค่คิดถึงคุณน่ะ”
ลี่โม่อวี่กับฉินอีหลินพูดคุยกันอยู่อย่างนั้น โดยไม่รู้ว่าหลงหมิงเจ๋อกำลังลากหลงจิ่นเซวียนเข้ามาในห้องของเขา ในห้องมีเครื่องแอบฟังบทสนทนาของลี่โม่อวี่และฉินอีหลิน ใบหน้าของเด็กน้อยทั้งสองคนเผยให้เห็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่เป็นระยะๆ คงเป็นเพราะว่าได้ฟังเนื้อหาของบทสนทนาระหว่างลี่โม่อวี่และฉินอีหลิน
ณ ปราสาทเก่าตระกูลหลงในประเทศM ฉินอีหลินได้วางสายลง ลุกขึ้นเดินมาตรงหน้ากระจก จัดทรงผมเสื้อผ้าที่ดูยุ่งเหยิงให้เรียบร้อย
“อีหลิน ออกมาทานอาหารได้แล้ว!” หลงหลิงเปิดประตูห้องของฉินอีหลิน
“ค่ะ”
ทั้งสองเดินด้วยกันมาจนถึงตรงทางเลี้ยวของบันได หลงว่านชิงเดินสวนมาจากข้างหน้า ตอนที่เจอกันครั้งแรก ฉินอีหลินไม่ทันได้ดูหลงว่านชิงอย่างละเอียด ตอนนี้พอมาได้มาดูใกล้ๆ ถึงแม้ว่าหลงว่านชิงจะเชิดหน้าเชิดตาแค่ไหน แต่ก็ดูสมแล้วที่เธอจะวางมาดแบบนั้น จากที่มียีนของประเทศMอยู่ก่อนแล้ว บวกเข้ากับยีนของฝั่งตะวันออกอีก ถือได้ว่าเป็นสาวลูกครึ่งที่สวยคนหนึ่งเลย
หลงว่านชิงในตอนนี้สวมชุดเดรสสีชาว ราวกับจะไปงานเลี้ยง หลงหลิงเดินอยู่ริมนอก ฉินอีหลินเดินอยู่ริมใน ขณะที่หลงหลิงและหลงว่านชิงเดินสวนไหล่กันนั้น ก็เห็นว่าหลงว่านชิงตั้งใจเอาไหล่มาชนเข้ากับไหล่าของหลงหลิง หลงหลิงถูกหลงว่านชิงชนไหล่เข้าอย่างไม่ทันตั้งตัวจนเสียสมดุล ส่วนหลงว่านชิงก็ไม่คาดคิดว่าหลงหลิงจะเสียการทรงตัวขนาดนี้ จนล้มเซไปหาฉินอีหลิน
ฉินอีหลินที่อยู่ข้างๆเห็นการกระทำทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกจนจบ พอเห็นว่าหลงว่านชิงกำลังจะมาชนเข้ากับตนเอง ฉินอีหลินจึงอาศัยจังหวะนั้นแกล้งทำเป็นจะล้ม แล้วใช้มือดึงซิปชุดเดรสของหลงว่านชิง
ฉินอีหลินดึงซิปของชุดเดรสรูดลงจนสุดสาย ทำให้ชุดเดรสที่แสนหรูหราของหลงว่านชิงร่วงหล่นลง เรือนร่างขาวบริสุทธิ์โผล่ออกมารับลมเย็น เผยให้เห็นชุดชั้นในซีทรูที่ดูยั่วยวน
“ว้าย!” หลงว่านชิงร้องเสียงสูง!พร้อมกับวิ่งพุ่งเข้าไปในห้องของตัวเองโดยไม่หันหัวกลับมา เธอที่ทั้งตัวสวมแค่ชุดชั้นในซีทรู ตอนที่กำลังวิ่งอยู่ดูเหมือนกับเป็ดที่ข้อเท้าเคล็ด
ฉินอีหลินประคองหลงหลิงขึ้นมา ด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ หลงหลิงมองฉินอีหลิน พร้อมกับยกนิ้วโป้งขึ้นมาอย่างไม่มีความลังเลใดๆทั้งสิ้น“คุณเก่งมากเลย!”
“Thank you!”ตอบกลับอย่างเป็นมิตร
จริงๆแล้วฉินอีหลินเข้าใจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ นี่เป็นการลองเชิงตนเองของหลงว่านชิง ถ้าเมื่อตะกี้เธอไม่แสดงท่าทีว่าแข็งแรงล่ะก็ คงจะถูกหลงว่านชิงดูหมิ่นดูแคลนแน่นอน
“ไปทานอาหารกันเถอะ”ฉินอีหลินจูงมือของหลงหลิง เดินไปยังห้องอาหารอย่างรวดเร็ว
หลงหลิงเดินตามฉินอีหลิน ยังคงรู้สึกมึนๆ จนถึงตอนนี้แม้ว่าเธอจะเป็นเชื้อสายหลัก แถมยังเป็นลูกสาวของผู้นำตระกูลด้วย แต่ก็ไม่เคยเอาชนะหลงว่านชิงผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้ได้เลย จนตอนนี้ในที่สุดก็ได้เจอกับคนที่สามารถกำราบนังผู้หญิงคนนี้ได้สักที หลงหลิงแอบชื่นชมฉินอีหลินอยู่ในใจ
หลงว่านชิงกลับถึงห้องของตัวเองด้วยเรือนร่างที่เปลือยเปล่าครึ่งท่อน “ปึ้ง!”เสียงประตูที่ปิดเข้าอย่างแรง จากนั้นเธอก็นั่งลงบนเตียง หน้าอกสีขาวนวลสองข้างที่แทบจะทะลักออกมาขยับขึ้นลง เนื่องด้วยความโกรธ
“ฉินอีหลิน!”
หลงว่านชิงกัดฟันกรอดๆ“รับมือยากกว่าที่คิดไว้ขนาดนี้เชียวหรือ ดูท่าแล้วถ้าไม่ใช้วิธีสกปรกคงจะไม่ได้ผลแล้วสินะ” หลงว่านชิงหรี่ตาลงพร้อมกับพูดพึมพำกับตัวเอง
จริงๆแล้ววันนี้เธอวางแผนที่จะให้ฉินอีหลินยอมจำนนต่อตนเอง คิดไม่ถึงว่าฉินอีหลินกลับพลิกเกม ทำให้เธอต้องอับอายขายขี้หน้าต่อหน้าพวกเขาแทนจนได้ หลงว่านชิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ เธอโกรธสุดๆ ไม่มีใครหน้าไหนสามารถมาทำอะไรตามอำเภอใจแบบนี้ต่อหน้าเธอได้
บ้านซือ
ซือเซี่ยกับซือเอ๋อกำลังนอนดูท้องฟ้าอยู่บนสนามของบ้านซือ จู่ๆเสียงของลี่โม่อวี่ก็ดังขึ้นมาจากด้านหน้าของทั้งสองคน
“ท่านชายซือและท่านหญิงซือช่างมีอารมณ์สุนทรีย์เหลือเกินนะ”ลี่โม่อวี่พูดแซวขึ้น
จริงๆแล้วตั้งแต่ที่ฉินอีหลินออกมาจากบ้านซือ ซือเอ๋อก็รู้สึกเบื่อมาโดยตลอด ตั้งแต่ที่เจอลูกๆทั้งสองของฉินอีหลินในวันนั้น
ซือเอ๋อก็คิดอยากจะมีลูกกับซือเซี่ยมาโดยตลอด แต่ว่าซือเซี่ยบอกเธอว่ามันยังไม่ถึงเวลา เพื่อเป็นการชดเชยให้กับซือเอ๋อ ซือเซี่ยจึงอยู่เป็นเพื่อนกับผู้หญิงของตนเองตลอดทุกวัน
บ้านซือขมวดคิ้วแล้วลุกขึ้นยืน“นายไม่ทำงานทำการหรือไง แล้วมาที่นี่ทำไม?”
บ้านซือและลี่โม่อวี่เป็นวีรบุรุษในยุคสมัยเดียวกัน เวลาอยู่ด้วยกันก็ต่างคนต่างไม่ยอมกัน แต่ถึงแม้ว่าจะมาเผชิญหน้ากับยักษ์ใหญ่แห่งบ้านซือ ลี่โม่อวี่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะก้าวถอยเลยสักนิด
“ฉันจะมาพูดเรื่องเก่าๆกับนายสักหน่อย แล้วก็ถือโอกาสมาดูด้วยว่านายใช้ชีวิตเป็นยังไงบ้าง”ลี่โม่อวี่ยกคิ้ว
ซือเอ๋อเมื่อเห็นว่าผู้ชายทั้งสองคนกำลังจะพูดคุยธุระกัน ก็ทำปากมุ่ยแล้วลุกขึ้นไปเล่นกับซือฉี
ซือเซี่ยแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยดูถูกดูแคลนลี่โม่อวี่ การที่คนคนหนึ่งจะใช้น้ำพักน้ำแรงของตัวเองจนมาถึงระดับนี้ได้ มันก็ไม่ธรรมดาแล้วจริงๆ
“ฉัน? ก็อยู่เล่นกับซือเอ๋อน่ะ”
ซือเซี่ยสีหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ มันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว
“นายกำลังยั่วโมโหฉันอยู่ใช่ไหม?”
ลี่โม่อวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย มีแค่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขาคิดถึงฉินอีหลินมากเพียงใด
“ถ้าฉินอีหลินอยู่ คุณก็คงไม่ว่างไปเที่ยวเตร็ดเตร่แบบนี้หรอก”
ซือเซี่ยเห็นซือเอ๋อที่กำลังกระโดดโลดเต้นออกไป หันหน้ากลับมาแล้วถามประชดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา
ถ้าฉินอีหลินอยู่ เขาไม่มีเวลาว่างไปเดินเล่นเตร็ดเตร่ที่ไหนแน่นอน!