บทที่ 304 ฉันต้องการยืมใครสักคนจากคุณหน่อย
หลงเซี่ยวเทียนพยายามระงับอารมณ์ความโกรธของตัวเองลง ค่อยๆเอ่ยปาก “อีหลิน เธอเดาออกได้ยังไง”
สำหรับหลงเซี่ยวเทียน ฉินอีหลินเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่ค่อนข้างเข้มแข็ง เขาไม่คิดว่าลูกสาวของเขาจะคิดได้ถึงขั้นนี้
“ตั้งแต่วันนั้นที่หนูถูกทำร้ายจนต้องเข้าโรงพยาบาล หนูก็ตั้งใจขบคิดเรื่องนี้มาตลอด จากนั้นจึงคิดถึงขั้นต่อไป ไม่คิดว่าจะหลีกพ้นจริงๆ”
ความจริงฉินอีหลินก็แอบกลัว หากว่าเธอคิดได้ช้าไปกว่านี้กี่วัน เกรงว่าตอนนี้หยินหยางคงแตกซ่านไปแล้ว
ได้ยินลลูกสาวกล่าวถึงเรื่องก่อนเข้าโรงพยาบาล ดวงตาของหลงเซี่ยวเทียนก็เกิดแววเจ็บปวดวาบขึ้นมา แต่ก็เพียงผ่านไป ไม่มีใครได้ทันรับรู้
“อีหลิน รับปากกับพ่อ ต่อไปก่อนจะทำอะไร ต้องปรึกษากับพ่อก่อน” หลงเซี่ยวเทียนบอกแฝงไปด้วยการตำหนิ ความจริงไหนเลยหลงเซี่ยวเทียนจะไม่เป็นห่วงฉินอีหลิน
ได้ยินคำพูดของพ่อ ฉินอีหลินจึงก้มหน้า “หนูทราบแล้วค่ะ ครั้งนี้เพราะมันกะทันหัน ขอโทษนะคะ”
เธอไม่ได้อธิบายอะไรไปมากกว่านี้ เธอรับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงที่พ่อมีต่อเธอ
หลงหลิงที่อยู่ข้างๆร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ก่อนแล้ว เธอรอจนกระทั่งผู้ใหญ่ไม่เอ่ยถามอะไรต่อแล้ว เดิมมาหยุดตรงหน้าฉินอีหลิน “อีหลิน เธอรู้หรือเปล่าว่าฉันกังวลมากขนาดไหน ครั้งต่อไปต้องบอกฉันนะ”
เมื่อตอนที่หลงหลิงรู้ว่าฉินอีหลินเกิดเรื่อง เธอกำลังทำกับข้าวให้หลงเสี่ยวเซินอยู่ในครัว พลันได้ยินข่าวว่าฉินอีหลินเกิดเรื่อง จึงไม่ทันระวังโดนมีดหั่นผักในมือบาดเข้าที่นิ้ว ตอนนี้มือของหลงหลิงยังพันผ้าพันแผลอยู่เลย
“หลิงเอ๋อ ฉันไม่ได้เป็นอะไร เรื่องนี้โทษฉันที่ไม่คิดให้รอบคอบ ทำให้พวกคุณต้องเป็นห่วงแล้ว”
เอ่ยจบก็มองผ่านไปยังลุงสะใภ้สองที่อยู่ด้านหลังของหลงหลิง เห็นกระบอกตาของเธอแดงก่ำ เห็นชัดว่าได้ข่าวเธอแล้วจึงเป็นห่วง
หลงเซี่ยวเทียนใช้เหตุผลว่าฉินอีหลินต้องพักผ่อน ให้ทุกคนออกไปก่อน ก่อนออกไปได้ส่งให้ทุกคนเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ทุกคนได้ยินแล้วก็พยักหน้าตอบรับ
รอจนกระทั่งทั้งห้องเหลือเพียงหลงเซี่ยวเทียนและฉินอีหลินสองพ่อลูก หลงเซี่ยวเทียนค่อยละทิ้งท่าทางเคร่งขรึมเมื่อสักครู่
มองท่าทางโรยราของฉินอีหลิน เขาก็ปวดใจ “อีหลิน คนเชื้อสายรองคงไม่มีทางยอมรามือไปง่ายๆ”
“หนูก็คิดแบบนั้นค่ะ ดังนั้นหนูเลยอยากปรึกษากับพ่อหน่อย” ฉินอีหลินบอกด้วยท่าทางจริงจัง
“ต้องการอะไรเธอบอกมาได้เลย”
หลงเซี่ยวเทียนพบว่า ลูกสาวคนนี้เปลี่ยนแปลงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่แบบนี้ก็ตรงตามความต้องการของเขาพอดี แบบนี้ฉินอีหลินก็จะดูแลตัวเองได้
“หนูต้องการยืมใครสักคนจากพ่อหน่อยค่ะ”
“ใคร”
“อาโน่คนที่เคยช่วยหนูไงคะ”
ในการโจมตีครั้งนั้น อาโน่ที่อยู่ในหน่วย หลงจู ช่วยฉินอีหลินเอาไว้ ต่อมาทำให้ฉินอีหลินมีความทรงจำกับหน่วยรบนี้ขึ้นใจ และอาโน่ผู้เป็นหัวหน้าหน่วยก็ต้องมีความสามารถมากเช่นกัน เธอเชื่อว่าด้วยกำลังของอาโน่ จะต้องปกป้องเธอได้แน่นอน
“เป็นพ่อที่ไม่รอบคอบเอง พรุ่งนี้พ่อจะให้เขามาหาแต่เช้า”
หลงเซี่ยวเทียนตอบรับยิ้มๆ
……
ในขณะที่หลงเซี่ยวเทียนคุยกับฉินอีหลินอยู่นาน ลี่โม่อวี่ที่อยู่จีนเองก็เจอปัญหาเช่นกัน
ตั้งแต่ฉินอีหลินไป ลี่อานโก๋ได้ส่งลูกน้องมาคอยดูแลความปลอดภัยให้หลงหมิงเจ๋อและหลงจิ่นเซวียนระหว่างไปเรียน วันนี้ลี่โม่อยู่พลันอยากไปรับลูกขึ้นมา จึงโทรศัพท์ไปหาลี่อานโก๋บอกเขาไม่ต้องส่งลูกน้องไปแล้ว
หลังจากที่ลี่อานโก๋ได้รับโทรศัพท์จากลี่โม่อวี่ แม้ว่าปากจะตอบรับคำขอของลี่โม่อวี่ แต่เขาก็ยังส่งลูกน้องแฝงตัวไป คุ้มครองความปลอดภัยของเด็กทั้งสอง
ตอนนี้ลี่โม่อวี่ยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนรอเด็กทั้งสองเดินออกมา เขาไม่ทันระวัง ว่าตอนนี้มีคนของลี่อานโก๋ที่แฝงตัวอยู่ และยังมีดวงตาของอีกฝ่ายหนึ่งกำลังจับจ้องเขาอยู่ที่นี่
มองเห็นเด็กทั้งสองกระโดดโลดเต้นออกมาจากหน้าประตูโรงเรียน ลี่โม่อวี่พลันรู้สึกถึงความผิดปกติทั้งสองฝั่งซ้ายขวา
เมื่อรู้สึกถึงความไม่ปกติ ลี่โม่อวี่จึงรีบวิ่งมุ่งเข้าไปหาเด็กทั้งสอง กอดเด็กทั้งสองไว้ในอ้อมแขนแน่น ทันใดนั้นพลันมีเสียงพุ่งเข้ามาทางด้านหลังสองคน เขาไม่หันกลับไปมอง รีบผลักเด็กทั้งสองห่างออกไปอีกด้าน
ลี่โม่อวี่รีบหันกลับไป ความจริงหลังจากกระบวนท่าเหล่านี้ ลี่โม่อวี่ได้เตรียมตัวรับการบาดเจ็บแล้ว เพียงแค่เด็กๆไม่เป็นอะไรก็พอแล้ว
แต่ว่า ความจริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ก่อนที่ทั้งสองคนจะลงมือ บอดี้การ์ดที่แฝงตัวอยู่ก็รีบออกมา
ในขณะที่ทั้งสองกำลังจะใช้มีดฟันเข้าที่ร่างของลี่โม่อวี่ เหล่าบอดี้การ์ดก็ชักปืนเก็บเสียงออกมา เล็งไปที่มีดนั้น จนมีดนั้นร่วงลงไปบนพื้น
ลี่โม่อวี่ใช้โอกาสที่ทั้งสองคนยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น โจมตีออกไป ยกเท้าถีบเข้า จนทั้งสองคนล้มลงไปกองที่พื้น
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา เมื่อปลอดภัยแล้วลี่โม่อวี่ก็สงบนิ่งอย่างแปลกประหลาด สำหรับเหตุการณ์แบบนี้เขาเจอมาเยอะแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนคนทั่วไป
“พวกเธอสองคนได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า” เขารีบเข้าไปดูเด็กทั้งสอง พบว่าพวกเขามีรอยถลอกเล็กน้อย ไม่ได้เป็นอะไรมาก ค่อยผ่อนลมหายใจออกมา
เพียงแต่หลงจิ่นเซวียนร้องไห้หนักมาก เพราะเมื่อสักครู่เธอเห็นพ่อของตัวเองเกือบโดนมีดฟันเข้าแล้ว เธอตกใจแทบแย่ ตอนนี้ดวงตาของเธอนองไปด้วยน้ำตา “พ่อคะ หนูกลัว”
“จิ่นเซวียนไม่กลัว พ่ออยู่นี่นะครับ”
ลี่โม่อวี่กดจูบลงไปเบาๆยังเด็กน้อยที่ตื่นกลัว หันไปพูดกับบอดี้การ์ดทั้งสอง “ต้องขอบคุณทั้งสองท่านแล้ว แล้วสองคนนี้ พวกคุณเอากลับไปเถอะ ถึงตอนนั้นผมจะไปสอบปากคำด้วยตัวเอง”
ทั้งสองพยักหน้ารับ แล้วจากไปตามคำสั่ง
หลังจากลี่โม่อวี่บอกให้ลี่อานโก๋รับทราบแล้ว หลังจากเกิดเรื่องไม่นานตำรวจก็เข้ามาสลายกลุ่มคน
ลี่โม่อวี่ขับรถกลับบ้านตระกูลลี่ ลี่หยินหู ลี่อานโก๋และหยางผิงมารออยู่หน้าประตูตั้งนานแล้ว เมื่อเห็นรถของลี่โม่อวี่มาถึง จึงรีบเข้าไปรับ เห็นหลานชายหลานสาวทั้งสองคนไม่ได้เป็นอะไรมาก ลี่หยินหูค่อยถอนหายใจอย่างโล่งอก
สั่งให้หยางผิงพาพวกเขาเข้าไปดูแลด้านในแล้ว คุณปู่ก็พาลี่อานโก๋และลี่โม่อวี่เข้าไปนั่งในห้องหนังสือ เริ่มหารือกัน
หลังจากลี่หยินหูรับรู้ว่าเหลนชายและเหลนสาวของเขาถูกลอบทำร้าย ก็โกรธเกรี้ยวขึ้น ที่นี่คือตี้ตู อยู่แทบเท้าขนาดนี้ยังมีคนกล้าลงมีกับเหลนอันเป็นที่รักของเขาได้
ลี่หยินหูตบโต๊ะ ชี้ไปที่ลี่อานโก๋แล้วบอก “นับแต่นี้เป็นต้นไปแกต้องร่วมมือกับโม่อวี่ สืบให้ฉัน ใครเป็นคนสั่งให้ลงมือในวันนี้ ถ้าฉันรู้ ฉันจะยิงมันให้กระจายในนัดเดียว”
ฉับพลัน ลี่หยินหูก็คล้ายกับกลับไปอยู่ในช่วงดื้อรั้นไม่ฟังใคร
“ครับ”
ลี่อานโก๋ก็โกรธเช่นกัน ได้รับคำสั่งจากคุณปู่ เขาจึงพยักหน้า และตั้งมั่นจะหาตัวคนบงการให้ได้ ไม่ให้หลานชายหลานสาวของเขาต้องถูกเอาเปรียบแบบนี้
ทันใด บ้านตระกูลหลงก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น คล้ายกับสิงโตที่ถูกกระตุ้น อ้าปากกว้างคำราม