บทที่ 380 อันตรายได้ถูกปลดออก
เดิมทีห้องพักคนไข้ที่พิเศษแบบนี้ ตอนกลางคืนไม่อนุญาตให้ญาติคนไข้ค้างคืน แต่ถ้ารู้ว่าลี่โม่อวี่เป็นใครแล้วทางโรงพยาบาลก็ไม่ได้ห้าม
ลี่โม่อวี่มองใบหน้าของฉินอีหลินเงียบๆ แววตาได้มีความอ่อนโยนสะท้อนออกมา ไม่เหมาะกับฐานะ “ลูกพี่” ที่เขาได้มีมากๆ
ตั้งไหนแต่ไรความอ่อนโยนของผู้ชาย กับผู้หญิงที่ตนชอบแล้ว คุณจะแสดงออกว่าอ่อนโยนขนาดไหนก็ไม่แปลก
นาฬิกาที่กำแพงได้ร้องเตือนว่าเป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว ลี่โม่อวี่เงยหน้าไปดูก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร
อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ที่กระเป๋าก็ได้ดังขึ้น ลี่โม่อวี่เอาออกมาดู ลี่อานโก๋เป็นคนโทรมา
“ครับ พ่อ” อารมณ์ของลี่โม่อวี่ในตอนนี้ได้ต่างจากเมื่อตอนบ่ายไปมาก การพูดการจาก็ไม่ได้ไร้ความรู้สึกขนาดนั้นแล้ว
“โม่อวี่ พ่อได้ส่งเอกสารไปที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติแล้ว เชื่อว่าไม่นานต้องมีคนมาลงโทษไอ่หมอนั่นแน่” ลี่อานโก๋พูดออกมาด้วยความโมโห
“ครับ รบกวนท่านแล้วครับ พ่อ” มุมปากของลี่โม่อวี่ได้ชี้ แต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่มากมายนัก
“รบกงรบกวนอะไรกัน ลูกต้องจำไว้เลยว่าพ่อเป็นพ่อของลูก” ลี่อานโก๋ได้ถอนหายใจเล็กน้อย ก็ได้พูดต่ออีกว่า “อาการของอีหลินกับหมิงเจ๋อหนักมากไหม?”
ลี่โม่อวี่ได้ยินก็ได้นิ่งไปสักพัก น้ำเสียงได้ต่ำลงเล็กน้อย “หมอบอกว่าโอกาสที่พวกเขาจะฟื้นขึ้นมามีไม่มาก ต้องให้คนมาอยู่เป็นเพื่อนของพวกเขา แต่ว่าอีหลินกับหมิงเจ๋อเข้มแข็งขนาดนี้ ผมรู้ว่าพวกเขาต้องตื่นขึ้นมา”
“โม่อวี่ ลูกพาอีหลินกลับมาที่ฮั๋วเซี่ยเถอะ ลูกคิดดูนะตั้งแต่ที่อีหลินไปตระกูลหลง ก็ได้รับความลำบาก และอันตรายหลายต่อหลายครั้ง เด็กสองคนนี้ไปแล้วก็ได้รับบาดเจ็บ” ลี่อานโก๋พูดตักเตือน
แต่พอลี่โม่อวี่ฟังแล้วก็รู้สึกว่าที่พ่อพูดมันก็ถูก จริงที่ตั้งแต่ฉินอีหลินไปที่ตระกูลหลงก็ได้ตกอยู่ในอันตรายอยู่ตลอด
ลี่อานโก๋ได้ยินว่าปลายสายไม่พูดอะไร ก็ได้พูดว่า “ลูกพาอีหลินกลับมา ต้องเป็นผลดีต่ออาการเธอแน่ๆ”
ลี่โม่อวี่ตอบไปคำหนึ่ง ถือว่าได้ตกลงไป
คำพูดที่ลี่อานโก๋พูดมีเหตุผล อีกอย่างที่ลี่โม่อวี่คิดตอนนี้คืออยากให้ฉินอีหลินกับหลงหมิงเจ๋อหายเร็วๆ เพราะงั้นก็ได้ตกลงไป
พูดคุยกับลี่อานโก๋ไปอีกไม่กี่คำ ลี่โม่อวี่รับปากว่าอีกไม่นานตนนั้นก็จะกลับฮั๋วเซี่ย แล้วก็รีบวางสายไป
……
วันนี้ของตระกูลหลงถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะไม่ปกติ
เพราะความพยายามของเชื้อสายหลัก ก็ได้เอาอำนาจของวงศ์ตระกูลกลับคืน ไม่ได้ให้แผนการของเชื้อสายรองสำเร็จ
เวลานี้หลงเซี่ยวเทียนยังไม่ได้นอน ถึงแม้ว่าตนเป็นห่วงลูกสาวและหลานของตัวเอง แต่พอคิดได้ว่ามีลี่โม่อวี่เฝ้าพวกเขาอยู่ เขาก็ถือว่าวางใจลงไปบ้าง
หลงเสี่ยวเซินกับหลงเสี้ยวตี้ก็ได้นั่งที่โซฟาด้วย ตรงหน้าของทุกคนก็ได้มีชาร้อนๆ วางอยู่ เป็นพ่อบ้านที่พึ่งเอามาเสิร์ฟเมื่อกี้นี้
“คราวนี้ตระกูลหลงของพวกเราก็ได้กลับมาเกิดอีกครั้งแล้ว ความดีความชอบต้องยกให้โม่อวี่” หลงเสี่ยวเซินได้ค่อยๆ พูดออกมา ที่เขากลับมาคราวนี้ก็แค่จะกลับฉลองงานปีใหม่ด้วยกัน คิดไม่ถึงว่าตนจะเจอเรื่องแบบนี้
หลงเสี้ยวตี้ที่ได้ยิน ก็ได้พยักหน้าเห็นด้วย นัยน์ตาก็ไม่ได้มีความไม่ใส่ใจให้กับลี่โม่อวี่แล้ว ในสายตาของเขานั้น คราวนี้ลี่โม่อวี่ได้ช่วยตระกูลหลงออกมาจากอันตรายได้สำเร็จ เพราะซาบซึ้งมากๆ เพราะว่าเขารู้ว่าลี่โม่อวี่กับฉินอีหลินยังไม่ได้เข้าเรือนหอ
หลงเซี่ยวเทียนได้เงียบไม่พูดอะไรออกมา เมื่อกี้ได้มองไปดูสีหน้าของหลงเสี้ยวตี้สักพัก ในใจของหลงเซี่ยวเทียนก็ได้แอบขำ ใจคิดไอ่เด็กโม่อวี่นี่ในที่สุดก็ชนะใจน้องสามได้แล้วนะ
“พวกเราควรที่จะเอาอะไรให้โม่อวี่ไหม?” หลงเสี่ยวเซินถาม จากนั้นก็ได้เงยหน้าหันไปมองความคิดเห็นของหลงเซี่ยวเทียน หลงเซี่ยวเทียนไม่พูดอะไร
หลงเสี้ยวตี้พูดแทรกไป “พี่ใหญ่ พี่คิดว่าไอ่เด็กนั่นขาดแคลนอะไรบ้างไหม?”
หลงเสี่ยวเซินก็ได้ขำออกมาแห้ง เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ไอ่เด็กอย่างลี่โม่อวี่คนนี้จะสามารถร่วมรวบคนมาเยอะแยะแบบนั้นได้ โดยเฉพาะไป๋หลางที่เป็นคนในกลุ่มทหารรับจ้างของหลงจู ได้ให้ความประหลาดใจกับพวกเขาไม่น้อย
ที่สำคัญก็คือ พวกเขาสามารถที่จะบุกเข้าไปในห้องทดลองที่ได้มีทหารเฝ้าอย่างแน่นหนาได้ ทำให้พวกเขาไม่นับถือไม่ได้จริงๆ
“ฉันว่านะพวกนายล้มเลิกความคิดนี้ไปได้เลย ไอ่เด็กนั่นดื้อรั้นมากๆ แต่ว่าพวกเราก็ทำว่าเขาเป็นคนในครอบครัวก็พอแล้ว” หลงเซี่ยวเทียนได้พูดแทรกไป
บางครั้ง ให้สิ่งของกับคนคนหนึ่ง ไม่ได้ทำให้คนคนนั้นซาบซึ้งเสมอไป แต่ถ้านายให้ใจไปแลกกับคนคนนั้น เขาก็ต้องเอาใจเข้าแลกกับนายแน่
หลงเสี่ยวเซินกับหลงเสี้ยวตี้ได้ยินแบบนั้น ก็พยักหน้า
……
เมืองDในตอนกลางคืนเงียบสงบ เหมือนว่าเรื่องการต่อสู้เมื่อตอนกลางวันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเมืองนี่เลยแม้แต่น้อย มีแค่ร่องรอยที่เหลือไว้หลังจากต่อสู้เสร็จเป็นการยืนยันว่าเรื่องเมื่อตอนกลางวันได้เกิดขึ้นจริง
ดึกมากแล้ว ตระกูลหลงก็ได้กลับมาสงบสุขแล้ว
ในคุกของตระกูลหลง หลงเจี้ยนกับมู่ชุนที่ถูกแยกกันขังไว้ไม่ให้ใกล้กัน พื้นที่ที่ไม่ถึงสิบตารางเมตร ทำให้คนนั้นรู้สึกอึดอัดมากๆ
กลางคุกได้มีเตียงหนึ่งอันวางอยู่ นอกจากนั้นก็ไม่มีของอย่างอื่นแล้ว
หลงเจี้ยนนอนอยู่บนเตียงที่หนาวเหน็บ ตาไม่ได้ปิด เขาได้จ้องมองเพดาน ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เทียบกับเขาแล้ว มู่ชุนก็ให้ความรู้สึกว่าน่าขำ เขาไม่ได้นอนอยู่บนเตียง สองมือได้จับที่ประตูเหล็กของคุกไว้แน่น แล้วก็ได้ออกแรงเขย่า มีเสียง “ครึ่กๆ” ดังออกมา เวลาเดียวกันก็ได้ตะโกนออกไปไม่หยุด “ปล่อยฉันออกไป ปล่อยฉันออกไป!”
และห้องขังที่เงียบสงบมีแค่เสียงของเขาที่ดังวนไปมาอยู่ตลอด ไม่มีคนสนใจเขาแม้แต่น้อย
อาจเป็นเพราะว่าเหนื่อยแล้ว เขาก็ได้นั่งลงไป รู้สึกถึงความเย็นของห้องขังนี้ เขาก็ได้สั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ก็ได้ขดตัว ไม่พูดอะไรต่อ
คนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องไม่ได้ถูกขังอยู่ในคุก เพราะว่าฐานะของเขาพิเศษ ลี่โม่อวี่ส่งให้ไป๋หลางเป็นคนจัดการ แต่ถ้าเทียบกับอยู่ในห้องขับแล้ว นายพลนั้นได้ทรมานกว่าคนอื่น
ทหารรับจ้างเป็นชายที่ใช้มีชีวิตอยู่บนคมดาบ เข้าใจความผิดของนายพลคนนี้ดี แล้วก็เรื่องที่ได้เจอเมื่อตอนกลางวัน ทุกคนก็ได้ “ดูแล” เขาเป็นอย่างดี แต่เพราะว่าไป๋หลางสั่งว่าอย่าให้เขาตาย ทุกคนก็เลยไม่ได้ลงมืออย่างหนัก
“ไป๋หลาง นายสังเกตเห็นไหม ฝีมือของลูกพี่ในวันนี้ได้นำหน้านายไปแล้ว”
อยู่ไปอยู่มา อาโน่ก็ได้คิดว่าไป๋หลางนั้นเป็นพี่ใหญ่ของหลงจูไปแล้ว แน่นอนว่าลูกพี่ของพี่ใหญ่ก็ต้องเป็นลูกพี่ของตัวเอง
“อืม……ลูกพี่ของฉันต้องแข็งแกร่งกว่าฉัน ใครใช้ให้เป็นลูกพี่ของฉันล่ะ”
ไป๋หลางยิ้มด้วยความภูมิใจ ที่จริงตอนที่ลี่โม่อวี่ได้จัดการกับคนชุดดำทั้งยี่สิบคนในวันนี้ ไป๋หลางก็ได้ตกใจในความสามารถของเขามากๆ ถึงแม้รู้ว่าตนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลี่โม่อวี่อีกต่อไป แต่บนใบหน้าของไป๋หลางก็ได้มีกระตือรือร้นที่จะอยากท้าลองแสดงออกมา นี่เป็นความเลือดร้อน
จากนั้นก็ได้ดื่มเหล้าขาวลงท้อง ไป๋หลางวางแก้วในมือลง แล้วก็ได้เดินเซออกไป
และอาโน่มองไป๋หลางที่จากไป แล้วก็มองแก้วที่เต็มไปด้วยเหล้าของตน แก้วของเขากับแก้วของไป๋หลางได้ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
นายนี้มันบ้า……
อาโน่ได้ดื่มเหล้าที่แรงในแก้วไปครึ่งนึง แล้วก็ได้หัวเราะออกมา จากนั้นก็ได้นอนหลับไปคาโต๊ะ
อันตราย ในที่สุดก็ถูกปลดแล้ว