บทที่ 394 ควรรู้สึกอย่างไร
หลังจากลี่โม่อวี่จากไปก็ไม่รู้ถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงที่เขาก่อ
หลังจากสาวๆออกจากงานเลี้ยงไปต่างก็ใช้วิธีเพื่อสืบหาข้อมูลของลี่โม่อวี่ทุกรูปแบบในเมืองตี้ตู
ยิ่งไปกว่านั้นมีแม้กระทั่งใช้เงินเพื่อจ้างคนคอยติดตามสถานการณ์ของฉินอีหลินโดยเฉพาะ
สรุปแล้วพวกหญิงสาวที่บ้าคลั่งเหล่านี้ทำทุกอย่างเพื่อความสุขของตัวเอง
“พ่อจ๋า พ่อก็ช่วยหนูหน่อยสิ”
ในคฤหาสน์หรูแห่งหนึ่ง หญิงสาวคนหนึ่งกำลังอ้อนพ่อของตน จุดประสงค์ของเธอคือให้พ่อใช้ความสัมพันธ์เพื่อแนะนำตัวเธอให้กับลี่โม่อวี่
หญิงสาวคนนี้ชื่อว่าหลี่จื๋อ พ่อของเธอเป็นข้าราชการระดับสูงในเมืองตี้ตู เธอถูกตามใจจนเสียคนมาตั้งแต่เด็ก ถ้าเธออยากได้อะไรก็จะพูดมาตรงๆ พ่อของเธอหลี่ถิงก็จะพยายามหามาให้ลูกสาวอย่างเต็มที่
“โอ้ ชายหนุ่มลูกเต้าเหล่าใครกันที่หล่อซะจนขนาดที่จื๋อจื๋อของเราใจเต้นได้นะ” หลี่ถิงถามอย่างเป็นห่วงด้วยสีหน้าเปี่ยมความรักของคนเป็นพ่อ
“เขาชื่อลี่โม่อวี่ค่ะ” หลี่จื๋อพูดอย่างเขินอาย
แต่ทว่าหลังจากหลี่ถิงได้ฟังก็หน้าเสีย คนที่ตำแหน่งสูงอย่างเขาย่อมรู้ฐานะที่แท้จริงของลี่โม่อวี่ดี
แค่เป็นลูกชายของลี่อานโก๋ก็อยู่ไกลเกินที่เขาจะเอื้อมถึงแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขายังคงเป็นหลานชายของลี่หยินหู แถมฐานะที่แท้จริงของลี่โม่อวี่ตัวเขาเองก็รู้จัก
เขาเหลือบมองลูกสาวด้วยลำบากใจ แต่พอเห็นสายตาที่รอคอยของลูกสาว เขาก็ใจอ่อนแล้วพูดว่า “โอเค พ่อจะพยายาม”
หลี่จื๋อเห็นว่าพ่อตอบตกลงตามคำขอของเธอแล้วก็เข้าไปสวมกอดพ่ออย่างตื่นเต้น
สีหน้าหลี่ถิงถึงดูมีความสุข ในทางราชการหลี่ถิงเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำอะไรก็มีความปลิ้นปล้อน ปกติเขาดูเป็นคนถ่อมตัว เขามักจะปรากฏตัวในชุดที่ดูดีดูเป็นคนดี แต่ใครจะรู้ว่าตัวตนจริงๆของเขาคือเจ้าหน้าที่ที่ทุจริต เขามีอสังหาริมทรัพย์ส่วนตัวไม่น้อยกว่าสิบแห่ง แถมยังมีอีหนูที่เขาเลี้ยงไว้อีก ทั้งหมดนี้เป็นความลับของเขา
หลี่ถิงครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนว่าจะช่วยลูกสาวได้อย่างไร ยังไงซะตัวตนของอีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนธรรมดา เขาไม่สามารถรุกแรงได้ ในที่สุดเขาก็วางแผนในใจแล้วกดโทรออกอย่างเงียบๆ…
หลี่จื๋อในสายตาพ่อตัวเองนั้นเป็นเด็กที่ว่าง่ายเรียบร้อย แต่ทว่าปกติเธอมักจะชอบไปไนต์คลับกับเพื่อนสนิทเธอ ครั้งนี้ก่อนบ้านหลี่ถิงเธอก็โทรหากลุ่มเพื่อนไปคาราโอเกะ
“จื๋อจื๋อ เรื่องที่เธอขอร้องให้พ่อเธอช่วยเป็นยังไงบ้าง?” ในห้องที่เสียงดังเจี๊ยวจ๊าว หญิงสาวคนหนึ่งพูดกับหลี่จื๋อเสียงดัง
“พ่อฉันพยักหน้าแล้ว ฉันไม่เชื่อว่าลี่โม่อวี่จะวิ่งหลุดออกจากมือฉันไปได้” หลี่จื๋อพูดด้วยสีหน้าภูมิใจ ชายที่มีรอยสักใส่ต่างหูที่อยู่ข้างเธอได้ฟังก็พูดด้วยความโกรธ “จื๋อจื๋อ เธอไม่ต้องการฉันแล้วหรอ?”
หลี่จื๋อหันมามองเขาแล้วพูดอย่างเย็นชา “ในเมื่อมีสิ่งที่ดีกว่า จะต้องการนายไปทำไม” พูดจบก็หันหน้าหยิบกระเป๋าของตนออกจากห้องไป
…
หลังจากออกจากบ้านตระกูลซือแล้ว ลี่โม่อวี่ไม่ได้รีบกลับไปที่โรงพยาบาล ตั้งแต่กลับมาเขาก็อยู่ในโรงพยาบาลตลอด ยังไม่ได้ไปดูสถานการณ์ของลูกน้องตัวเองเลย เขาตำหนิตัวเองว่าเป็นหัวหน้าที่ไร้ความสามารถในใจ
ศูนย์อาบน้ำหัวชิงเป็นศูนย์อาบน้ำของลี่โม่อวี่ เขามอบให้หยางเฟิงดูแล ตอนนี้กลายเป็นศูนย์อาบน้ำที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง
เขาจอดรถพอร์เชอสีดำที่หน้าประตูศูนย์อาบน้ำหัวชิง เขาลงจากรถก็เห็นรถหรูจำนวนนับไม่ถ้วนในลานจอดรถ หลังจากคิดๆประโยคที่ว่าที่นี่เป็นถนนที่พลุกพล่านที่สุดในเมืองตี้ตู เขาก็เข้าใจ
รปภ.คนนี้เป็นหนึ่งในพี่น้องสามร้อยคนที่หยางเฟิงพาไป พอเห็นลี่โม่อวี่เข้ามาก็รีบต้อนรับเขาแต่ไกล จนลูกค้าข้างๆที่เหลือบมองนึกว่าเขาเจอคนที่มีอำนาจอะไร
“ลูกพี่มายังไงไปยังไงครับ?” ลูกน้องถาม
“เปล่าหรอกฉันแค่มาดูเฉยๆ หยางเฟิงล่ะ?”
“พี่เฟิงอยู่ในห้องทำงานครับ” ลูกน้องตอบอย่างเคารพราวกับว่าการได้คุยกับลี่โม่อวี่นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
“อืม นายทำงานของนายไป ฉันจะไปดู” ลี่โม่อวี่พูดจบก็เดินจากไป
ลูกน้องยังคงมีสีหน้ายกย่องนับถือ ข้างๆเขาคือรปภ.ใหม่ เขาจึงพูดว่า “พี่ชาย ฉันถามหน่อยสิว่าเขาเป็นใครถึงทำให้พี่ตื่นเต้นมากขนาดนี้”
“เหอะ เด็กน้อยฉันจะบอกให้ว่านั่นคือลูกพี่ของเรา ฉากที่ลูกพี่ต้องต่อสู้กับสายลับต่างประเทศคนเดียวยี่สิบคนนั้น…” ลูกน้องตกอยู่ในห้วงความทรงจำ
ลี่โม่อวี่เดินตรงไปที่ห้องทำงานของหยางเฟิง เขาเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้เคาะประตู แต่ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้เขาประหลาดใจ
หยางเฟิงนั่งอยู่บนโซฟาโดยในมือถือเข็มฉีดยาไว้ สายตาของเขาดูสับสน พอเขาเห็นลี่โม่อวี่เข้ามาคิดจะปิดบังอะไรก็สายเกินไปเสียแล้ว
ลี่โม่อวี่เดินเข้าไปคว้าเข็มฉีดยาในมือหยางเฟิงโดยไม่พูดไม่จาอะไร พอเห็นของที่เหลืออยู่บนโต๊ะกาแฟ เขาก็ยกมือตบหยางเฟิงจนล้มลงกับพื้น
“จะอธิบายให้ฉันฟังยังไง?” ลี่โม่อวี่มองหยางเฟิงที่ถูกตนตบล้มลงกับพื้นอย่างเย็นชา แล้วพยายามระงับอารมณ์ที่ใกล้จะระเบิด
หยางเฟิงได้สติขึ้นมาแล้ว แต่ไม่ได้แสดงสีหน้าที่ชัดเจนออกมา เขาเพียงแค่พูดอย่างตกอับว่า “ลูกพี่ครับ จะลงโทษผมยังไงก็ได้เลยครับ”
ลี่โม่อวี่มองหยางเฟิงด้วยความประหลาดใจ ในสายตาเขาหยางเฟิงไม่ใช่คนที่จิตใจไม่แน่วแน่ไม่เอาไหน เขาไม่น่าไปยุ่งกับของเหล่านี้ง่ายๆได้
แต่นี่คือเส้นทางที่หยางเฟิงเลือกด้วยตัวเอง…
“ไปเถอะ ต่อไปนี้ฉันไม่มีพี่น้องอย่างนายอีก…” ลี่โม่อวี่พูดจบก็หลับตา เขาไม่อยากเห็นสภาพตกอับของพี่น้องเขา
หยางเฟิงลุกขึ้นลูบหน้าจากนั้นเดินไปหาลี่โม่อวี่แล้วโค้งคำนับอย่างเคารพ “ลาก่อนครับลูกพี่”
หยางเฟิงกลั้นน้ำตาแล้วออกจากห้องทำงาน
ลี่โม่อวี่ขยี้หัวของตัวเอง เขาไม่กล้าที่จะยอมรับเรื่องทั้งหมดนี้จริงๆ
หลังจากที่หยางเฟิงจากไปลี่โม่อวี่ก็ลืมตาขึ้น จู่ๆดวงตาก็พลันสว่าง
หลังจากตรวจสอบของบนโต๊ะอย่างละเอียด ลี่โม่อวี่ก็พบว่าของทั้งหมดนี้เพิ่งแกะกล่องใหม่ทั้งหมดราวกับมีใครบางคนตั้งใจจัดฉากวางไว้
เรื่องนี้มันแปลกๆ ลี่โม่อวี่มองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง เขาเดินไปที่หน้าต่างแล้วมองออกไปข้างนอก ตรงข้ามเขาเป็นตึกสูง เขาเห็นแสงแวบหนึ่งที่กระจกฝั่งตรงข้าม
เขาแสร้งนั่งลงเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร ความจริงเขาเดาได้ว่าหยางเฟิงถูกใครบางคนบังคับ แต่เขาคิดไม่ออกมาว่าใครเป็นคนทำ
แล้วอีกอย่างหลังจากหยางเฟิงเดินออกมาจากศูนย์อาบน้ำหัวชิง พอรปภ.ลูกน้องเห็นพี่เฟิงเดินออกมาอย่างสิ้นหวังก็ไม่กล้าถามอะไรมากนอกจากมองเขาออกจากที่นี่ไป
หยางเฟิงเดินอ้อมถนนสองสามแห่งสุดท้ายก็เดินเข้าไปในซอย หลังเข้าไปเขาก็มีท่าทีหยิ่งดังเดิม
“ฉันทำในสิ่งที่แกต้องการแล้ว ตอนนี้จะปล่อยครอบครัวของฉันได้รึยัง?” ในซอยนั้นไร้ซึ่งผู้คน แต่หยางเฟิงก็พูดออกไปเช่นนั้น
“หลังจากเรื่องนี้จบลงย่อมต้องปล่อยครอบครัวแกแน่ ไปรับครอบครัวแกที่ซาเถียนอ้าวเต้าเถอะ”
เสียงดังมาจากตรงไหนไม่รู้หยางเฟิงได้ฟังก็ไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไร