บทที่ 395 ยกโทษให้ฉันเถอะ
หลังจากที่หยางเฟิงจากไปร่างหนึ่งเดินออกมาจากซอย เมื่อสังเกตดีๆก็จะเห็นว่าคือร่างลี่จิ่นที่ไม่ได้ปรากฏตัวมานาน ตอนนี้เขาดูมืดมนราวกับใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆได้ดี
“พี่จิ่น เราจะปล่อยเขาไปง่ายๆแบบนี้หรอ ไม่กลัวว่าเขาจะแจ้งเบาะแสหรอ?” ลูกน้องที่อยู่ข้างหลังลี่จิ่นคนหนึ่งถาม
“หึ ฉันจะปล่อยมันไปง่ายๆได้ยังไง” ลี่จิ่นยิ้มอย่างมีเลศนัย
หยางเฟิงขับรถไปตามที่อยู่ที่ลี่จิ่นให้มา ตรงนี้เป็นโรงงานร้างในแถบชานเมือง โรงงานไร้ผู้คนดูมืดมาก แม้ว่าเขาจะรู้ว่านี่เป็นเกมที่ฝ่ายตรงข้ามวางไว้ แต่หยางเฟิงก็ต้องมาเพราะคนที่ฝ่ายตรงข้ามจับไปคือครอบครัวของเขา
เมื่อคิดว่าลี่โม่อวี่คงจะเจ็บปวดกับพฤติกรรมก่อนหน้านี้ของเขาแน่ๆ มุมปากของหยางเฟิงก็มีรอยยิ้มเยาะเย้ยตัวเองออกมา
“ออกมาเถอะ ฉันมารับภรรยากับลูก” หยางเฟิงตะโกน เขารู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่นี่
ทันทีที่สิ้นเสียงก็มีคนสามคนเดินออกมาจากมุมมืด หัวหน้าที่เดินนำมาเป็นชายร่างยักษ์ที่ท่าทางดุร้าย ด้านหลังมีสมุนสองคนคอยกดผู้หญิงคนหนึ่งและเด็กชายตัวเล็กๆเอาไว้
พอหญิงสาวเห็นสามีของเธอ ปากที่ถูกปิดปากไว้ไม่สามารถพูดได้ เธอทำได้เพียงมองไปที่หยางเฟิงด้วยตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา ส่วนเด็กน้อยดื้อรั้นมากจึงไม่หลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว
“ฉันก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็พี่เฟิงคนดัง ทำไม มารับเมียกับลูกหรอ?” ชายที่น่ารังเกียจพูดขึ้น
“หยุดไร้สาระสักที ฉันได้ทำทุกอย่างที่ควรทำแล้ว รีบปล่อยพวกเขา” หยางเฟิงดูร้อนใจเมื่อเห็นภรรยากับลูก
“อย่ารีบสิ พี่เฟิงมาทั้งที ฉันจะไม่แสดงให้ดูได้อย่างไร ว่ามั้ย?” ชายที่น่ารังเกียจพูดอีกครั้ง
“ฉันจะบอกแกให้นะไอ้บาก อย่ามาบังคับฉัน” หยางเฟิงกัดฟัน สายตาของเขาค่อยๆเย็นชา
ไอ้บากไม่ได้พูดอะไร เขาเหลือบมองหยางเฟิงอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “แกเดินแบบนี้แล้วยังมาเสแสร้งต่อหน้าฉัน ฉันบอกแกให้นะว่ารีบคุกเข่าลงต่อหน้าฉันตอนนี้สิ ไม่เช่นนั้นฉันจะฆ่าลูกชายแกต่อหน้าแก”
พูดจบไอ้บากก็หยิบมีดสั้นออกมาจ่อที่คอของลูกชายของหยางเฟิง เด็กน้อยก็มีความหยิ่งทระนง เขานิ่งจนไม่กะพริบตา
หญิงสาวทนดูไม่ได้ เธอร้องไห้ออกมา แม้ว่าหยางเฟิงจะโกรธ แต่อีกฝ่ายใช้ลูกมาขู่เขา เขาจึงจนปัญญา
หยางเฟิงกัดฟันมองไอ้บากแล้วค่อยๆงอเข่า
ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นด้านหลังหยางเฟิง เขาประคองหยางเฟิงที่คุกเข่าขึ้นมาแล้วพูดว่า “หยางเฟิง ไม่รู้หรอว่าลูกพี่สอนนายยังไง ไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่ควรค่าให้นายต้องคุกเข่าหรอ?”
หยางเฟิงหันหน้าไปมองก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเป็นลูกพี่ของเขาลี่โม่อวี่ จมูกของเขาเริ่มแดงแล้วพูดว่า “ลูกพี่…”
“โอเค ฉันรู้เรื่องแล้ว” ลี่โม่อวี่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงตามหยางเฟิงมาตลอดทางเพียงคนเดียว เพราะเขาเชื่อในศักยภาพของตนซึ่งทำให้เกิดเป็นความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างน่าประหลาด
แน่นอนว่าไอ้บากย่อมรู้จักลี่โม่อวี่ผู้โด่งดังคนนี้เป็นธรรมดา เขาไม่คิดเลยว่าจะทำให้คนร่างโตตกใจ “ถ้าแกกล้าเข้ามา ฉันจะฆ่าทั้งสองคนนี่”
เห็นได้ชัดว่าไอ้บากดูกลัวมากจึงคิดจะเอาตัวประกันในมือมาขู่ แต่เขาไม่รู้ว่าตัวว่ามือตัวเองเริ่มสั่นแล้ว
“โอ้? ถ้าแกกล้าแตะต้องพวกเขา ฉันจะเอาชีวิตแกก่อนคนแรก”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจตัวประกันในมือ ไอ้บากก็ดูตื่นตระหนก
สมุนสองคนที่อยู่ข้างหลังเห็นว่าลูกพี่ตระหนกมาก แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาก็กลัวมากเช่นกัน
ระยะห่างระหว่างลี่โม่อวี่กับไอ้บากห่างเพียงสิบเมตร ในขณะที่ไอ้บากกำลังตื่นตระหนกอยู่นั้น ลี่โม่อวี่ก็เริ่มโจมตีก่อน
แม้แต่หยางเฟิงที่อยู่ข้างๆเขาก็ไม่เห็นว่าลี่โม่อวี่เคลื่อนไหวอย่างไร เขาเพียงรู้สึกว่ามีลมพัดผ่านตรงหน้าเขาแล้วเขาก็พบว่าลี่โม่อวี่วิ่งไปอยู่ตรงหน้าไอ้บากแล้ว
ไอ้บากที่อยู่ในเหตุการณ์ย่อมตะลึงกับความเร็วของลี่โม่อวี่ เขายังไม่ทันตอบโต้อะไรก็เห็นลี่โม่อวี่ฉวยมีดสั้นในมือตน จากนั้นมืออีกข้างก็กำแน่นแล้วต่อยที่อกเขาอย่างแรง
สมุนอีกสองคนก็ตกใจกับสถานการณ์ตรงหน้าจึงคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อขอความเมตตา ยังไงซะลี่โม่อวี่ก็สร้างความกดดันให้พวกเขามากเกินไป
“ตอนนี้แกยังมีสิทธิ์มาขู่พี่น้องของฉันอยู่รึเปล่า?”
ลี่โม่อวี่เอามีดสั้นมาจ่อที่คอของไอ้บาก ไอ้บากมีสีหน้าหวาดกลัวสุดขีดจนเหงื่อออกทั้งตัว
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา พอหยางเฟิงได้สติ ลี่โม่อวี่ก็จัดการจบต่อสู้เสร็จแล้ว ภรรยากับลูกชายก็วิ่งมาหาเขาแล้ว
แม้แต่คนที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกอย่างหยางเฟิงก็ยังรู้สึกซาบซึ้งกับสิ่งที่ลี่โม่อวี่ทำ ดวงตาของเขาแดงเล็กน้อย เขามองลี่โม่อวี่ที่แสนเท่แล้วพูดว่า “ลูกพี่ครับ ชีวิตของหยางเฟิงคนนี้เป็นของคุณ”
“ใครส่งแกมาที่นี่?” ลี่โม่อวี่ถามไอ้บากโดยไม่สนใจสมุนทั้งสองที่คุกเข่าขอความเมตตา
ไอ้บากไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งเหมือนก่อนหน้านี้ สายตาของลี่โม่อวี่กับมีดที่จ่อคอทำให้เขาพูดเสียงสั่นว่า “ถ้าผมบอกแล้วคุณปล่อยผมไปได้ไหม?”
“นั่นมันขึ้นอยู่กับอารมณ์ของฉันแล้วล่ะ” ลี่โม่อวี่จ้องเขา
ไอ้บากรู้ดีว่าตัวเองต้องรีบพูดมิเช่นนั้นถ้าอีกฝ่ายรีบจนจัดการเขาคงจะไม่คุ้มแน่
“ลี่จิ่นให้เงินผมมาห้าหมื่นหยวนแล้วให้ผมลักพาตัวสองคนนี้มา แค่นั้นแหละ”
ไอ้บากพูดอย่างระมัดระวังเพราะกลัวว่าลี่โม่อวี่จะทำรูที่คอตัวเองอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ลี่จิ่นงั้นหรอ…ทำไมถึงไม่ยอมสักทีนะ?” ลี่โม่อวี่พึมพำสองสามคำไม่มีท่าทีเอามีดออก
“ท่านครับ ผมพูดทุกอย่างที่รู้หมดแล้ว เอามีดออกได้รึยังครับ?” ไอ้บากพูดด้วยท่าทางน่าสมเพช
“เอามีดออกหรอ…” ลี่โม่อวี่ยิ้มเยาะแล้วชำเลืองมองเด็กน้อยที่ดื้อรั้นที่ยืนอยู่ข้างๆ จากนั้นก็เอามีดออกจากคอของไอ้บาก “แต่ว่าแกต้องยอมจำนนคุกเข่าลงเอาสองมือจับหัวร้องเพลง”
พอไอ้บากได้ฟังก็เดือดเป็นฟืนเป็นไฟทันที แต่พอเห็นมีดที่แกว่งในมือของอีกฝ่าย เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร
“ท่านครับ ผมผิดไปแล้ว โปรดยกโทษให้ผมเถอะ…”
“แกควรทำตามที่ฉันบอกดีกว่านะ ไม่งั้นถ้าฉันอารมณ์ไม่ดี ฉันคง…” ลี่โม่อวี่แกว่งมีดในมือ สายตาฉายแววพร้อมจะฆ่าออกมา
ไอ้บากผู้น่าสงสาร ยอมจำนนคุกเข่าลงพร้อมกับก้มหน้าร้องเพลงด้วยเสียงทั้งเพี้ยนทั้งสั่นเครือโดยลี่โม่อวี่กดดัน
“ถูกคุณเอาชนะอย่างนี้ หมดหนทางจะล่าถอย…”
เสียงร้องที่ไม่น่าฟังของไอ้บากดังก้องอยู่ในโรงงานที่ว่างเปล่า เขาที่ก้มหน้าร้องเพลงอย่างจริงจังกลับไม่รู้ว่าลี่โม่อวี่ได้พาครอบครัวของหยางเฟิงออกไปแล้ว
หลังจากที่สมุนสองคนข้างหลังเขาบอกเขาไอ้บากก็ลุกขึ้นเตะให้สมุนทั้งสองคนแล้วพูดว่า “ไร้สาระ ฉันรู้ว่าพวกมันจากไปแล้ว ฉันแค่อยากฝึกร้องเพลงเฉยๆ เข้าใจไหม!”