บทที่ 379 รีบตื่นขึ้นมาเถอะ
“พ่อ ผมจับคนร้ายที่ทำร้ายอีหลินกับหมิงเจ๋อได้แล้ว ตัวตนของอีกฝ่ายมันพิเศษนิดหน่อย” ลี่โม่อวี่ได้สงบอารมณ์แล้วพูด
“อ้อ?” ลี่อานโก๋ได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วเข้ม
“เขาเป็นนายพลคนหนึ่งของประเทศM ผมจะเอาโทษที่เขาทำผิดเมื่อปีที่ผ่านมานี้ส่งไปให้ท่าน ท่านช่วยส่งไปให้องค์กรระดับประเทศมาลงโทษเขาเถอะครับ” ลี่โม่อวี่พูดจบ เขาก็ได้เอาข้อมูลการกระทำความผิดของคนคนนั้นส่งไปให้ลี่อานโก๋
ลี่อานโก๋เปิดมาดูข้อมูลความผิดของที่ถูกเรียกว่า “นายพล” “ปึ้ง” ได้ตีไปที่โต๊ะ อารมณ์ได้โมโหสุดขีด “โม่อวี่ ฉันจะรายงานเรื่องนี้ขึ้นระดับประเทศเดี๋ยวนี้ ต้องให้ไอ่หมอนี้ขึ้นศาลทหารให้ได้ ลูกดูแลอีหลินกับหมิงเจ๋อดีๆ ล่ะ”
พูดถึงฉินอีหลินกับหลงหมิงเจ๋อ แววตาของลี่โม่อวี่ก็ได้หดหู่ลงเล็กน้อย ก็ได้ตอบเสียงแผ่วไปคำ แล้วก็วางสายไป
เวลานี้ อ้ายหลุนกับไป๋หลางได้กลับมาแล้ว จัดการเรื่องที่ห้องทดลองเสร็จ ไป๋หลางก็ได้รับรายงานจากอ้ายหลุน ให้เอาตัวนายพลมา
สภาพของนายพลตอนนี้ยับเยินมาก ไม่มีออร่าของเมื่อก่อนหลงเหลืออยู่ เห็นลี่โม่อวี่มองเขาอยู่ ก็ไม่ได้แสดงออกมาตกใจเป็นพิเศษ
“พวกนายแตะต้องฉันไม่ได้ ฉันเป็นคนของกองทัพ” ไอ่แก่นี่ได้เอาตำแหน่งของตัวเองมาข่มขู่
แต่ว่าแบบนั้นมันไม่มีประโยชน์ ไป๋หลางได้ตบไปที่หน้าของเขาอย่างแรง หัวเราะอย่างเยือกเย็น “ฉันชอบตีคนของกองทัพมากเลย” พูดจบก็ได้ตบไปที่หน้าของอีกฝ่ายอีกครั้ง หน้าของคนคนนั้นก็ได้ช้ำแล้วบวมขึ้น
ที่จริงลี่โม่อวี่ก็ไม่ได้อยากที่จะทำร้ายไอ่หมอนี่เป็นการส่วนตัว ที่พาเขามา เขาก็แค่อยากจะถามเรื่องเกี่ยวกับฉินอีหลินกับหมิงเจ๋อ
“เชื้อไวรัสที่เมียของฉันกับลูกชายของฉันรับ ตอนนี้มียาแก้ไหม?” ตอนนี้ลี่โม่อวี่ไม่มีทางที่จะควบคุมไม่ให้หวนคิด ความทรงจำเล็กๆ น้อยๆ ที่พวกเขามี ถ้าเกิดฉินอีหลินไม่ตื่นขึ้นมาจริงๆ เขาต้องทำให้ฟ้าดินนั้นถล่มราบแน่!
“ถ้าเกิดมียาแก้ฉันจะให้พวกเราลองยา?” นายพลก็ยังมีหน้าตาโอ้อวด พอลี่โม่อวี่ได้ยินก็ได้กำหมัดแน่น ไม่ได้มองเขาต่อ
“ไป๋หลาง อย่าเอามันให้ตายล่ะ” ตอนที่ลี่โม่อวี่หันหลังออกไป ก็ได้ตบไปที่บ่าของไป๋หลางแล้วพูด คนที่ได้ยินก็ต้องเข้าใจความหมายของลี่โม่อวี่อยู่แล้ว
ตอนที่เขาออกไป ไป๋หลางได้นวดหมัด บิดคอ ส่วนที่สำคัญบนร่างกายได้มีเสียงกร๊วบๆ ดังขึ้น เบิกตาแล้วมองที่นายพล
“ถ้าเกิดพวกนายแตะต้องฉัน งั้นก็เป็นเรื่องระดับประเทศนะ! ” นายพลที่เห็นท่าทางของไป๋หลาง ก็ได้รู้ว่าตัวเองนั้นซวยแล้ว นัยน์ของเขาได้มีความกลัวแสดงออกมาเล็กน้อย แต่ว่าไม่มีคนสนใจเขา ในอากาศนั้นได้มีเสียงร้องอันแสนทรมานของเขาดังขึ้น
ลี่โม่อวี่ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นต่อ เขาได้ตรงไปที่โรงพยาบาล ไปถามห้องพักของฉินอีหลิน จากนั้นก็ได้เดินเข้าไปเงียบๆ
หลงเซี่ยวเทียนได้จัดห้องพักที่ดีที่สุดให้กับฉินอีหลินและหลงหมิงเจ๋อโดยเฉพาะ ในห้องพัก คนของเชื้อสายหลักได้มากันหมด ทุกคนได้ล้อมรอบฉินอีหลินกับหลงหมิงเจ๋อที่สลบอยู่อย่างไม่พูดอะไร ห้องพักคนไข้ที่ใหญ่ก็ได้ดูเล็กไปเลยโดยทันที
ลี่โม่อวี่เห็นคนที่มากมายขนาดนี้ล้อมเตียงคนไข้ ก็ได้ซึ้งใจเล็กน้อย ก็เพราะว่าตนนั้นยังที่ครอบครัวที่เยอะขนาดนี้
เห็นลี่โม่อวี่เข้ามา ทุกคนก็ไม่ได้พูดอะไร
ลี่โม่อวี่ได้เดินไปที่เตียงคนไข้ของฉินอีหลินเงียบๆ พบว่าเธอยังสลบอยู่ อีกเตียงข้างๆ หลงหมิงเจ๋อก็ยังหลับตานอนอยู่ตรงนั้น
ลี่โม่อวี่นั่งอยู่ข้างเตียง จับมือของฉินอีหลิน มือนั้นได้เย็นมากๆ
เห็นคนที่ตนรักมากๆ มานอนอยู่นิ่งๆ ตรงหน้าของตนแบบนี้ ลี่โม่อวี่เริ่มปวดหัว
ในการเตือนของหลงเซี่ยวเทียน พวกคนเชื้อสายหลักก็ได้ออกไปจากคนพักคนไข้ ให้ลี่โม่อวี่ได้อยู่คนเดียว ทุกคนเข้าใจความรู้สึกของลี่โม่อวี่ดี
หมอก็ได้ถูกหลงเซี่ยวเทียนขวางอยู่นอกห้อง บอกเขาว่าอย่าพึ่งเข้าไป หมอพยักหน้าอย่างเข้าใจ พอจัดการพวกนี้เสร็จ พวกหลงเซี่ยวเทียนก็ได้ออกไปจากโรงพยาบาล
ลี่โม่อวี่ยื่นมือออกไปค่อยๆ จับไปที่หน้าของฉินอีหลิน ก็ได้จ้องมองคนรักของตัวเองอยู่แบบนั้น
“อีหลิน เธอต้องมาลำบากแล้ว” ลี่โม่อวี่พูดออกไปอย่างเจ็บปวด ต่อให้รู้ว่าคนรักของตนไม่ได้ยิน เขาก็ยังอยากจะพูดออกมา
“คุณรู้ไหม ที่จริงตอนที่คุณโดนไอผีแดงจับไป ผมก็รู้สึกว่าความสามารถของผมนั้นได้เพิ่มขึ้น เมื่อก่อนชอบบอกกับคุณว่า ผมตีกับไป๋หลางไม่ชนะ แต่ตอนนี้ผมแข็งแกร่งกว่าเขาแล้ว” ลี่โม่อวี่พูดไปก็ได้กำหมัดไป อยากจะแสดงออกมาว่าตนนั้นแข็งแกร่งมาก แต่ว่าพวกนี้ฉินอีหลินมองไม่เห็น
“อีหลิน รอให้คุณหายดีแล้ว พวกเราทั้งครอบครัวไปเที่ยวทะเลดีไหม? พาเด็กไปอีกสองคน มีแค่พวกเราสี่คน”
มุมปากของลี่โม่อวี่ได้ยิ้มออกมาเล็กน้อย เหมือนว่าที่เขาพูดออกไปไม่นานก็จะเป็นจริงยังไงอย่างงั้น
ภาพที่ได้ร่วมผ่านอะไรกันมาได้อยู่ต่อหน้า ภาพความทรงจำของเขากับฉินอีหลินได้แสดงอยู่ในหัวของเขา ก็เหมือนกับภาพวิวที่สวยงาม
นัยน์ตาของลี่โม่อวี่ได้ค่อยๆ มีน้ำตาไหลออกมา น้ำตาของเขาได้ไหลลงมาตามโครงหน้าของเขาไหลไปที่มือของฉินอีหลิน มือของฉินอีหลินได้ขยับอย่างไม่คาดคิด ต่อให้เป็นการขยับเพียงเล็กน้อย ลี่โม่อวี่ก็ยังที่จะรู้สึกได้
“หมอ หมอ!” เขาไม่มีเวลามาสนใจในการที่จะเช็ดน้ำตาออก ก็ได้ตะโกนออกมา เหมือนกับปีศาจที่ได้รับบาดเจ็บ
ได้ยินที่ลี่โม่อวี่เรียก หมอก็ได้รีบวิ่งเข้ามา
“เธอ……เธอขยับแล้ว! มือของเธอขยับแล้ว!”
ลี่โม่อวี่ได้พูดเรื่องนี้กับหมออย่างไม่เป็นภาษา คนคนนั้นพอได้ยินแล้วก็ได้มีสีหน้าที่ตกใจ จากนั้นก็ได้รีบไปตรวจอาการของฉินอีหลินทันที
“คนไข้กำลังต่อสู้กับเชื้อไวรัสครับ ตามหลักการแล้วจะไม่มีความรู้สึกอะไรเลยทั้งนั้น ดูแล้วคุณสำคัญกับเธอมาก ถึงได้กระตุ้นจิตใต้สำนึกของเธอได้ คุณต้องมาอยู่เป็นเพื่อนกันเธอมากๆ นะครับ พยายามให้เธออยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยเข้าไว้”
ถึงแม้หมอไม่ได้บอกว่าฉินอีหลินจะตื่นมาเมื่อไหร่ แต่ก็ได้ให้ความหวังกับลี่โม่อวี่มาก
คิดว่าฉินอีหลินอาจจะดีขึ้น ใจที่เหมือนกับตายไปแล้วของลี่โม่อวี่ก็ได้มีชีวิตขึ้นมาทันที
ได้สูดหายใจเข้าไปลึกๆ เขาก็ได้ถามต่อว่า “ลูกเป็นยังไงบ้าง?”
“ในร่างกายของเด็กมีไวรัสค่อนข้างน้อยครับ โอกาสที่จะดีขึ้นมาค่อนข้างสูง ต้องการให้คุณดูแลพวกเขาดีๆ”
คำพูดของหมอได้ให้กำลังใจกับลี่โม่อวี่ไปมาก เขาสามารถที่จะดูแลให้คนที่เขารักทั้งสองนั้นดีขึ้นมาได้
ค่ำคืนที่มืด ลี่โม่อวี่ก็ยังอยู่เป็นเพื่อนทั้งสองคน ไม่จากไปไหน
ไม่รู้ว่ากี่โมง ห้องคนไข้ก็ได้ถูกเปิดออก ในมือของหลงหลิงได้ถือกล่องข้าวเดินเข้ามา
เห็นว่าคนที่อยู่ข้างเตียงอย่างลี่โม่อวี่ไม่ได้สังเกตเห็นตนเลยสักนิด หลงหลิงก็ได้ส่ายหน้า แล้วเดินเข้าไป
“พี่เขย ฉันเอาอาหารมาให้พี่เขย พี่ทานก่อนเถอะ” หลงหลิงก็ได้พูดอย่างเสียงเบา
ลี่โม่อวี่ถึงได้พบหลงหลิงที่อยู่ข้างๆ รับกล่องข้าวมากจะอีกฝ่าย ลี่โม่อวี่พบว่าอาหารนั้นกำลังอุ่นอยู่ ได้มองหลงหลิงด้วยความซาบซึ้งสักพัก เขาได้เปิดกล่องข้าวในมือออก
หลงหลิงนั่งตรงอีกฝั่งของเตียงคนไข้ มองฉินอีหลินด้วยความอ่อนโยน นัยน์ตานั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย
ลี่โม่อวี่ก็ได้กินข้าวไปนิดหน่อย ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ที่จะกินอะไรทั้งนั้น มองเวลาตรงนาฬิกาที่กำแพง ลี่โม่อวี่ก็ได้พูดกับหลงหลิง “หลิงเอ๋อ ดึกแล้วเธอกลับไปก่อนเถอะ”
หลงหลิงเห็นลี่โม่อวี่ที่ได้ไม่ได้โมโหอะไร ก็ได้เปิดปาก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
อีหลิน เธอรีบตื่นขึ้นมาเถอะ ถ้าเธอยังไม่ตื่น เขาก็จะตามไปกับเธอแน่