บทที่ 325 เธอทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง
กลับถึงบ้านตระกูลหลง ใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ตอนนี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวสว่างไสว โอบล้อมพระจันทร์สีทอง ปรากฏภาพที่งดงาม
บ้านตระกูลหลงภายใต้ท้องฟ้าสวย แสงไฟสว่างไสว แม้ว่าไม่ได้มีเทศกาลหรืองานใดๆ โคมไฟทุกดวงของบ้านตระกูลหลงก็ยังถูกเปิดจนครบ
เวลานี้แทนที่ห้องอาหารบ้านตระกูลหลงควรเต็มไปด้วยผู้คนกำลังทานข้าว แต่ในความเป็นจริง ไม่มีเพียงสักคนก็ยัง แม้แต่สาวใช้ก็ไม่มี
ฉินอีหลินและหลงหลิงรู้สึกแปลกใจ โดยการนำของฉินอีหลิน หลงหลิงเดินตามฉินอีหลินเดินไปยังห้องของหลงเซี่ยวเทียน
เวลานี้หลงเซี่ยวเทียนกับหลงเสี้ยวตี้กำลังนั่งคุยกันอยู่ในห้องหนังสือ
“น้องสาม เมื่อไหร่เราจะเริ่มลงมือกับคนเชื้อสายรอง”
ปกติหลงเสี้ยวตี้จะเป็นคนเงียบๆ แต่คนที่รู้จักเขา ล้วนรู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาเหี้ยมขึ้นมา จะทำให้คนเกรงกลัวขนาดไหน
เวลานี้หลงเสี่ยวเซินไปอังกฤษ ตอนนี้ผู้นำของคนเชื้อสายหลักเหลือเพียงหลงเซี่ยวเทียนและหลงเสี้ยวตี้ ทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ทั้งหมด หลงเซี่ยวเทียนล้วนเรียกหลงเสี้ยวตี้มาปรึกษากันเสมอ
หลงเสี้ยวตี้ยังไงก็อยู่ที่บ้านตระกูลหลงมายาวนานกว่าเขา เรื่องที่รู้แน่นอนว่าต้องมากกว่าเขา
“พี่รอง ผมคิดว่าเราลงมือก่อนไม่ได้ เพื่อไม่ให้คนของคนเชื้อสายรองได้หาข้ออ้าง” หลงเซี่ยวเทียนวิเคราะห์ “ช่วงนนี้คนเชื้อสายรองต้องมีการเคลื่อนไหวใหญ่แน่นอน เรารออีกสักหน่อย”
หลงเสี้ยวตี้ได้ฟังแล้วจึงพยักหน้า เห็นด้วยกับวิธีของหลงเซี่ยวเทียน ทำแบบนี้ถึงจะปลอดภัยยิ่งขึ้น
ชั่วครู่ ห้องหนังสือของหลงเซี่ยวเทียนปกคลุมไปด้วยความเงียบ
“ก๊อกๆ” ได้ยินเสียงคนเคาะประตู หลงเซี่ยวเทียนและหลงเสี้ยวตี้ก็ออกจากความเงียบ “ใคร”
จากที่เขาดูเวลานี้ไม่น่าจะมีคนมาหาตนเอง นอกซะจากเป็นพวกอีหลินกลับมาแล้ว
“พ่อคะ หนูอีหลินเอง”
ได้ยินเสียงลูกสาว หลงเซี่ยวเทียนจึงบอก “เข้ามา”
หลงหลิงอยู่ด้านหลังมองเห็นหลงเซี่ยวเทียนและหลงเสี้ยวตี้ จึงเอ่ยทัก อาสอง อาสาม อย่างมีมารยาท
เมื่อฉินอีหลินและหลงหลิงเข้ามาในห้องหนังสือ หลงเซี่ยวเทียนจึงเอ่ย “ทำไม กลับมาเร็วขนาดนี้ ไม่อยู่บ้านอ้ายหลุนอีกสักหน่อยล่ะ”
“พ่อคะ อย่าพูดถึงมันเลย” ฉินอีหลินสัมผัสไปถึงความไม่ปกติ จึงเอ่ยปากถาม “ทำไมเวลาอาหารเย็นแล้ว คนของคนเชื้อสายหลักถึงไม่ทานข้าวที่ห้องรับประทานอาหารคะ”
“ทำเป็นเรื่องใหญ่อะไร วันนี้ตอนประชุมก็ทานข้าวเย็นมาแล้ว”
หลงเซี่ยวเทียนนึกว่าฉินอีหลินมีเรื่องใหญ่ ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องแค่นี้
“แล้วฝั่งลูกมีปัญหาอะไรหรือเปล่า Geoffreyผู้ชายคนนี้เจ้าเล่ห์มากนะ”
สิ่งที่อยู่ในใจของหลงเซี่ยวเทียนGeoffreyมีเพียงความเจ้าเล่ห์ ไม่ได้จิตใจดีและเป็นมิตรแบบตอนนี้
ยังไงซะคนคนหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่งก็ต้องมีบุคลิกที่เฉพาะตน
“เปล่าค่ะ” ฉินอีหลินได้ยินดังนั้นจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย หรือว่าGeoffreyจะแสร้งทำต่อหน้าเธอและหลิงเอ๋อ
“วันนี้คุณปู่ของอ้ายหลุนดีกับพวกเรามากเลยค่ะ ท่านใจดีมากเลยนะ”
หลงหลิงยืนพยักหน้าเห็นด้วยอยู่ด้านข้าง
เห็นท่าทีของฉินอีหลินและหลงหลิง หลงเซี่ยวเทียนและหลงเสี้ยวตี้ชะงักไปพร้อมกัน หลงเซี่ยวเทียนเอ่ยยิ้มๆ “ชายแก่คนนี้ ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้วหรอ แต่ก่อนเขาไม่ใช่แบบนี้นะ”
หลงเสี้ยวตี้เองก็พยักหน้าเห็นด้วย “ดูเหมือนว่าจะแก่แล้วจริงๆ จิตใจก็เปลี่ยนแล้ว ตอนนั้นใครจะไม่รู้ฝีมือของเขา”
“พวกเธอทานข้าวแล้วหรือยัง ให้ห้องครัวทำให้พวกเธอสักหน่อย” หลงเซี่ยวเทียนนึกได้ว่าพวกเธอกลับมาเวลานี้ คงจะยังไม่ได้ทานข้าว
“ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูไปทานอะไรเล็กๆน้อยๆกับหลิงเอ๋อก็ได้ หลิงเอ๋อทำกับข้าวไม่เลว ใช่ไหม หลิงเอ๋อ” ฉินอีหลินจับจ้องไปที่หลงหลิง
หลงหลิงทำอะไรไม่ได้ แต่เพราะนึกถึงเรื่องที่เธอวางแผนเพื่อตนเองแล้วจึงพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
……
เมืองหลวงของจีนในเวลานี้ ลี่โม่อวี่มาหาตระกูลซืออีกรอบ ซือเซี่ยเห็นลี่โม่อวี่มาหา ทั้งสองไม่ได้รบกวนใคร ใบหน้านิ่งขรึมมายังห้องทำงานของซือเซี่ย
ปิดประตูห้องหนังสือลง ซือเซี่ยและลี่โม่อวี่นั่งลงพร้อมกัน
“เตรียมการไปถึงไหนแล้ว” ซือเซี่ยเอ่ยถามก่อน
“อืม ฝั่งฉันทุกอย่างพร้อมแล้ว” ดวงตาของลี่โม่อวี่วาวขึ้นมาทันใดและค่อยๆเอ่ยบอก
“งั้นต่อไปต้องทำอะไร” ซือเซี่ยเงยหน้าถาม
“ก้าวต่อไปรอโทรศัพท์จากฉัน ฉันส่งคนออกไปสืบสถานการณ์ของตระกูลหลี่แล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานก็คงจะมีข่าวกลับมา”
“งั้นก็ดี ฉันจะรอโทรศัพท์จากนาย”
ทั้งสองคุยกันอีกนิด ลี่โม่อวี่อยู่พักหนึ่งค่อยไป ใบหน้าเคร่งเครียด
สงครามของพวกเขาทั้งสองกับตระกูลหลี่ใกล้จะได้เริ่มลงมือแล้ว ท้องฟ้าของตี้ตูได้เปลี่ยนไปแล้ว
……
ภายใต้การแกล้งข่มขู่ของฉินอีหลิน หลงหลิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการทำกับข้าวออกมาได้หนึ่งโต๊ะ ฉินอีหลินทั้งกินไม่หยุดทั้งเอ่ยชมฝีมือการทำอาหารของหลงหลิงไปด้วย
“คุณนาย ฉันเหนื่อยเป็นบ้าเลย เธอกินเสร็จแล้วก็กลับไปได้แล้วไหม” หลงหลิงเอ่ยไล่ฉินอีหลิน หลงหลิงเหนื่อยแล้วจริงๆ ทำกับข้าวเยอะขนาดนี้
“หลิงเอ๋อ เธอทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง” ฉินอีหลินแสร้งทำท่าทางน่าสงสาร “ฉันจะดื่มกาแฟ” ฉินอีหลินหยอกเย้า
“หึ ขี้เกียจจะสนใจเธอแล้ว” หลงหลิงกลอกตาใส่ฉินอีหลิน
“เธอพูดเองนะ งั้นต่อไปฉันไม่ช่วยเธอจีบอ้ายหลุนแล้ว” เพียงชั่วครู่ฉินอีหลินก็พูดถูกจุดของหลงหลิง หลงหลิงได้ยินดังนั้นแล้วพลันเปลี่ยนหน้า ใบหน้าประจบบีบนวดไหล่ให้ฉินอีหลิน
“อีหลิน เธอทำแบบนี้ได้ยังไง กาแฟใช่ไหม เดี๋ยวไปทำให้ตอนนี้เลย เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” หลงหลิงรีบไปเทกาแฟ
ฉินอีหลินหัวเราะออกมา เธอเงยหน้ามองเวลา “ช่างเถอะ นี่ก็ดึกแล้ว ฉันต้องกลับแล้ว เธอรีบนอนเถอะ กาแฟติดไว้ก่อน”
“อืม ฉันไม่ไปส่งเธอนะ”
ฉินอีหลินลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องหลงหลิง
ฉินอีหลินรับกลับขนาดนี้ ความจริงคือรีบกลับไปโทรหาลี่โม่อวี่
……
ในสายลี่โม่อวี่บอกกับฉินอีหลินว่าเขาร่วมมือกับซือเซี่ย เตรียมตัวสำหรับลงมือกับตระกูลหลี่เรียบร้อยแล้ว ฉินอีหลินกำชับให้เขาต้องระวัง อย่าให้เกิดเรื่อง จากนั้นก็เป็นถ้อยคำเป็นห่วงเป็นใยซึ่งกันและกันของทั้งคู่ แถมยังได้คุยกับเด็กๆทั้งสองอีก
ในคณะที่พวกเขากำลังคุยกัน คนเชื้อสายรองหลงเจี้ยนปิดบังคนของคนเชื้อสายหลักทุกคน ตัดสินใจนำอู่เรือของตระกูลหลงจำนำให้กับหุ้นส่วนลับของเขา
เรื่องนี้เป็นความลับอย่างมาก มีเพียงเขาคนเดียวที่รู้ กระทั่งชั้นผู้นำของคนเชื้อสายรองเขาก็ปิดบังหมด
ถึงแม้ว่าเขาจะปกปิดเอาไว้มิดยังไง แต่หลงเซี่ยวเทียนที่เตรียมตัวพร้อมสำหรับคนเชื้อสายรองแล้วนั้น วันที่สองก็ได้รับรู้ข่าวทันที
บังเอิญในตอนที่เขาไปตรวจบิลของท่าเรือแห่งนี้ เขาพลันเห็นว่าชื่อในบิลนั้นไม่ใช่ชื่อของตระกูลหลงแล้ว
กำเอกสารที่ลูกน้องส่งมาให้ หลงเซี่ยวเทียนยิ้มเย็น ท่าทางเยือกเย็นเป็นที่สุด
ดูเหมือนคนเชื้อสายรอง ถึงเวลากำจัดถอนรากถอนโคนแล้ว