บทที่ 386 ชาตินี้ถ้าไม่ใช่ฉินอีหลินก็จะไม่แต่ง
ลี่โม่อวี่ได้กระโดดลงมาจากรถHummerสีดำ ชี้ไปที่ประตูคุกแล้วพูด “นี่เป็นที่ที่ขังเจียหม่าไว้” พูดจบก็ได้เดินเข้าไปข้างในห้องขัง
อะไท่ไม่พูดอะไรก็ได้พาลูกน้องอีกสองคนเข้าไป ตั้งแต่เมื่อก่อนสิ่งที่ถูกเรียกว่าห้องขังจะให้ความรู้สึกว่าทั้งเหม็นและสกปรก ห้องขังของตระกูลหลงก็ไม่ต่างกัน
ห้องขังที่เปียกชื้นแสงที่ส่องเข้ามาก็ค่อนข้างน้อย ลี่โม่อวี่ได้เดินนำทางอยู่ด้านหน้าทั้งสามคน
กลิ่นในห้องขังค่อนข้างที่จะแรง แต่ว่าสีหน้าของลี่โม่อวี่กับอะไท่กลับไม่เปลี่ยน กลับกันลูกน้องอีกสองคนนั้นได้มีสีหน้าที่อยากจะอ้วกออกมา ได้บีบจะจมูกไม่หายใจ ตอนที่ทนต่อไปไม่ไหวนั้นก็ได้เปิดปากหายใจเข้าไป เล่นเอาพวกเขาสำลัก
เดินไปที่ห้องขังที่อยู่หัวมุม จากประตูเหล็กเหมือนว่าจะสามารถเห็นร่างคนคนหนึ่งอยู่ข้างใน ลี่โม่อวี่ได้ส่งกุญแจให้กับอะไท่ แสดงออกมาว่าให้เขาเปิดเอง คนที่ถูกยื่นกุญแจมาให้ก็ได้รับกุญแจมา เปิดประตูห้องขัง
ห้องขังไม่กว้างมาก นอกจากเตียงเหล็กเตียงหนึ่งก็เหมือนว่าจะไม่มีพื้นที่ว่างอยู่
บนเตียงเหล็กมีคนนั่งอยู่ ผมที่ไม่ได้ตัดแต่งมานานก็ได้ยาวมาปิดใบหน้าของเขาไว้ นั่งอยู่ตรงนั้นไม่พูดอะไร นั่งจ้องพื้นอยู่เงียบๆ เหมือนยังไม่รู้สึกตัวว่ามีคนเข้ามา
“นี่! มีคนพาตัวนายไปแล้ว” ลี่โม่อวี่ตะคอกใส่เจียหม่า เดิมทีเขากะว่าจะฆ่าเจียหม่า แต่ว่าเพราะว่าฐานะที่เขามี ก็เลยไม่ได้ลงมือ ตอนนี้เจียหม่าจะตกไปอยู่ในมือของคนอื่นแล้ว ในใจไม่มากก็น้อยก็ไม่ค่อยที่จะวางใจ
“สวัสดีครับ! ผมเป็นคนของกระทรวงความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โทษของคุณได้ถูกตัดสินแล้ว พวกเรามารับคุณกลับไป”
อะไท่ได้พูดกับเจียหม่าด้วยสีหน้าที่จริงจัง ที่จริงตอนที่เจอกับเจียหม่า เขาก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนที่มีลักษณะที่น่าสมเพชแบบนี้ นี่ยังเป็นถึงหัวหน้าขององค์กรวิจัยทางชีววิทยาที่ใหญ่ที่สุดในโลกนะ
เจียหม่าไม่สนใจเขา เหมือนจะรู้สึกตัวแล้วว่ามีคนยืนอยู่ข้างหลังของเขา อยู่ๆ ก็ได้ลุกขึ้นแล้วก็กระโจมไปที่อะไท่ราวกับคนบ้า ใช้มือที่สกปรกของตนจับไปที่ตัวของอีกฝ่ายไปทั่ว ลูกน้องสองคนที่อยู่ข้างหลังก็ได้รีบเข้ามาห้ามเจียหม่าอย่างรวดเร็ว
“เขาบ้าไปแล้วเหรอ?” อะไท่ถามลี่โม่อวี่ แล้วก็ใช้สายตาที่สงสัยมากๆ มองไปที่เขา เหมือนว่าได้ตัดสินแล้วว่าที่เจียหม่ากลายเป็นแบบนี้ก็เพราะเขา
“คุณคิดว่าเขาบ้า เขาก็บ้า”
ลี่โม่อวี่ไม่หลบสายตาที่มองเขาอย่างสงสัยของอะไท่แม้แต่น้อย ที่จริงเขาก็สงสัย ตัวเองก็แค่ไม่ได้เข้ามาดูแค่ไม่กี่วัน เจียหม่าก็กลายเป็นแบบนี้ไป เห็นทีไอ่แก่นี้ก็ไม่เท่าไหร่นี่นา
ลูกน้องสองคนได้ยินเสียงที่อวดเก่งของลี่โม่อวี่ ก็เริ่มไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย อะไท่ได้โบกมือเบาๆ พวกเขาถึงได้เก็บสายตาของตัวเอง หันหลังไปมัดตัวเจียหม่า
อะไท่ไม่ได้ถามอะไรลี่โม่อวี่ต่อ ในสายตาของเขาคนอย่างเจียหม่า ฆ่าตายกี่หมื่นครั้งก็ไม่พอ เพราะงั้นเจียหม่าจะเป็นหรือตายก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น
เดิมทีเอาเจียหม่าขึ้นรถHummerสีดำแล้วก็พาตัวไป แต่เห็นเขาที่อยู่ในสภาพนี้ อะไท่ได้มองไปที่รถHummerอย่างปวดใจ เพราะงั้นก็ได้สั่งให้ลูกน้อยสองคนเอาตัวเจียหม่าไปอาบน้ำให้สะอาดแล้วค่อยเอาขึ้นรถ
ดีที่ห้องขังนั้นมีสายฉีดน้ำที่มีไว้ให้นักโทษล้างโดนเฉพาะ ลูกน้องสองคนได้ถอดเสื้อเจียหม่าออกหมด ภายใต้เสียงที่เขาได้ร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว ก็ได้ใช้น้ำล้างตัวของเจียหม่าจนสะอาด แล้วก็ได้เปลี่ยนเสื้อนักโทษที่ได้เตรียมมาโดยเฉพาะ
แล้วก็พาตัวเจียหม่าที่สั่นขึ้นรถ เจียหม่าที่พึ่งขึ้นรถก็ได้จามออกมา ทำให้ของเหลวต่างได้เลอะไปที่รถ ทำเอาลี่โม่อวี่ที่เห็นอยู่ข้างๆ ก็ได้หัวเราะออกมาอย่างสงสาร
อะไท่ได้สั่งลูกน้องคนหนึ่งนั่งกับเจียหม่าข้างหลัง เขาก็ได้เลือกนั่งข้างหน้า เลื่อนกระจกรถลง แล้วก็ยิ้มให้กับลี่โม่อวี่แล้วพูดว่า “สำหรับความร่วมมืออย่างเต็มที่ของคุณนั้น ผมจะส่งเรื่องขอรางวัลให้คุณกับสหประชาชาติแน่นอนครับ แล้วก็ฝากลาลุงหลงให้ด้วย”
พูดพวกนี้จบ อะไท่ก็ได้โบกมือให้ลี่โม่อวี่ แล้วก็ออกไปจากบ้านตระกูลหลง
“หึ ฉันยังอยากจะได้รางวัลของนาย……” มองรถHummerสีดำที่ได้ขับออกไป ใบหน้าของลี่โม่อวี่ก็ได้เต็มไปด้วยความไร้คำพูด
……
ในที่สุดก็จัดการเรื่องทางนี้เสร็จ ลี่โม่อวี่ก็รู้สึกว่าถึงเวลาที่จะไปจากบ้านตระกูลหลงแล้ว
เดิมทีเรื่องที่เขาจะกลับไปนั้นก็มีแค่ไม่กี่คนที่รู้ หลงเซี่ยวเทียนไม่ได้ป่าวประกาศออกไป ตอนนี้ตอนที่ทุกคนรู้ว่าเขาจะจากไป ก็ได้เศร้าไปสักพัก
ที่อานหน้ามาที่บ้านตระกูลหลงคราวนี้ก็ไม่ได้คิดจะกลับไปฮั๋วเซี่ย ยังไงซะที่นี่เป็นบ้านของผู้ชายของตน เพราะงั้นก็ได้คิดว่าจะอยู่ที่นี่ไปอีกยาวๆ
แต่หลงอี้เซวียนหลังจากที่รู้ว่าครอบครัวของพี่เขยทั้งครอบครัวจะกลับไปที่ฮั๋วเซี่ยก็ได้ลังเลเล็กน้อย พอได้เผชิญกับการต่อสู้คราวนี้มาด้วยกัน หลงอี้เซวียนก็ได้อธิบายกับอานหน้าสักพัก แล้วก็กลับประเทศกับลี่โม่อวี่
บอกว่าจะคุ้มกันพวกเขาให้ปลอดภัย ที่จริงทำไมลี่โม่อวี่จะดูไม่ออกว่าที่หลงอี้เซวียนอยากกลับไปกับตนก็เพราะว่าอยากจะสร้างชื่อเสียงครั้งใหญ่ล่ะ แต่ไม่ได้พูดความคิดนี้ออกมา ลี่โม่อวี่ได้ตกลงว่าจะพาเขาไปด้วย
หลังจากหลงหลิงรู้เรื่องนี้ก็ไม่ได้มีอาการที่เสียใจออกมามากมาย ก็แค่บอกกับลี่โม่อวี่ว่าให้ดูแลฉินอีหลินกับลูกอีกสองคนดีๆ
จากนั้นเธอก็ได้ไปจับมือของอ้ายหลุน ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข ลี่โม่อวี่มองเห็นก็ได้หัวเราะ ในใจรู้สึกดีใจมากๆ กับการที่พวกเขาทั้งสองอยู่ด้วยกัน เขาคิด ถ้าเกิดอีหลินเห็นก็ต้องดีใจแน่ๆ
หลงเสี่ยวเซินกับหลงเสี้ยวตี้ออกมาด้วยกัน พวกเขาบอกลี่โม่อวี่ว่า ตระกูลหลงจะเป็นบ้านของเขา จะเป็นที่หนุนหลังของเขาตลอดไป พูดจบก็ได้จากไป เหลือแค่ความซึ้งใจให้กับลี่โม่อวี่
จัดการเรื่องของเจียหม่าเสร็จ ก็ได้พักอีกวันหนึ่ง เช้าๆ ของวันต่อมา ลี่โม่อวี่ก็ได้สั่งหยางเฟิงพาลูกน้องกับประเทศไปก่อน เขานั้นจะนั่งเครื่องบินส่วนตัวของตระกูลหลงที่หลงเซี่ยวเทียนเตรียมไว้ให้กลับไป พาฉินอีหลินกับหลงหมิงเจ๋อที่ยังสลบอยู่แล้วก็หลงจิ่นเซวียนที่น่ารักนั่งเครื่องบินกลับ
พวกเชื้อสายหลักก็ได้มาส่งพวกเขา ลี่โม่อวี่อุ้มหลงจิ่นเซวียน ฉินอีหลินกับหลงหมิงเจ๋อก็ได้มีเจ้าหน้าที่พยาบาลที่เกี่ยวข้องพาพวกเขาขึ้นเครื่อง
ได้โบกมือให้ทุกคน ลี่โม่อวี่หันไปขึ้นเครื่อง เวลาเดียวกันหลงอี้เซวียนที่มาสายก็ได้วิ่งออกมาจากผู้คน แล้วก็ได้วิ่งขึ้นไปบนเครื่อง
ประตูเครื่องปิด เครื่องบินก็ได้ค่อยวิ่งไปบนทางที่เรียบ ข้างหน้าของลี่โม่อวี่ก็ได้มีฉินอีหลินนอนอยู่ มองผ่านหน้าต่างก็ได้เห็นคฤหาสน์ตระกูลหลงที่ยิ่งอยู่ยิ่งห่างออกไป ในใจของลี่โม่อวี่ก็ได้เศร้าขึ้นมาเล็กน้อย
ก่อนหน้าเขาสาบานแล้วว่าตนจะมาตระกูลหลง อีกอย่างก็ได้มาอย่างฮึกเหิม ไม่ให้ภรรยาของตัวเองต้องขายหน้า และตอนนี้เขาก็ได้เป็นผู้มีพระคุณของตระกูลหลง แต่ว่า
ภรรยาของตัวเองกลับไม่ได้เห็นพวกนี้
เครื่องบินค่อยๆ ขึ้นบิน ค่อยๆ บินขึ้นกลางอากาศ แล้วก็ได้บินไปอย่างราบรื่น
ก้มหน้ายื่นมือค่อยๆ จับไปที่หน้าของฉินอีหลินสักพัก ผิวของฉินอีหลินถึงแม้ดูแล้วยังขาวซีดอยู่ แต่ว่าผิวนั้นยังอ่อนนุ่มมากๆ อยู่
พอรู้สึกถึงอุณหภูมิจากผิวหนังที่ส่งผ่านเข้ามา ในใจของลี่โม่อวี่ก็ได้พูดออกมาว่า “อีหลิน กลับประเทศคราวนี้ ฉันต้องรักษาคุณกับลูกให้ได้ แบบนี้พวกเราทั้งครอบครัวก็จะสามารถอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแล้ว”
สายตาก็ได้มองก้อนเมฆที่อยู่ในระดับเดียวกันกับตนนอกหน้าต่าง ลี่โม่อวี่ก็ได้ตัดสินใจ ชาตินี้ถ้าไม่ใช่ฉินอีหลินก็จะไม่แต่ง