บทที่ 400 คิดถึงแม่จัง
ลี่จิ่นมองไปที่หลิวหรูหยุนอย่างดูถูก จากนั้นก็หัวเราะเยาะ “เธออยากจะแก้แค้นลี่โม่อวี่มั้ย?”
พูดจบลี่จิ่นก็ไม่มองเธออีก ดูเหมือนว่าคำพูดสุดท้ายก่อนหน้านี้ของหลี่ถิง ทำให้ลี่จิ่นหมดความสนใจในตัวหลิวหรูหยุน
หลิวหรูหยุนจัดเสื้อผ้าของเธอด้วยมือที่สั่นเทา เธอลุกขึ้นยืนมองลี่จิ่นด้วยสีหน้าหวาดกลัว แล้วค่อยๆพูดว่า “นายจะไม่ทำแบบนั้นกับฉันอีกแล้วใช่ไหม?”
ตอนนี้ถ้าลี่จิ่นยังคงทำแบบนั้นกับเธอต่อคงไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแล้วจริงๆ
แม้ว่าตอนนี้ลี่จิ่นจะดูสง่างาม แต่เมื่อเทียบกับลี่โม่อวี่แล้ว ก็ต่างกับราวฟ้ากับดินจริงๆ แต่หลิวหรูหยุนย่อมไม่แสดงออก
ตอนนี้เธอคิดจะทำให้ลี่จิ่นสงบลงก่อนเพื่อที่เธอจะได้มีโอกาสหนีไป แต่ทว่าลึกๆแล้วเธอสนใจข้อเสนอของลี่จิ่นอยู่ไม่มากก็น้อย เพียงแต่เธอไม่เต็มใจที่จะแสดงมันออกมา
“นายรับประกันได้มั้ยว่านายสามารถเอาชนะลี่โม่อวี่ได้” หลิวหรูหยุนถามคำถามที่อยู่ในใจออกมา ตอนนี้เธอหยุดสั่นแล้วราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้มาก่อน
“ฉันต้องการให้เธอให้ข้อมูลฉัน ฉันสัญญาได้ว่าจะปล่อยเธอไป” ลี่จิ่นมองออกว่าผู้หญิงคนนี้สนใจที่จะร่วมมือกับตัวเองมากๆจากนั้นเขาก็หัวเราะเยาะ
“นายอยากให้ฉันช่วยนายยังไง?” หลิวหรูหยุนถาม
“ฉันอยากให้เธอบอกตำแหน่งที่ตั้งห้องพักผู้ป่วยของฉินอีหลินรวมถึงสถานการณ์พื้นฐานของโรงพยาบาลให้ฉันฟัง” ลี่จิ่นกล่าวด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
หลิวหรูหยุนตกใจมาก ดูเหมือนว่าเขาจะลงมือกับฉินอีหลินและหลงหมิงเจ๋อ เธอไม่คิดว่าคนคนนี้จะโหดร้ายขนาดนี้
แต่พอเธอนึกถึงสภาพจนตรอกตอนออกมาจากโรงพยาบาลก่อนหน้านี้ หลิวหรูหยุนก็ตัดสินใจร่วมมือกับลี่จิ่นแก้แค้นลี่โม่อวี่ ยังไงซะเธอก็เหลืออะไรแล้ว
เพราะทั้งสองคนมีความคิดเหมือนกัน พวกเขาย่อมกลายเป็นพันธมิตรกัน
ทันทีที่หลิวหรูหยุนตกลงกับข้อเสนอของลี่จิ่น ทั้งสองก็นั่งดื่มเพื่อฉลองความคืบหน้าของแผนการ ราวกับลืมความไม่พอใจก่อนหน้านี้ไปจนสิ้น จะเห็นได้ว่าความจริงหลิวหรูหยุนคนนี้น่ากลัวมากจริงๆ
ทั้งสองนั่งคุยกันในห้องนั่งเล่นอยู่นาน ชายชุดดำที่ยืนเฝ้าประตูไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวข้างในก็แปลกใจ
พอนึกถึงฉากที่ตนเข้าไปก่อนหน้านี้ ทั้งๆที่เจ้านายของตนกำลังจะยิงธนูแล้วแท้…
คิดได้ดังนั้นเขาก็แนบหูกับประตูเพื่อแอบฟังการเคลื่อนไหวข้างใน
ในห้อง หลิวหรูหยุนคุยแผนการกับลี่จิ่นแล้ว ลี่จิ่นจึงส่งสัญญาณว่าเธอสามารถออกไปได้
หลิวหรูหยุนลุกยืนขึ้นแล้วยื่นมือขวาออกมา จากนั้นก็จับมือกับลี่จิ่นแน่นราวกับว่าพวกเขากำลังเจรจาร่วมลงมือครั้งสำคัญ ลี่จิ่นจับมือเบาๆแล้วปล่อยมือเธอไปโดยไม่มีความคิดเหมือนก่อนหน้านี้เลย
หลิวหรูหยุนทำตาเยิ้มใส่เขา เธอยิ้มแล้วหมุนตัวจากไป ลี่จิ่นแอบด่าเธอแรดในใจ
แต่ไม่ว่าในใจเขาคิดอย่างไร ใบหน้าของลี่จิ่นก็ยังคงยิ้ม “ฉันไปส่งเธอ”
พอได้ยินเสียงคนกำลังมาที่ประตูชายชุดดำรีบหันกลับมายืนตัวตรงเหมือนบอดี้การ์ดมืออาชีพ
พอประตูเปิดปรากฏว่าหลิวหรูหยุนกับลี่จิ่นเดินออกมาด้วยกัน ทั้งสองคนก็คุยกัน หัวเราะกัน ราวกับเรื่องก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ชายชุดดำไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเห็น อดที่จะชื่นชมลี่จิ่นไม่ได้ เขาคิดว่าเจ้านายนั้นเก่งมากที่สามารถหยอกกับผู้หญิงได้ดีเช่นนี้
พอเห็นหลิวหรูหยุนลงลิฟต์ไปแล้ว ขณะที่ลี่จิ่นเตรียมจะปิดประตูเข้าไปในห้อง กลับหันไปบอกชายชุดดำว่า “ไปถามโรงแรมซิว่ามีผู้หญิงบริการมั้ย”
จากนั้นเขาก็ปิดประตูเข้าห้องไป เหลือไว้เพียงใบหน้าประหลาดใจของชายชุดดำ เขาคิดว่าเจ้านายช่างอึดเหลือเกิน เพิ่งจะได้เสร็จไปก็จะเริ่มกับเอากับคนใหม่อีกแล้ว เขาอดที่จะชื่นชมนายไม่ได้
ลี่โม่อวี่ย่อมไม่รู้เรื่องนี้ว่าอารมณ์ใจร้อนเพียงเล็กน้อยของเขาทำให้เกิดอันตรายกับฉินอีหลินและหลงหมิงเจ๋อได้
แม้ว่าตอนนี้จะดึกแล้ว แต่เขาก็ยังไม่นอน ฉินอีหลินนอนหลับไปบนเตียงแล้ว
ลี่โม่อวี่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็รู้สึกว่าการที่ฉินอีหลินกับหลงหมิงเจ๋ออยู่โรงพยาบาลไม่ค่อยเหมาะสม
เขากำลังคิดว่าหรือเขาควรพาสองแม่ลูกไปอยู่ที่บ้านดี พอเห็นว่าตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว เขาจึงเลิกใจร้อนโทรหาลี่อานโก๋
เขาเดินเข้าไปยืนอยู่หน้าหน้าต่างห้องพักผู้ป่วยอย่างเงียบๆ มองผ่านกระจกไปไกลๆ
ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ อุณหภูมิในตอนดึกๆค่อนข้างเย็น ละอองน้ำเกาะตัวที่กระจก แต่ก็ไม่สามารถบดบังสายตาของลี่โม่อวี่ได้ เขากำลังคิดแผนการต่อไป
เช้าวันรุ่งขึ้นลี่โม่อวี่ยังไม่ตื่น แต่สัญชาตญาณการระวังตัวของเขาบอกว่ามีใครบางคนกำลังมองเขาอยู่ เขาลืมตาขึ้นทันที แต่สิ่งที่เขากลับพบสายตาที่ว่างเปล่าของฉินอีหลิน
เธอเดินลงมาจากเตียงเหยียบพื้นที่เย็นเฉียบด้วยเท้าเปล่ายืนมองลี่โม่อวี่ที่กำลังนอนอยู่โดยไร้อารมณ์
ลี่โม่อวี่ไม่ได้ตกใจเธอ เขาลุกขึ้นนั่งจับมือฉินอีหลินอย่างห่วงใยแล้วให้เธอขึ้นมานั่งบนเตียง
“เป็นอะไร หิวไหม?” ลี่โม่อวี่ถาม มือของฉินอีหลินเย็น เขาจึงจับไว้แน่น
แต่ทว่าฉินอีหลินไม่ตอบเขา หลังจากนั่งลงสายตาของฉินอีหลินก็ไม่ได้อยู่ที่ตัวลี่โม่อวี่ แต่สายตาของเธอล่องลอยไปกับว่างเปล่าตรงหน้าไม่เคลื่อนไหว
ลี่โม่อวี่ดูไม่ได้เศร้ามากนัก เขาลุกขึ้นมาจัดเสื้อผ้าแล้วแล้วไปห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเอง
จากนั้นก็ออกมาพร้อมกับอ่างน้ำร้อน เขาเช็ดตัวให้ฉินอีหลินอย่างตั้งใจแล้วพยุงเธอไปที่เตียงอีกครั้งไม่ให้เธอไปไหน จากนั้นเปลี่ยนน้ำแล้วเช็ดตัวให้ลูกชาย
เพราะหลงหมิงเจ๋อยังไม่ฟื้น ดังนั้นจึงบำรุงร่างกายผ่านทางขวดที่แขวนไว้
เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวและรูปร่างผอมแห้งของลูกชาย ลี่โม่อวี่ก็อดสงสารไม่ได้ แต่ไม่นานความกังวลและปวดใจนี้ก็กลายเป็นแรงจูงใจให้เขาทำให้สองแม่ลูกกลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด
หลังจากทำเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา พบว่าตอนนี้เจ็ดโมงแล้ว แต่เขายังไม่อยากไปทำงาน เขามองฉินอีหลินที่นอนอยู่บนเตียง เขาก็ยังอยากจะทำอาหารให้ฉินอีหลินอีก
ขณะที่เขากำลังจะเข้าครัว ประตูห้องผู้ป่วยก็เปิดออก ลี่โม่อวี่เห็นหยางผิงจูงมือหลงจิ่นเซวียนเข้ามา
หยางผิงผลักประตูเข้าไปเห็นลี่โม่อวี่ในห้องครัวก็พูดกระซิบว่า “ไม่ต้องทำแล้ว แม่ทำอาหารมาให้”
ลี่โม่อวี่มองแม่อย่างซาบซึ้ง ช่วงนี้แม่เป็นคนดูแลหลงจิ่นเซวียน เขาไม่ได้คุยกับเด็กผู้หญิงตัวน้อยมานานแล้ว
หลังจากที่หยางผิงส่งกล่องข้าวให้ลี่โม่อวี่ ทันใดนั้นเธอก็เห็นฉินอีหลินที่นั่งลืมตาอยู่บนเตียง จึงประหลาดใจแล้วพูดว่า “อีหลิน เธอฟื้นแล้วหรอ?”
พอเห็นแม่ลืมตาขึ้นหลงจิ่นเซวียนก็รีบโผเข้าไปกอดแม่แน่น ที่ตาก็มีน้ำตาไหลออกมา
“แม่จ๋า จิ่นเซวียนคิดถึงแม่” เสียงนุ่มผสมเสียงร้องไห้ของหลงจิ่นเซวียนดังขึ้นในห้องพักผู้ป่วย