บทที่ 398 ลองปลุกให้เขาตื่น
ชราได้ฟังข้อเสนอของลี่โม่อวี่ก็พูดปฏิเสธว่า “ไม่ได้ เราไม่รู้ผลของการทำเช่นนี้ เพราะยังมีความไม่แน่นอน เราจึงไม่ควรทำเช่นนั้น”
ลี่โม่อวี่ได้ฟังศาสตราจารย์แพทย์พูดดังนั้นก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ จึงตำหนิตัวเองที่ใจร้อนเกินไป
พอหันไปเห็นหลิวหรูหยุนที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้นดิน สายตาลี่โม่อวี่ก็กลับมาเย็นชา ศาสตราจารย์แพทย์ชราเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยพร้อมปิดประตูอย่างให้ความร่วมมือ
หลิวหรูหยุนกุมท้องที่ถูกลี่โม่อวี่เตะ เธอมีสีหน้าตื่นตระหนก ไม่กล้าแม้แต่จะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนหน้า
“ฉันผิดไปแล้ว ต่อไปฉันจะไม่กล้าทำอีกแล้ว คุณปล่อยฉันไปเถอะ”
หลิวหรูหยุนตะโกนเสียงดัง เพราะอยากให้คนอื่นได้ยินเสียงตะโกนแล้วมาช่วยเธอ แต่วันนี้โรงพยาบาลเงียบสงัดเป็นพิเศษ
“ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธออีกแล้ว เธอไปเถอะ ไสหัวไปจากเมืองตี้ตู”
ลี่โม่อวี่จ้องและพูดกับเธออย่างเย็นชา ถ้าเป็นเมื่อก่อนลี่โม่อวี่อาจจะฆ่าเธอจริงๆแล้ว แต่ตั้งแต่กลับมาจากประเทศ M ลี่โม่อวี่ก็ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนนิสัยบ้าคลั่งกระหายเลือดของตนทิ้งไป ก่อนหน้านี้ที่เขาปล่อยไอ้บากไปก็ด้วยเหตุผลข้อนี้
หลิวหรูหยุนได้ฟังก็เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก แม้ว่าเธอจะตกงาน แต่เธอรู้ว่าแค่ตอนนี้เธอสามารถรักษาชีวิตได้ก็ขอบคุณมากแล้ว
ลี่โม่อวี่หันหน้ามาก็พบว่าฉินอีหลินยืนขึ้นแล้ว ฉินอีหลินในตอนนี้สวมชุดผู้ป่วยสีขาว เท้าเปลือยเปล่าเหยียบอยู่ที่พื้น ดวงตาหมองคล้ำ แต่นิสัยเฉพาะตัวกับใบหน้าที่แสนงดงามไม่มีใครเทียบได้ยังคงมีเสน่ห์
ลี่โม่อวี่ตะลึงชั่วขณะ เขารู้สึกเหมือนว่าฉินอีหลินได้ตื่นขึ้นมาแล้ว แต่พอสายตาเขาสัมผัสได้ว่าสายตาที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกของอีกฝ่าย ลี่โม่อวี่ก็อดเศร้าไม่ได้ เขารู้ว่าคนรักยังไม่ฟื้นขึ้นมา
“อีหลิน พื้นมันเย็นเกินไป แถมเธอก็ยังเพิ่งฟื้น ฉันว่าเธอนอนบนเตียงก่อนดีมั้ย?” ลี่โม่อวี่พูดกับฉินอีหลินด้วยความเป็นห่วง
แต่ทว่าฉินอีหลินยังคงนิ่งไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ ลี่โม่อวี่หัวเราะเยาะตัวเอง จากนั้นก็จับมือเย็นๆของฉินอีหลินแล้วค่อยๆพยุงเธอกลับขึ้นบนเตียงใหม่
ลี่โม่อวี่หันมามองห้องพักผู้ป่วยขนาดใหญ่ เพราะความวู่วามก่อนหน้านี้ของเขาจึงทำให้ห้องดูกระจัดกระจาย เขาลุกขึ้นแล้วทำความสะอาดห้องใหม่ทั้งหมด ส่วนฉินอีหลินก็นั่งเงียบๆอยู่บนเตียงมองเขาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
หลังจากหลิวหรูหยุนออกจากห้องพักผู้ป่วยแล้ว ผู้รับผิดชอบของโรงพยาบาลก็เรียกเธอเข้าไปในห้องทำงาน ผู้รับผิดชอบยื่นซองให้เธอเพื่อให้เธอเปิดดูโดยไม่ได้พูดอะไร หลังจากเปิดดูก็พบว่าเป็นเงินเดือนจำนวนหนึ่งเดือนของเธอ
“คุณออกจากที่นี่เถอะและในอนาคตคุณจะไม่สามารถทำงานด้านการแพทย์ได้อีก ฉันจะปิดกั้นคุณในสายงานด้านการแพทย์ทั้งหมด”
ผู้รับผิดชอบพูดด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก เขารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นผ่านกล้องวงจรปิด เขาไม่เห็นอกเห็นใจผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนี้
หลิวหรูหยุนรับเงินแล้วออกจากห้องทำงานด้วยท่าทางเศร้าๆ กลุ่มพยาบาลที่เหมือนเธอรวมตัวกันอยู่ข้างนอก พอเห็นเธอเดินคอตกออกมาก็ไม่พูดอะไร แต่ชี้ๆตรงข้างๆเธอ
หลิวหรูหยุนหายใจเข้าลึกๆ สุดท้ายก็เหลือบมองห้องพักผู้ป่วยที่เธอเคยไปก่อนหน้านี้จากนั้นก็ถอดชุดพยาบาลแล้วเดินออกจากโรงพยาบาลไป
พอเดินออกจากประตูโรงพยาบาลเธอไม่รู้ว่าควรจะไปไหนดี เธอเดินก้มหน้าไปตามทางเท้าพลางนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่นึกถึงสายตาของลี่โม่อวี่ที่มองเธอ เธอก็อดตัวสั่นไม่ได้
ทันใดนั้นชายในชุดดำก็ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังเธอ เธอมีเรื่องในใจจึงไม่ทันสังเกตเห็น พอเธอรู้ตัวชายชุดดำก็เอามือปิดปากเธอไว้แล้ว เธออยากจะต่อสู้ แต่แรงของอีกฝ่ายมีมากกว่า เธอจึงโดนอุ้มไป
สุดท้ายเธอรู้เพียงว่าเธอถูกโยนเข้าไปในรถ เรื่องส่วนที่เหลือเธอไม่รู้อะไรแล้ว
…
หลังจากทำความสะอาดห้องพักผู้ป่วยแล้ว ลี่โม่อวี่ก็นั่งหน้าเตียงฉินอีหลินเงียบๆแล้วมองไปที่คนรักของตนที่กำลังมองมาที่เขาเช่นกัน
พอลี่โม่อวี่นึกได้ว่าต้องบอกเรื่องนี้กับหลงเซี่ยวเทียน เขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา
ตอนแรกที่เขาออกจากบ้านตระกูลหลง หลงเซี่ยวเทียนได้ให้หมายเลขโทรศัพท์แก่ลี่โม่อวี่เป็นพิเศษ หมายเลขนี้ใช้ระหว่างเขากับลี่โม่อวี่เท่านั้น ไม่มีใครคนอื่นรู้หมายเลขนี้
ขณะนี้เป็นเวลาเช้าตรู่ของประเทศ M หลงเซี่ยวเทียนกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะตัวเองเงียบๆ ทางด้านซ้ายมีแก้วชาร้อนๆ โทรศัพท์วางอยู่บนหนังสือ มองเขาอย่างตั้งใจ
ทันใดนั้นโทรศัพท์ที่มุมห้องก็ดังขึ้น หลงเซี่ยวเทียนวางหนังสือในมือลง พอเห็นว่าโทรศัพท์เครื่องนั้นเป็นสายพิเศษที่เขาให้ลี่โม่อวี่ไว้ เปลือกตาเขากระตุก ในใจคิดว่าหรือจะเกิดอะไรขึ้นที่ฮั๋วเซี่ยจึงรีบรับสาย
“พ่อครับอีหลินฟื้นแล้ว”
ลี่โม่อวี่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายรับสายก็รีบพูด แต่น้ำเสียงกลับไม่มีความสุขเลยสักนิด
แน่นอนหลงเซี่ยวเทียนย่อมฟังออกว่าน้ำเสียงของลี่โม่อวี่ผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงถามว่า “ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น บอกฉันมาเถอะ”
ตั้งแต่วันที่ลี่โม่อวี่พาฉินอีหลินกลับไป เขาก็เป็นห่วงลูกสาวมาก แต่เขาเชื่อว่าลูกเขยของเขาจะสามารถดูแลลูกสาวเขาได้เป็นอย่างดี
“อีหลินฟื้นแล้วครับ แต่กลายเป็นหุ่นเชิดไม่มีความคิด ไม่มีความรู้สึก” ลี่โม่อวี่พูดเสียงแข็ง
หลงเซี่ยวเทียนถอนหายใจเบาๆ เขาเคยเดาไว้ว่าจะต้องมีวันนี้จึงพูดอีกว่า “โม่อวี่อย่าโทษตัวเองเลย การที่อีหลินฟื้นอาจไม่ใช่เรื่องเลวร้าย” หลงเซี้ยวเทียนปลอบ
หลังจากได้ยินพ่อตาพูด ลี่โม่อวี่ก็พูดอีกว่า “พ่อครับหมิงเจ๋อยังคงไม่ได้สติ หรือผมควรลองพยายามปลุกเขาดีครับ”
ไม่คิดเลยว่าพอหลงเซี่ยวเทียนได้ฟังเขาพูดก็รีบตอบทันทีว่า “ไม่ได้ อย่าทำแบบนี้เด็ดขาดมันอันตรายเกินไปและฉันได้ติดต่อองค์กรทางวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติเพื่อเริ่มศึกษายาแก้พิษไวรัส Yแล้ว เชื่อว่าไม่นานน่าจะสำเร็จ”
พอได้ยินคำตอบของหลงเซี่ยวเทียน ลี่โม่อวี่ก็ดีใจ เขารู้ถึงศักยภาพของตระกูลหลง คนที่พวกเขาติดต่อต้องสามารถทำได้แน่ เขาคิดในใจว่า ดูเหมือนว่าโอกาสที่อีหลินกับหมิงเจ๋อจะฟื้นขึ้นมามีเพิ่มขึ้นแล้ว
สุดท้ายหลงเซี่ยวเทียนก็ถามเรื่องทางด้านลี่โม่อวี่ กำชับเขาว่าไม่ต้องเอาแต่กังวลเรื่องอีหลินกับหมิงเจ๋อ บางเรื่องก็ต้องจัดการแล้ว ลี่โม่อวี่รับปากอย่างเข้าใจ
หลังจากวางสาย ลี่โม่อวี่ก็เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาบนผนัง พบว่าตอนนี้สี่ทุ่มแล้ว ฉินอีหลินยังคงเหม่อมองความว่างเปล่าอย่างตั้งใจ ลี่โม่อวี่คิด ในเมื่ออีหลินฟื้นขึ้นมาแล้ว งั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องกินอาหารเหลวทางสาย เธอสามารถกินข้าวด้วยตัวเองแล้ว
คิดได้เช่นนั้นลี่โม่อวี่ก็ลุกขึ้นทันที
เพราะเป็นห้องพักผู้ป่วยห้องพิเศษจึงทำให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานทุกอย่างรวมถึงห้องครัว
ลี่โม่อวี่เดินเข้าไปในห้องครัวซึ่งในห้องครัวมีวัตถุดิบพร้อม จากนั้นเสียงทำอาหารก็ดังขึ้น