บทที่ 10 บัตรSUPER VIP
“ยังไงล่ะ เก่งนักไม่ใช่เหรอ เอาบัตรออกมาชำระเงินซิ?” เมื่อเห็นท่าทางของลู่เฉินมองกระเป๋าเงินแบบนั้น พนักงานขายคนแรกได้ทีเยาะเย้ย
เธอไม่เชื่อว่าเขาจะมีเงินจ่ายตั้งห้าแสน เมื่อมองเห็นกระเป๋าเงินของเขาไม่มีบัตรก็ยิ่งได้ใจ
สองสามีภรรยาถอนหายใจอย่างโล่งอก
บอกตามตรงว่าแววตาจริงจังของลู่เฉินเมื่อสักครู่ ทำให้พวกเขาเกิดความกลัวได้ไม่น้อย
พวกเขาได้พูดออกไปแล้ว ถ้าลู่เฉินสามารถซื้อของทั้งหมดในร้านนี้ได้ คนหนึ่งยอมคุกเข่ากราบ อีกคนหนึ่งยอมคุกเข่าเลียรองเท้า
แม้ว่าสุดท้ายแล้วทั้งสองคนคงไม่ทำมันจริงๆ แต่ก็ทำให้ขายหน้าไม่น้อย
“ไอหยา อวดดีจนหูตามัวสินะ เห็นบัตรประชาชนเป็นบัตรธนาคารหรือไง น่าอายจริงๆ” ชายวัยกลางคนพูดขึ้น
“เมื่อกี้ก็บอกไปแล้วนะถ้าไม่มีความสามารถอย่ามาอวดดี ยังไงล่ะทีนี้ ตัวโง่เต็มหน้าเลยฮ่าๆๆ” ภรรยาของเขาหัวเราะเยาะในความอับอายของลู่เฉิน
“ฉีฉีคะ เราไปกันเถอะ” หลินอี้เจียพูดเบาๆ อย่างคนไม่มีแรง พี่เขยแบบนี้เขาไม่อยากจะเห็นอีกต่อไป ช่างขายหน้าจริงๆ
“ไม่เอาค่ะฉีฉีจะอยู่กับคุณพ่อ” เด็กน้อยส่ายหัวและดึงชายเสื้อลู่เฉินไว้แน่น
หลินอี้เจียสงสารฉีฉีจากใจจริง เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกับลู่เฉินว่า “คุณพี่เขยคะ จะอยู่ให้อายเขาไปถึงเมื่อไหร่ถึงจะยอมพาฉีฉีออกไปจากร้านนี้?”
“โถๆๆๆ บางทีพี่เขยคุณอาจจะเป็นพวกซาดิสท์ชอบโดนเยาะเย้ยก็ได้นะ” หูหงที่เงียบเฉยมาโดยตลอดเอ่ยขึ้น
สองวันมานี้เขาดูได้ใจเหลือเกินนะ
ครั้งที่แล้วหลังจากที่เขาสวมรอยเป็นผู้ช่วยเหลือวิกฤตทางธุรกิจของหวังเสวี่ย
หลินอี้เจียก็มีท่าทีต่อเขาเปลี่ยนไปแบบเห็นได้ชัดเจน
แม้เธอจะยังไม่ได้ตอบตกลงเป็นแฟนกับเขา แต่อย่างน้อยก็ไม่ปฏิเสธที่จะออกเดตด้วย
ดังนั้นการที่จะได้หลินอี้เจียมาครอบครองตอนนี้คงไม่ใช่เรื่องยาก อย่างมากก็แค่รออีกสักหน่อย
“อี้เจียไปกันเถอะ พี่เขยเธอจนปัญญาแล้วจริงๆ เดี๋ยวคนอื่นก็เข้าใจผิดคิดว่ามาด้วยกันหรอก” ผู้หญิงหนึ่งในนั้นพูดขึ้นพร้อมส่ายหัว
หลินอี้เจียสีหน้าเปลี่ยนไป เธอไม่สนใจลู่เฉินหรอกว่าจะเป็นอย่างไร แต่เธอเห็นใจฉีฉีมาก
ลู่เฉินแม้จะเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง แต่ทุกคนในครอบครัวล้วนเอ็นดูฉีฉี ถ้าฉีฉีไม่ยอมไปเธอก็ไม่สามารถบังคับได้
“คุณผู้ชายคะ ลืมเอาบัตรมาหรือเปล่า?” พนักงานขายถามด้วยความสงสัย
“อืม รอสักครู่นะครับ ผมจะให้คนเอามาให้” ลู่เฉินพยักหน้าและหยิบมือถือออกมากำลังจะโทรหาลู่จงให้จัดคนส่งเงินห้าแสนมาให้ก่อน
ลูกสาวคนเดียวของเขาชอบชุดนี้ เขาต้องซื้อให้ได้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับศักดิ์ศรี
“ฉางเยี่ยน บ้าไปแล้วหรือไง ถึงตอนนี้เธอยังเชื่อคำพูดเขาอยู่อีกเหรอ?” พนักงานขายคนแรกหัวเราะ
พนักงานที่ชื่อฉางเยี่ยนนั้นได้แต่ฝืนยิ้ม ที่จริงเธอเองก็ไม่ค่อยเชื่อลู่เฉินสักเท่าไหร่
แต่เนื่องในจรรยาบรรณของอาชีพนี้ แม้ว่าลูกค้าจะไม่มีเงินซื้อสักชุดเดียว เธอก็ไม่ควรพูดอะไรออกไป
“คุณผู้ชายคะถ้าไม่รีบชำระเงินก็เชิญออกจากร้านเราไป อย่าได้ทำให้ลูกค้าคนอื่นต้องอารมณ์เสีย ขัดขวางธุรกิจเราเปล่าๆ ค่ะ” พนักงานขายคนแรกพูดขึ้น
“พวกชอบอวดดีมักถูกฟ้าผ่านะ ไสหัวออกไปตอนนี้ยังพอเก็บเศษหน้ากลับไปได้บ้าง อย่ารอให้มีคนมุงดูมากกว่านี้ ถึงเวลาจะหาที่ซุกหน้าไม่ได้” สองสามีภรรยาส่ายหัวเมื่อเห็นใบหน้าที่แท้จริงของลู่เฉิน พวกเขาหมดอารมณ์จะทะเลาะกับคนไม่มีทางสู้เช่นนี้แล้ว
ลู่เฉินมองดูทั้งสองพร้อมกับกดเบอร์ลู่จงกำลังจะโทรออก ก็เหลือบไปเห็นชายหัวล้านวัยกลางคนคนหนึ่งเดินมาทางเขา
“อ้าวท่านประธานสิงนี่นา” ชายวัยกลางคนเห็นชายหัวโล้นเดินมา รีบทำสีหน้ายิ้มแย้มเข้าทักทาย
ชายหัวโล้นเหลือบตาไปมองเขา ไม่ได้ตอบกลับใดๆ แต่เดินตรงมาที่ลู่เฉิน
เขาหน้าซีดด้วยความอายและไม่รู้จะพูดต่อว่าอย่างไร
“นี่คุณ คนคนนั้นเป็นใครกัน?” ภรรยาเขาขมวดคิ้วถามเสียงเบา สามีตนนั้นถือได้ว่ารู้จักผู้คนกว้างขวาง คิดไม่ถึงว่าตาหัวโล้นคนนี้จะไม่ให้เกียรติสามีเธอเลย ทำให้เธอรู้สึกโมโหเล็กน้อย
“ประธานใหญ่ของตึกนี้ สิงปิง สถาบันการเงินเบื้องหลังเขาคือกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ย” ชายกลางคนกล่าวเสียงเบา
ภรรยาเขาพยักหน้ารับรู้ ไม่น่าล่ะเขาถึงกล้าเพิกเฉยต่อคำทักทายของสามีหล่อน ที่แท้เป็นผู้มีตำแหน่งใหญ่โตนี่เอง
อย่าว่าแต่กลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยเลย แค่ร้านในห้างนี้เมื่อก่อนสองสามีภรรยาอยากเข้ามาเช่าพื้นที่ยังไม่มีปัญญาเลย
“เขามาซื้อเสื้อผ้าให้ลูกเหมือนกันเหรอ?” ภรรยาเขาถามขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อเห็นสิงปิงเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์
“น่าจะใช่” ชายกลางคนตอบ ขณะนี้สิงปิงเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าลู่เฉิน
“คุณชายลู่ เป็นคุณจริงๆ ด้วย ผมคิดว่ามองผิดเสียอีก” ชายหัวโล้นกล่าวทักทายลู่เฉินด้วยความเคารพ
“คุณคือ……” ลู่เฉินมองดูสิงปิงด้วยความสงสัย
“ผมชื่อสิงปิง เป็นผู้รับผิดชอบห้างซินเทียนเจ๋อครับ” สิงปิงตอบกลับด้วยความนอบน้อม
เมื่อหลายวันก่อนลู่จงได้เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดของกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ย เนื้อหาหลักของการประชุมคือประกาศตัวทายาทสืบสกุลลู่อย่างเป็นทางการ จัดแสดงรูปภาพของลู่เฉินแก่ผู้บริหารทั้งหลายได้รับทราบ แจ้งว่าหากผู้ใดพบเจอลู่เฉินให้แสดงความเคารพนอบน้อม เพื่อป้องกันการเสียมารยาทต่อผู้สืบสกุล
ในฐานะผู้จัดการห้างซินเทียนเจ๋อ แน่นอนว่าสิงปิงได้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย
เขาได้เห็นรูปภาพของลู่เฉินและจำได้ว่าบุคคลที่มาเยือนห้างเขาในวันนี้คือลู่เฉินไม่ผิดแน่ จึงรีบเข้ามาทักทายโดยไม่รีรอ
หลินอี้เจียและเพื่อนๆ ไม่รู้จักสิงปิง จึงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ
แต่เมื่อชายวัยกลางคนเห็นเจ้าของห้างแห่งนี้แสดงความเคารพต่อบุคคลที่พวกเขาเพิ่งหัวเราะเยาะไปเมื่อครู่ สีหน้าซีดเผือดลงในพริบตา
แม้สิงปิงยังต้องโค้งให้ความเคารพเช่นนี้ เขาเป็นใครกันแน่ หรือจะเป็นบุคคลสำคัญของกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ย?
“อ๋อครับ ผมเข้าใจแล้ว” ลู่เฉินพยักหน้าตอบรับ หลังจากได้สืบทอดตระกูลอย่างเป็นทางการ เขารู้ว่ากลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยมีธุรกิจใดบ้างที่ต้องดูแล ดังนั้นการที่สิงปิงรู้จักเขาไม่ใช่เรื่องแปลก
“คุณชายลู่ นี่คือบัตรSUPER VIPใบเดียวสำหรับห้างแห่งนี้ หากต่อไปคุณชายลู่มาจับจ่ายใช้สอยที่นี่สามารถใช้บัตรนี้ได้ในทุกร้านเลือกซื้อสินค้าตามใจชอบ ทางห้างจะดำเนินการชำระเงินแก่ร้านค้าเองครับ” สิงปิงหยิบบัตรสีม่วงขอบทองใบหนึ่งออกมามอบให้ลู่เฉิน
ลู่เฉินรับบัตรไป มองแล้วพูดว่า” บัตรใบนี้สามารถซื้อเสื้อผ้าทุกชิ้นในร้านนี้ได้ไหม?”
“ได้แน่นอน เพียงแค่แสดงบัตรนี้ คุณชายลู่จะเอาสินค้าทั้งหมดไปก็สามารถทำได้ครับ” สิงปิงรีบพยักหน้าตอบรับ บัตรใบนี้เป็นเหมือนสัญลักษณ์แสดงตัวตน เมื่อครั้งออกแบบไว้ก็รอคอยวันนี้มาเสมอ
“โอเค ถ้าอย่างนั้นรบกวนจัดส่งเสื้อผ้าเด็กผู้หญิงทั้งหมดให้ผม ส่วนเสื้อผ้าเด็กผู้ชายรบกวนบริจาคไปที่บ้านเด็กกำพร้าทีนะ” ลู่เฉินพูด
พนักงานขายทั้งสองคนยืนตกตะลึงต่อเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่ได้สติ
ลู่เฉินไม่ได้พกบัตรธนาคารมาก็จริง แต่บัตรSUPER VIPของเขาใบนี้ใช้สะดวกกว่าบัตรธนาคารด้วยซ้ำ
ทุกครั้งที่อบรมพนักงานห้าง ผู้จัดการเน้นย้ำเสมอว่าหากพบเจอผู้ที่ใช้บัตรนี้ในห้างร้านเพื่อซื้อสินค้า ไม่ว่าราคาแพงเท่าใดทางร้านค้าต้องให้บริการอย่างดีและห้ามคิดเงินเจ้าของบัตรนั้น บรรดาพนักงานพบเห็นบัตรนี้ในวิดีโออบรมทุกวัน พวกเขาจำมันได้ขึ้นใจ
“ยืนมองอะไรอยู่ล่ะ รีบจัดการซิ!” สิงปิงเห็นพนักงานสองคนนั้นยืนนิ่งเฉยจึงได้หันไปตำหนิ
พนักงานทั้งสองได้สติจึงรีบจัดแจงพับเสื้อผ้าเด็กผู้หญิง แม้แต่พนักงานเเคชเชียร์เองเมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายเรียบร้อยแล้วก็มาช่วยจัดเก็บด้วย
สิงปิงหยิบมือถือขึ้นมาสั่งให้คนงานนำเสื้อผ้าเด็กผู้ชายไปบริจาคแก่บ้านพักเด็กกำพร้า
ตอนนี้สายตาของลู่เฉินมองกำลังมายังสองสามีภรรยาอย่างช้าๆ