บทที่ 387 ต้องดีขึ้นแน่นอน
เมืองตี้ตูที่ฮั๋วเซี่ย
พอได้รับข้อความจากลี่โม่อวี่ ไม่ได้มีแค่พวกผู้ใหญ่ของตระกูลลี่เท่านั้นที่มารับ ขนาดหัวหน้าครอบครัวของตระกูลซือก็ยังพาภรรยาของเขามาที่สนามบิน แน่นอนทุกคนไม่ได้มาแบบเว่อร์วังอะไร
รู้ว่าฐานะของตนนั้นถ้าอยู่ในที่ที่สาธารณะจะเกิดเหตุการณ์แบบไหนขึ้น เพราะงั้นพวกเขาทุกคนก็ได้นั่งรออยู่บนรถนิ่งๆ
คนที่ขับรถให้กับลี่อานโก๋เป็นทหารรักษาความปลอดภัยของเขาคนหนึ่ง ไอ่หมอนั่นทั้งกล้าหาญและฉลาด ในภารกิจหนึ่งได้ถูกผู้อำนวยการลี่พบความสามารถของเขาเข้า
เพราะงั้นก็ได้ให้เขามารับตำแหน่งทหารรักษาความปลอดภัย ทำงานกับเขามาหลายปี ลี่อานโก๋ก็ได้ส่งตัวเขาไปอยู่หน่วยกองกำลังพิเศษ
“เสี่ยวหลี่ นายดูให้ดีๆ เห็นเครื่องบินของพวกเขาค่อยมารายงานพวกฉัน” ลี่อานโก๋กับพ่อของตนแล้วก็ภรรยานั่งอยู่ในรถ
“ครับ! ผู้อำนวยการ!” ชายหนุ่มที่ดูแล้วเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นได้ยืนตรง ได้มีบรรยากาศของทหาร แล้วก็ได้พูดกับลี่อานโก๋ด้วยความหนักแน่น
ก็ได้ส่ายหน้าอย่างไร้หนทาง เสี่ยวหลี่คนนี้ไม่ว่าเวลาไหนก็ดีไปหมด มีแต่แค่ตอนที่อยู่ด้านนอกในชุดนอกเครื่องแบบก็ยังมีความเป็นทหารอยู่ เหมือนกลัวว่าคนอื่นมองไม่ออกว่าเขาเป็นอะไร
เมื่อเทียบกับซือเซี่ยกับซือเอ๋อพวกเขาก็ดูธรรมชาติเยอะเลย ต่อให้ด้านนอกสนามบินมีคนเยอะขนาดไหน พวกเขาก็ยังจับมือกันแล้วก็ยืนอยู่ข้างรถของตัวเอง ดูแล้วรักกันมาก
“ซือเซี่ย ได้ยินว่าคราวนี้เกิดเรื่องกับอีหลิน?” ซือเอ๋อหันหน้าไปถาม นัยน์ตานั้นก็ได้มีความเศร้าแสดงออกมา
ซือเซี่ยได้พยักหน้าด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก พูดตามความจริงที่เกิดเรื่องกับฉินอีหลินคราวนี้เขาก็เสียใจ แต่ว่าพอรู้ว่าพวกเราสามารถที่จะกลับมาอย่างปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว
“สงสารอีหลิน……”
ซือเอ๋อได้พูดออกมาพร้อมถอดหายใจออกมาเล็กหน่อย เธอเจอกับฉินอีหลินนานแล้ว พูดตามตรงเธอนั้นคิดถึงเขามากแล้วก็ยังมีลูกชายลูกสาวบุญธรรมของตนอีก
สนามบินที่พวกเขาอยู่ตอนนี้เป็นสนามบินส่วนตัวที่สร้างขึ้นเพื่อคนที่มีฐานะโดยเฉพาะ ถ้าเกิดมีเครื่องบินส่วนตัวจะลงจอดที่นี่ ก็แค่บอกกับพวกเขาก่อน ทางสนามบินก็จะเปิดรันเวย์ให้เครื่องลง
ในที่ไกลๆ บนท้องฟ้าอยู่ๆ ก็ได้มีจุดสีขาว จุดสีขาวยิ่งอยู่ก็ยิ่งใหญ่ขึ้น จากนั้นท้องฟ้าที่สนามบินก็ได้ส่งเสียงดังขึ้น
เสี่ยวหลี่ได้เห็นเครื่องบินลำนี้ตั้งนานแล้ว เห็นเครื่องหมายบนตัวเครื่องได้เหมือนกับที่ผู้อำนวยการพูด เขาก็ได้รีบรายงานลี่อานโก๋
“รายงานครับผู้อำนวยการ พบเป้าหมายแล้ว เชิญออกคำสั่งครับ!”
เหมือนกับทหารที่ได้รับคำสั่งในหน้าที่ เสี่ยวหลี่ได้ไปรายงานกับลี่อานโก๋ ไม่สนใจเลยว่าคนรอบข้างจะมองมาที่เขาเพราะน้ำเสียงที่เขาพูดออกมา เสี่ยวหลี่ได้เบิกตากว้างรอคำสั่งจากผู้อำนวยการ
“เปิดประตู!” คราวนี้ลี่อานโก๋ไม่ได้เป็นคนพูด ลี่หยินหูได้พูดออกมาเสียงดัง มองออกเลยว่าคุณท่านคิดถึงหลานของตัวเองมากๆ
เสี่ยวหลี่ตอบกลับไป แล้วก็เปิดประตูรถ รถAudi A8สีดำ ลี่หยินหูดูแล้วก็ยังดูแข็งแรงเหมือนเดิม ก้าวเท้าออกมาเลยทันที ลี่อานโก๋กับหยางผิงก็ได้เดินตามมา
ทางนั้นซือเซี่ยก็มองเห็นเครื่องบิน อยู่ๆ ก็ได้หันไปแล้วมองเห็นผู้อำนวยการลี่ แล้วก็ได้รีบพาซือเอ๋อเดินตามไป
“สวัสดีครับ/ค่ะ คุณปู่ คุณลุง คุณป้า!” ซือเซี่ยกับซือเอ๋อได้ทักทายออกไปอย่างมีมารยาท
“หื้อ พวกเธอมาด้วยเหรอ?” ลี่อานโก๋ได้พูดออกไปด้วยความตกใจเล็กน้อย
“ผมก็ได้รับข้อความจากเขาเหมือนกันก็เลยมา” ซือเซี่ยพูด เดิมทีเขาได้เตรียมรถให้กับพวกลี่โม่อวี่แล้ว แต่ว่าตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว
เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินส่วนตัวที่ลี่โม่อวี่นั่งมา พึ่งลงจอดที่รันเวย์สนามบินเมื่อกี้ เสี่ยวหลี่ขับรถ ข้างหลังได้มีพวกซือเซี่ยกับซือเอ๋อห้าคนตามหลัง แล้วก็ไปโผล่ที่ข้างๆ รันเวย์
ประตูเครื่องบินได้ถูกเปิดออก คนที่ลงมาก่อนไม่ใช่ลี่โม่อวี่ แต่เปลคนไข้ที่ถูกแบกลงมาอย่างช้าๆ
เปลคนไข้นั้นเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลสองคนเป็นคนแบกลงมา จากนั้นก็ตามด้วยเปลคนไข้อีกอัน แล้วยังเป็นพยาบาลชุดขาวสองคนเป็นคนแบกลงมา
ตอนที่ทุกคนกำลังงงงวยอยู่นั้น ลี่โม่อวี่ถึงได้เดินออกมา ข้างหลังมีหลงอี้เซวียนกับหลงจิ่นเซวียนที่น่ารักได้เดินลงมาด้วยใบหน้าที่ได้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เรื่องที่เกิดกับฉินอีหลินกับหลงหมิงเจ๋อมีแค่ลี่หยินหูคนเดียวที่ไม่รู้ ทุกคนกลัวว่าถ้าท่านรู้แล้วก็จะทำให้ส่งผลกับสุขภาพของท่าน ตอนนี้เห็นทีปิดบังไม่ได้แล้ว
พอคุณท่านเห็นเปลคนไข้นั้นก็ได้พุ่งเข้าไปด้วยความเป็นห่วง พอเห็นฉินอีหลินกับหลงหมิงเจ๋อที่นอนอยู่บนนั้น คนแก่ก็ได้โมโหขึ้น “ลี่อานโก๋ เรื่องนี้ทำไมไม่บอกกับฉัน?”
นานแล้วที่คุณท่านไม่ได้โมโหหนักขนาดนี้ เกิดเรื่องร้ายแรงกับหลานสะใภ้ของตน เขากลับไม่รู้อะไรเลย นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เขาโมโหมากๆ
“คุณปู่ ผมเป็นคนที่ให้คุณพ่อปิดบังท่านเอง” เวลานี้ลี่โม่อวี่ที่ได้ลงจากเครื่องบินก็ได้พูดขอโทษคุณท่าน ลี่อานโก๋ได้ยินก็ได้มองไปที่ลูกชายของตัวเองอย่างซาบซึ้ง
“เกิดเรื่องกับอีหลินและหมิงเจ๋อ ผมกลัวว่าท่านจะเป็นห่วง เพราะงั้นก็ให้พ่อไม่ต้องบอกท่าน” ลี่โม่อวี่ก็ได้อธิบายต่อ พึ่งลงจะเครื่องก็ได้เห็นคนทั้งครอบครัวมารอตัวเองอยู่ที่นี่ ตอนที่เห็นซือเซี่ยกับซือเอ๋อก็อยู่ ก็ได้ยิ้มให้กับพวกเขา
คุณท่านได้พยายามให้ใบหน้าที่โมโหของตนได้กลับไปเป็นปกติ “อาการของอีหลินกับหมิงเจ๋อเป็นยังไงบ้าง?”
ทุกคนได้ยินก็ได้มองไปยังลี่โม่อวี่ ที่จริงนี่ถึงจะเป็นเรื่องที่ทุกคนนั้นเป็นห่วง
“ผู้เชี่ยวชาญของประเทศMบอกแล้ว ขอแค่พวกเรานั้นรักษาให้ดีในฮั๋วเซี่ย ก็สามารถที่จะหายดีได้” ลี่โม่อวี่ได้พูดออกมาด้วยความมั่นใจ
ทุกคนได้ยินก็ได้พยักหน้าแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ลี่อานโก๋ถึงได้พบว่ารถที่ตัวเองนั่งมานั้นเหมือนว่าจะยัดคนเยอะขนาดนี้ไม่ได้ อีกอย่างสภาพของฉินอีหลินกับหลงหมิงเจ๋อนั้นได้นอนอยู่
เห็นว่าข้างหลังรถของซือเซี่ยได้มีรถที่เหมือนกับรถปิกนิกคันหนึ่ง เหมือนว่าได้รับข้อความแล้วก็เตรียมมาโดยเฉพาะ
ลี่อานโก๋ยิ้ม แล้วก็ให้ทุกคนรีบขึ้นรถ
หลงจิ่นเซวียนนั่งรถที่คุณท่านนั้นนั่งมา ในรถปิกนิกมีลี่โม่อวี่กับหลงอี้เซวียนนั่งอยู่ พวกเขาสองคนทำหน้าที่ดูแลคนไข้สองคน พวกเจ้าหน้าที่พยาบาลได้จัดให้นั่งรถอีกคัน พวกเขาเป็นคนของตระกูลหลง ก็แค่รับผิดชอบส่งคนไข้มาที่นี่ พักผ่อนหนึ่งวันพรุ่งนี้ก็กลับไป
เดิมทีคิดไว้ว่าจะตรงกลับไปตระกูลลี่ แต่เห็นอาการของหลานสะใภ้แล้วก็เหลนของตน คุณท่านลี่ก็ได้โบกมือให้เสี่ยวหลี่ไปเปิดทางข้างหน้า ขับตรงไปที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดของเมืองตี้ตู เขาอย่างจะรู้เกี่ยวกับอาการของอีหลินกับหมิงเจ๋อ
ลี่โม่อวี่เดิมที่อยากจะห้าม แต่พอเห็นแววตาของคุณปู่ ก็ได้ล้มเลิกความคิดของตนไป เขาคิด ดีไม่ดีแพทย์แผนจีนอาจจะช่วยเหลืออาการป่วยของพวกเขาทั้งสองก็ได้
แต่ว่าแผนแพทย์จีนตอนนี้จะมีสักกี่คนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้? โรงพยาบาลส่วนใหญ่ก็ได้เรียนแต่แพทย์แผนตะวันตก
พอมาถึงโรงพยาบาล ก่อนหน้าซือเซี่ยได้โทรไปบอกก่อนแล้ว ผู้อำนวยการและศาสตราจารย์แก่ที่มีชื่อเสียงอีกหลายคนของโรงพยาบาลแห่งนี้ก็ได้รีบมา มาตรวจเช็กอาการรอบด้านของหลงหมิงเจ๋อกับฉินอีหลิน
ลี่โม่อวี่เห็นว่าทุกคนได้มีอาการเป็นห่วงถึงขนาดนี้ ก็ได้ซาบซึ้งไปชั่วขณะ การกลับบ้านนี้แหละถึงรู้สึกดี ในใจเขาก็ได้คิดแบบนั้น
ไม่นานในการให้บริการของโรงพยาบาล ฉินอีหลินกับหลงหมิงเจ๋อที่ยังสลบอยู่นั้นก็ได้ถูกดันไปที่ห้องพักคนไข้ที่หรูหรา
ลี่โม่อวี่เดินตามหลัง สีหน้ากังวล