บทที่ 308 เด็กไม่อยู่แล้ว
หลงเสี่ยวเซินเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าแท่น กระแอมไอเล็กน้อย จากนั้นมองไปยังทุกคน
ทุกคนต่างพากันค่อยๆเงียบเสียงลง เมื่อมองสิ่งที่ตนเองต้องการอย่างพอใจแล้ว หลงเสี่ยวเซินจึงเอ่ยอย่างเป็นทางการ “ก่อนอื่น ต้องขอบคุณทุกท่านที่ยอมสละเวลาอันมีค่ามาร่วมพิธีในครั้งนี้ พิธีนี้เป็นพิธีการส่งมอบตำแหน่งผู้นำตระกูลหลง”
หยุดไปสักพัก หลงเซี่ยวเทียนก็กล่าวต่อ “ผมรับตำแหน่งมานานยี่สิบกว่าปีแล้ว ตอนนี้เนื่องจากเรื่องสุขภาพทำให้ผมไม่สามารถรับหน้าที่นี้ต่อไปได้ ดังนั้นจึงตัดสินใจ ยกตำแหน่งนี้ให้กับน้องสามของผม หลงเซี่ยวเทียน”
จากนั้นหลงเซี่ยวเทียนก็เดินออกมาจากด้านหลังหลงเสี่ยวเซิน โค้งคำนับให้ทุกคนตรงนั้น ไม่พูดไม่ได้ว่าวันนี้หลงเซี่ยวเทียนนั้นหล่อเหลา แม้ว่าอายุจะไม่น้อยแล้ว แต่ยังคงมีเสน่ห์น่าหลงใหล
“ได้ข่าวว่าหลงเซี่ยวเทียนไปจากตระกูลหลงยี่สิบปีแล้ว”
“ใช่ ทำไมถึงได้กลับมาล่ะ” ด้านล่างเวทีพากันถกเถียง พวกเขาคิดว่าในเมื่อออกไปจากตระกูลหลงแล้ว ทำไมยังกลับมารับตำแหน่งผู้นำตระกูลต่ออีก
แน่นอนว่าหลงเจี้ยนซึ่งเป็นผู้นำของคนเชื้อสายรองที่อยู่ด้านล่างย่อมได้ยินคำถกเถียงของผู้คนเหล่านั้น หลงเจี้ยนกำหมัดแน่น ใบหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย
หลงเซี่ยวเทียนเรามาคอยดูกัน!
คนที่พูดราวกับมองไม่เห็นหลงเจี้ยน ยังคงพูดต่อไม่หยุด
เมื่อเห็นทุกคนสงสัยเกิดความสงสัยกับการรับตำแหน่งของตนเอง หลงเซี่ยวเทียนจึงอธิบาย “คาดว่าทุกท่านคงเกิดความสงสัยกับการรับตำแหน่งของผม งั้นผมก็จะบอกกับทุกท่าน ความจริงตลอดยี่สิบปีมานี้ผมฝึกฝนอยู่ด้านนอกตลอด ตอนนี้สำเร็จแล้ว ถึงได้กลับมารับตำแหน่งผู้นำตระกูลหลงต่อ”
เหตุผลฝืนบังคับนี้เป็นใครก็ไม่เชื่อ แต่ว่า กลับไม่มีใครโต้เถียงแม้แต่น้อย
จากนั้นหลงเสี่ยวเซินจึงถอดแหวนที่เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจทั้งหมดของตระกูลหลง สวมให้หลงเซี่ยวเทียน แหวนนั้นแกะสลักหัวมังกรอย่างประณีตเหมือนจริง
ในที่สุดงานพิธีรับมอบตำแหน่งก็สำเร็จลงอย่างราบรื่น ภายใต้การเป็นสักขีพยานจากบรรดาผู้มีชื่อเสียงจากทั่วทุกสารทิศ การขึ้นรับตำแหน่งผู้นำตระกูลของหลงเซี่ยวเทียนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงนี้ได้แล้ว
หลงเจี้ยนจ้องมองหลงเซี่ยวเทียนที่อยู่บนเวทีอย่างมาดร้าย ในใจนั้นอัดอั้นจนพูดไม่ออก จากนั้นหลงเซี่ยวเทียนก็ยุ่งอยู่กับการทักทายกับบรรดาผู้มีชื่อเสียงจากทั่วทุกสารทิศ ท่าทางองอาจสมกับเป็นผู้นำตระกูลหลง
หลังจากพิธีรับตำแหน่งของหลงเซี่ยวเทียนเสร็จสิ้นแล้วหลงเสี่ยวเซินก็วางแผนจะไปรักษาลับๆที่อังกฤษ ตระกูลหลงได้จัดเตรียมค่าใช้จ่ายจำนวนมากทั้งหมดให้เขาเรียบร้อยแล้ว หลงเสี่ยวเซินจึงวางใจได้แล้ว
ในงานพิธีเหล่าคนเชื้อสายรองได้มารวมตัวกันไม่รู้สึกครึกครื้นเลยสักนิด แน่นอนว่าหลงว่านชิงก็เป็นหนึ่งในนั้น ก่อนหน้านี้เคยพ่ายแพ้ให้กับฉินอีหลินถึงสองครั้ง นิสัยหยิ่งทะนงอย่างเธอเมื่อกลับถึงบ้าน ก็โวยวายใหญ่โต สุดท้ายมันก็ได้จบลงแล้ว วันนี้ใบหน้าของเธอยังดูไม่น่าเชื่ออยู่เลย
“เอ๋ นี่ไม่ใช่คุณหนูใหญ่หลงหลิงหรอกหรือนี่” หลงว่านชิงเห็นหลงหลิงอยู่ข้างๆคนเดียว
หลงหลิงหันกลับมา เมื่อเห็นว่าเป็นหลงว่านชิงแล้ว เธอจึงใช้สายตาเห็นอกเห็นใจมอง ไม่ได้ใส่ใจสักนิด
หลงว่านชิงเห็นหลงหลิงเหยียดหยามต่อตนเองแบบนั้น ความโกรธจึงพุ่งขึ้นมาทันที เมื่อก่อนมีแต่เธอที่ดูถูกหลงหลิง
“คุณหนูใหญ่ ตอนนี้คุณไม่ได้เป็นลูกสาวของผู้นำตระกูลแล้ว” หลงว่านชิงพูดประโยคนี้ความหมายก็คือ ตอนนี้เธอไม่มีสิทธิ์มาเหยียดหยามฉันแล้ว
“อ้อ หรอ ช่างสิ ยังไงซะผู้นำตระกูลก็เป็นอาสามของฉัน” หลงหลิงมองหลงว่านชิงคล้ายมองคนโง่ ตอนนี้เองหลงหลิงก็รู้สึกว่าหลงว่านชิงน่าเบื่อ ตอนนี้เธอแปลกใจ เมื่อก่อนเธอทำไมต้องมาพะวงใจกับคนโง่แบบนี้
เมื่อเห็นหลงหลิงท่าทางไม่แยแสตัวเอง หลงว่านชิงก็แทบจะระเบิดออกมา “นี่เธอยังไม่รู้สาเหตุจริงๆที่ทำให้ฉินอีหลินต้องนอนโรงพยาบาลสินะ”
“เหอะ ก็ไม่ใช่เพราะฝีมือของคนเชื้อสายรองอย่างพวกเธอหรอกหรือไง หรือคิดว่าทุกคนไม่รู้กัน” หลงหลิงบอกเสียงเย็น
“ใช่แล้วไง พวกเธอไม่มีหลักฐาน และเธอก็ยังไม่รู้ว่าครั้งนี้ที่ฉินอีหลินต้องนอนโรงพยาบาล กระทั่งเด็กในท้องก็ไม่เหลือแล้วสินะ” หลงว่านชิงมองหลงหลิงด้วยท่าทางโอหัง ตั้งใจให้ดูเหมือนพูดออกมาลอยๆ
“อะไรนะ!” หลงหลิงยังไงก็คิดไม่ถึง ว่าก่อนหน้าจะเข้าโรงพยาบาลฉินอีหลินได้ท้องแล้ว บางทีเรื่องนี้กระทั่งตัวเธอเองก็คงไม่รู้ “เธอพูดเรื่องจริงหรอ”
“แน่นอน น่าสงสารจริงๆ แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้ เด็กก็ไม่อยู่แล้ว” หลงว่านชิงเอ่ยจบ ก็เดินบิดร่างกายที่น่าหลงใหลของเธอผ่านหน้าหลงหลิงไป
ดูเหมือนว่าก่อนที่ฉินอีหลินจะถูกวางยาได้ตั้งครรภ์แล้วจริงๆ ทำไมกัน ทำไมต้องทำแบบนี้กับอีหลินด้วย
หลงหลิงรู้สึกเศร้าใจขึ้นมาทันใด เธอไม่รู้จะบอกเรื่องนี้กับฉินอีหลินยังไง หรือว่าต้องปิดเธอไปตลอด
หลังจากพิธีส่งมอบตำแหน่งเสร็จสิ้น บรรดาชนชั้นสูงทั้งหลายก็พากันนั่งรถส่วนตัวหลั่งไหลออกจากคฤหาสน์ตระกูลหลง ชั่วพริบตาบ้านตระกูลหลงที่ครึกครื้นก็กลับมาสงบเงียบอีกครั้ง
……
หลงหลิงยังคงไม่อยากเชื่อเรื่องที่ฉินอีหลินต้องเสียลูกไป เธอนั่งอยู่ในห้องและโทษตัวเองไม่หยุด เธอคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเธอ ตอนนี้ใจเธอได้ตัดสินว่าตัวเองเป็นผู้มีความผิดใหญ่หลวง
เธอไม่กล้าออกจากห้อง หลงเสี่ยวเซินที่พึ่งวางตำแหน่งกำลังเตรียมตัวไปทำการรักษาที่อังกฤษ กลับมาถึงบ้าน เห็นว่าลูกสาวอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหน รู้สึกแปลกใจ หญิงสาวที่กระโตกกระตากทำไมอยู่ดีๆถึงเก็บเนื้อเก็บตัวไปแล้วล่ะ
เคาะประตูห้องของหลงหลิงเบาๆ เสียงทุ้มของหลงเสี่ยวเซินจึงเอ่ยถาม “หลิงเอ๋อ เป็นอะไรไป มีเรื่องไม่สบายใจหรอ คุยกับพ่อหน่อย”
เมื่อวางตำแหน่งผู้นำตระกูลแล้ว หลงเสี่ยวเซินรู้สึกว่าภาระบนไหล่ของเขานั้นมีน้อยลง ทำให้รู้สึกผ่อนคลายลงแล้ว เขามีความมั่นใจในการรักษาที่อังกฤษครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง
“พ่อคะ หนูไม่เป็นไร พ่อไม่ต้องเป็นห่วง” หลงหลิงกลัวจะถูกหลงเสี่ยวเซินดูออก รีบเช็ดน้ำตาแล้วเปิดประตู
“พ่อไม่รีบไปเก็บของ ไปรักษาที่อังกฤษ มาอยู่ที่นี่ทำไมคะ” หลงหลิงกลัวว่าหลงเสี่ยวเซินจะถามเธอ จึงรีบเอ่บปากก่อน
“ฉันก็แค่เป็นห่วงลูกสาวสุดที่รักของฉันอยู่ไม่ใช่หรือไง” หลงเสี่ยวเซินมองหลงหลิงด้วยความรัก “พ่อไปอังกฤษ ลูกอยู่ที่บ้านจะต้องดูแลตัวเองให้ดีเข้าใจไหม มีเรื่องอะไรก็บอกกับอาสองและอาสามของเธอ”
“หนูรู้แล้วน่า หนูโตขนาดนี้แล้วนะ พ่อวางใจเถอะค่ะ”
เห็นว่าลูกสาวไม่ได้เป็นอะไรมาก หลงเสี่ยวเซินจึงพยักหน้า จากนั้นลูบหัวหลงหลิง ไม่ได้พูดอะไรอีก
“พ่อคะ หนูจะไปอยู่เป็นเพื่อนอีหลินแล้ว ตอนที่พ่อไปหนูจะมาส่งนะคะ” หลงหลิงทำหน้าทะเล้นใส่หลงเสี่ยวเซินแล้วจากไป หลงเสี่ยวเซินหัวเราะอย่างอดไม่ได้
หลงหลิงออกจากบ้าน แต่ไม่ได้ตรงไปหาฉินอีหลิน เธออยากรู้ให้แน่ชัดเรื่องที่ฉินอีหลินท้องว่าเป็นความจริงหรือไม่ คนเดียวที่จะรู้ก็คือหลงเซี่ยวเทียน
เดินมาถึงหน้าห้องหนังสือของหลงเซี่ยวเทียน หลงหลิงทำใจให้สงบ เคาะประตูเบาๆ จากนั้นได้ยินเสียงเย็นเยียบของหลงเซี่ยวเทียนดังออกมา “ใคร”
“ฉัน หลิงเอ๋อเองค่ะ”
“อ้อ เข้ามาสิ” หลงหลิงค่อยเปิดประตูเข้าไป เห็นหลงเซี่ยวเทียนกำลังก้มหน้าอ่านเอกสารเก่าๆของตระกูลหลง