ซิงอ้านแบกหีบของเขามาเหมือนที่เคย เขายังอยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มในชุดขาว เหมือนซิงอ้าน คนที่ฉินมู่พบในป่าผลไม้ กระนั้นทั้งสองคนนี้ก็ดูแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ราวกับว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันเลยสักนิด
ฉินมู่สะท้านใจ นอกจากราชครูสันตินิรันดร์แล้ว บุคคลเดียวในโลกที่เขาอาจจะเกรงกลัว ก็คือซิงอ้าน
ราชครูสันตินิรันดร์เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และมีหลักการของเขาในการกระทำสิ่งต่างๆ ผู้คนที่ขัดขวางมรรคาของเขาก็จะถูกกำจัด แต่ตราบใดที่ไม่ไปขวางทางเขา เขาก็จะยังเป็นสหายที่ดีต่อไป
ซิงอ้านนั้นแตกต่าง
เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวของเขาคือการเก็บสะสม มันคือการเก็บสะสมชิ้นส่วนร่างเนื้อของยอดยุทธฝีมือแกร่งที่บรรลุเขตขั้นเทวะในด้านใดด้านหนึ่งอันกระตุ้นเร้าความอยากของเขา!
งานอดิเรกของเขาคือการแย่งชิงสิ่งที่เขาต้องการจากคนผู้อื่น แต่เขาจะไม่สังหารผู้คนเหล่านั้น กลับจะเลี้ยงเอาไว้เผื่อว่าจะมาเก็บเกี่ยวในคราวหลัง
เขาแข็งแกร่งจนเกินจินตนาการ
ลัทธินักบุญสวรรค์นั้นยังมิใช่ลัทธินักบุญสวรรค์เมื่อครั้งเก่าก่อน แต่ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกหล้าได้มารวมตัวกันที่นั่น กล่าวได้ว่ายอดฝีมือขั้นหัวกะทิแห่งจักรวรรดิสันตินิรันดร์ครึ่งหนึ่งได้มารวมตัวกันที่นั่นในเวลานั้น แต่กระนั้นพวกเขาทั้งหลายก็ประสบความพ่ายแพ้ย่อยยับภายใต้น้ำมือของบุรุษเพียงผู้เดียว ในท้ายที่สุดก็ต้องอาศัยยาบำรุงที่ฉินมู่หลอมปรุงขึ้นมาถึงสามารถพลิกชนะมาได้
ถึงแบบนั้น หลี่เทียนซิ่ง จ้าวลัทธิคนก่อนแห่งลัทธิมารฟ้า ก็ยังคงตกตายในการต่อสู้ เหลือแต่ยายเฒ่าซีเพียงผู้เดียว
หลังจากการต่อสู้ ผู้คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ต้องนอนแซ่วบนเตียงคนป่วยอยู่มากกว่าสิบวัน
กำลังการต่อสู้ของซิงอ้านเป็นสิ่งที่ฉินมู่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้นซิงอ้านยังเต็มไปด้วยพรสวรรค์ และได้ตรึกตรองเข้าใจมรรคา วิชา และทักษะเทวะทั้งหลายทั้งมวลถึงสุดขีดขั้ว วิชาเสกสรรของเขานั้นเรียนรู้มาจากผานกงสั่วอีกทอด แต่กลับสูงล้ำถึงขั้นที่ฉินมู่ไต่ไปไม่ถึง!
ตัวตนเช่นนี้น่าสะพรึงกลัวจนเกินไป
ฉินมู่หันกลับไปมองยังยอดเขาทองคำ และมองเห็นแสงพุทธธรรมที่สาดส่องขึ้นไปบนฟากฟ้า หลวงจีนปีศาจมากมายบนภูเขาอยู่ในกิริยาและปางต่างๆ กัน พวกเขานั่ง ไม่ก็หมอบ และบางคนก็ยืนขาเดียว ปีกกางออกมา ส่วนใหญ่แล้วจะมีท่วงท่าและสีหน้าอันไม่ซ้ำกัน พวกเขานั้นกำลังขับเคลื่อนวิชาพุทธะพร้อมกับยูไลน้อยเพื่อเปิดดวงตาเห็นธรรมให้แก่เทพหมอผีขุย
บนท้องฟ้าเหนือยอดเขาทองคำ แสงพุทธได้ควบแน่นเป็นสสารที่จับต้องได้ ราวกับน้ำหลากสีทอง มันรวบรวมเข้าก่อขึ้นเป็นแท่นบัวสีทองอร่าม บนนั้น สรวงสวรรค์ยี่สิบชั้นปรากฏอยู่พร้อมกับพุทธเจ้าและเทวะทุกชนิดขนาด พวกเขาล้วนแต่น่าเกรงขามและสำรวม ธรรมะแผ่ไพศาล การเคลื่อนไหวน่าแตกตื่น และเสียงพุทธก็กึกก้องสะท้อนไปมาไม่หยุดหย่อน!
ธรรมะอันเกริกไกรและน่าเกรงขามเช่นนี้ ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงเบื้องหน้าซิงอ้าน ฉินมู่คิดในใจ
ในเมื่อยอดฝีมือแห่งวัดน้อยฟ้าคำรามกำลังสะกดข่มและแสดงธรรมเปิดดวงตาให้แก่เทพหมอผีขุย พวกเขาก็ไม่มีเวลาจะมาใส่ใจซิงอ้าน และต่อให้พวกเขาหันมาจัดการ ก็มิใช่คู่มือของเขาอยู่ดี
แม้ว่าวัดน้อยฟ้าคำรามจะมีจอมปีศาจในขั้นจ้าวลัทธิอยู่จำนวนหนึ่ง แต่เผื่อต้องเผชิญกับตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวอย่างซิงอ้าน พวกเขาก็คงทำได้เพียงถ่วงเวลาเท่านั้น จากนิสัยใจคอของยูไลน้อย เขาอาจจะไม่ยื่นมือช่วยข้าเลยด้วยซ้ำ ฉินมู่ตั้งสติ คนเดียวที่ข้าพึ่งพาได้ก็คือตัวข้าเอง พิษ วิชาหมื่นจิตวิญญาณธรรมชาติ ข้าไม่รู้ว่าพวกมันจะสามารถใช้จัดการเขาได้ไหม…
เขาไม่ค่อยมั่นใจเลย
ซวีเซิงฮวาและลิงยักษ์อสูรเองก็พบว่าเกิดอะไรขึ้นจึงรีบเหาะเข้ามา
“คนที่แบกหีบนั่นมาคือใคร” ซวีเซิงฮวาถามด้วยเสียงเบา “แข็งแกร่งอะไรอย่างนี้ เขาเป็นเทพเจ้าหรือ”
ฉินมู่มีสีหน้าเคร่งขรึม “เขานั้นรับมือยากยิ่งกว่าเทพเจ้าเสียอีก ทุกส่วนบนร่างกายของเขาบรรลุเขตขั้นเทวะ นั่นรวมถึงโลหิต จิตวิญญาณดั้งเดิม และปราณชีวิต อีกอย่างข้ายังหาแหล่งชีวิตของเขาไม่เจอ…”
ซวีเซิงฮวาสะดุ้งโหยง “เทพเที่ยงแท้?”
“ไม่ แต่ก็ใกล้มาก” ฉินมู่กัดฟันแน่น
ซิงอ้านเดินขึ้นภูเขาอย่างไม่ช้าไม่เร็วพลางแบกหีบไปด้วย ผานกงสั่วได้สกัดจุดปิดเส้นเลือดที่ขาของเขา และกำลังวิ่งตะบึงขึ้นมาด้วยสองแขนตามเขาขึ้นมา
ส่วนขากวางสองข้างนั้น เขาไม่ไปหยิบมัน
“พี่ที่นับถือซิงอ้าน ตอนนี้ท่านก็รู้แล้วใช่ไหมว่าข้าไม่ได้โกหก” ผานกงสั่วแย้มยิ้มและกล่าว “ข้าสัมผัสได้ถึงตัวตนของเขาจากที่นี่ ดังนั้นลาหัวโล้นพวกนี้คงจะไปลักพาตัวจิตวิญญาณดั้งเดิมของอาจารย์ข้ามา ดูที่แสงพุทธธรรมพวกนั้นสิ ไอ้พวกไร้ขื่อแปพวกนี้คงจะหมายป่นทำลายอาจารย์ของข้า”
ซิงอ้านส่ายหัว “พวกเขาไม่ได้พยายามป่นทำลายเขา แต่เปิดดวงตาเห็นธรรมให้เขา ยูไลน้อยเป็นผู้ฝึกวิชาเทวะที่มีวรยุทธใช้ได้เลยทีเดียว ทัดเทียมกับนักพรตหลิงจิ่ง เมื่อข้าไล่ตามหลิงจิ่งเพื่อโลหิตเทวะของเขา เขาก็กล่าวว่ายูไลน้อยได้ฝึกปรือปราณชีวิตจนเทียบเท่าเทพเจ้า”
“ข้ารู้สึกว่ายูไลน้อยนี้ก็ควรค่าแก่การสะสมด้วยเช่นกัน แต่ทว่าตอนนั้นอาการป่วยไข้แฝงเร้นของข้าได้ปรากฏขึ้นมาในร่างกาย ดังนั้นข้าจึงไม่ได้แตะต้องเขา”
ผานกงสั่วเดินไปด้วยสองแขนข้างหลังเขา แม้ว่าย่างเท้าของซิงอ้านจะดูไม่รวดเร็ว แต่กลับเดินทางไปได้ไกลในพริบตา นี่ทำให้ผานกงสั่วเหนื่อยจนลิ้นห้อย
เขายิ้มแห้งๆ แล้วกล่าว “หลังจากท่านได้จิตวิญญาณดั้งเดิมของอาจารย์ข้าและสังหารยอดหมอเทวดาฉินเพื่อล้างแค้นแล้ว ท่านจะทำตามที่รับปากไว้ใช่ไหม”
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะให้เจ้าในสิ่งที่ข้าสัญญาไว้อย่างแน่นอน” ซิงอ้านกล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย หลังจากที่เขาต่อขาสองข้างแล้ว ข้าก็จะตัดมันออกอีกครั้ง ด้วยวิธีนี้ ก็จะไม่เป็นการผิดสัญญา
แสงพุทธธรรมเรืองรองยิ่งกว่าเดิมบนยอดเขาทองคำ และดอกบัวทั้งหลายก็ดูราวจะถูกยกชันขึ้นไปด้วยพละกำลังอันเกินหยั่งคะเน แสงพุทธภายใต้บัลลังก์บัวนั้นสาดส่องออกไปทั่วทิศราวกับน้ำหลาก สร้างเสียงกระหึ่มของคลื่นอันซัดเข้าหน้าผาฝั่งทะเล!
“ไอ้ลาหัวโล้น ยอดฝีมือร้ายกาจมาที่ตีนเขาแล้ว ข้าไม่ว่างมาละเล่นกับพวกเจ้าแล้ว!”
เสียงกึกก้องสะท้านพิภพของเทพหมอผีขุยดังออกมา และปราณมารอันเดือดพล่านของเขาก็ลอยคลุ้มฟ้า ปราณสีดำทมิฬเป่าไล่รังสีแสงพุทธธรรม และดอกบัวอันปกคลุมไปทั่วภูเขาทองคำก็สะท้านหวั่นไหวจากแรงกระแทก ข้างบนนั้น สรวงสวรรค์ทั้งยี่สิบชั้นก็สะเทือนโยกคลอนและรูปเงาของเทวดาและพุทธเจ้าทั้งหลายในสวรรค์ก็กะพริบวูบวาบราวกับว่าจะดับหายไปได้ทุกขณะจิต
“คุมกระบวนพยุหะไว้ให้มั่น!” คำบัญชาของยูไลน้อยดังมาจากใต้ดอกบัว หลวงจีนปีศาจแห่งวัดน้อยฟ้าคำรามสวดภาวนาด้วยเสียงพุทธอันกังวาน แสงพุทธธรรมสาดส่องจากบริเวณรอบๆ กลายเป็นเจิดจ้ายิ่งขึ้น
แสงพุทธธรรมควบแน่นขึ้นเป็นห่วงรัดอันลอยตรงไปยังดอกบัวทองคำ ร่องรอยของแสงพุทธเหล่านั้นราวกับรากของดอกบัว ปลิวสะบัดจากยอดเขาทองคำและยอดอื่นๆ ใกล้เคียง
เทพหมอผีขุยตะโกนด้วยความเดือดดาลด้วยภาษามารอันซับซ้อน มันเป็นเสียงที่ฟังแล้วกระอักกระอ่วน แต่ก็มีความพิสดารในนั้น ทำให้ฉินมู่อึ้งไป นี่มันไม่ใช่ภาษามารที่ข้าเคยเรียนมาก่อน การออกเสียงนี่คล้ายกับภาษาแดนใต้พิภพ! หรือเทพหมอผีขุยจะมาจากแดนใต้พิภพจริงๆ!
เขารู้อะไรมากมายเกี่ยวกับภาษาแดนใต้พิภพ เขาเคยเรียนมาแค่ประโยคเดียวเท่านั้น อันราชามารตู้เถียนเป็นผู้สอน ส่วนว่าที่ออกมาจากปากของเทพหมอผีขุยจะเป็นภาษาแดนใต้พิภพหรือไม่ เขาก็ไม่ทราบแจ้ง
เสียงมารจากปากของเทพหมอผีขุยยิ่งกึงก้องกังวานและชั่วร้ายมากขึ้นทุกที ทันใดนั้นก็มีประตูปรากฏขึ้นมาข้างๆ บัลลังก์บัว ร่องรอยของแสงมืดไหลรั่วออกมาและต่อสู้ขับเคี่ยวกับสวรรค์ยี่สิบชั้น
แอ๊ด
เสียงเสียดสีบาดหูดังมาเมื่อประตูแง้มออกมาจริงๆ แต่ทันใดนั้น เสียงพุทธก็พุ่งเข้ามาถล่มและปิดประตูนั้นเอาไว้
ตูม!
ร่างของเทพหมอผีขุยพลันขยายออก และผงาดขึ้นมาจากบาตรทองคำ เขายกบัลลังก์บัวขึ้นและคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “หากไม่ใช่เพราะศิษย์ข้าวางแผนร้ายใส่และฉีกกระชากจิตวิญญาณดั้งเดิมและกายเนื้อของข้าออกจากกัน ข้าจะถูกลาหัวโล้นอย่างพวกเจ้าสยบเอาไว้ได้หรือ!”
ทั้งสองฝ่ายคัดง้างกันอย่างติดพัน ทันใดนั้นยูไลน้อยตะโกนออกมา และสารีริกธาตุเม็ดหนึ่งก็พุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของเขา มันทะยานไปยังรูปเงาของสรวงสวรรค์ยี่สิบชั้น
พวกมันเป็นแค่รูปเงา แต่สารีริกธาตุกลับบินไปข้างในเป็นระยะทางอันยาวไกล
ในรูปเงาของสรวงสวรรค์ พุทธเจ้าตนหนึ่งพลันยื่นมาออกมาคว้าสารีริกธาตุและถือไว้ในมือของเขา จากนั้นเขาก็ปล่อยมันไป และสารีริกธาตุก็ลอยขึ้นบนอากาศ ภายใต้แสงเรืองรองของมัน บัลลังก์บัวและสรวงสวรรค์ทั้งยี่สิบก็ดูจะก่อขึ้นมาเป็นวัตถุกายภาพ
เสียงพุทธอันดังมาจากสรวงสวรรค์ยี่สิบชั้นกลายเป็นกังวานแซ่ซ้องและทำให้เทพหมอผีขุยต้องคุกเข่าลง
ซิงอ้านตาเป็นประกายและลมหายใจของเขาก็ฟืดฟาดเร่งร้อน เขาเอ่ยชม “ผู้สูงศักดิ์ อาจารย์ของเจ้าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ คุณภาพจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขานั้นล้ำเลิศอย่างสุดๆ ข้าต้องการมัน! หลวงจีนนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน ดูเหมือนว่าปราณชีวิตของยูไลน้อยจะเป็นดังที่นักพรตหลิงจิ่งบอกและได้บรรลุถึงเขตขั้นเทวะ พลังธรรมะของเขาเข้มข้นถึงขนาดที่ว่าเกือบจะเปิดสรวงสวรรค์ชั้นที่ยี่สิบได้แล้ว”
ผานกงสั่วสะท้านใจ และเขาร้องออกมา “ศิษย์พี่ซิงอ้าน ท่านหมายความว่าอย่างไรที่ว่ายูไลน้อยกำลังจะเปิดสรวงสวรรค์ชั้นที่ยี่สิบ”
“ครั้งหนึ่งข้าเคยบุกเข้าไปในวัดใหญ่ฟ้าคำรามเพื่อจับยูไลเฒ่าเป็นตัวประกันและแย่งชิงเจดีย์หมื่นพุทธอันมีกายสังขารของยูไลมากมายอันบรรลุเขตขั้นเทวะอยู่ในนั้น”
ซิงอ้านเดินไปยังยอดเขาทองคำ ไม่สนใจฉินมู่ ซวีเซิงฮวา และลิงยักษ์อสูร เขาเงยศีรษะขึ้นมองไปยังบัลลังก์บัวและเทพหมอผีขุยพลางกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “แต่ถึงแม้ว่า ยูไลเฒ่าจะไม่ใช่คู่มือของข้า แต่เขาใช้การสั่นพ้องของพลังธรรมะเพื่อกระตุ้นเร้ากายสังขารของยูไลรุ่นก่อนๆ เขาหักเข้าไปในพุทธเกษตรสรวงสวรรค์ชั้นยี่สิบด้วยกำลัง”
“จุ๊ๆ นั่นก็แข็งแกร่งสุดๆ และทำให้ข้าแทบจะหนีออกไปไม่รอด วัดใหญ่ฟ้าคำรามและสำนักเต๋านั้นเหนือธรรมดาและมีรากฐานอันแน่นหนา ดังนั้นจึงยากที่จะบุกเข้าไป แม้ว่าวรยุทธของยูไลน้อยจะสูงส่ง แต่เขาไม่มีเจดีย์หมื่นพุทธ มีเพียงภูเขาอันเต็มไปด้วยหลวงจีนปีศาจ เขาย่อมไม่สามารถเปิดสรวงสวรรค์ยี่สิบชั้นแห่งพุทธเกษตรได้ แต่ทว่าเขาได้ส่งสารีริกธาตุของตนเองเข้าไปยังพุทธเกษตรและเหนี่ยวนำเอามหิทธานุภาพของพุทธเจ้าเที่ยงแท้เข้ามา ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
ฉินมู่ทักทายซิงอ้านและกล่าวด้วยความตื่นตระหนก “วัดใหญ่ฟ้าคำรามมีวิธีการเช่นนั้นด้วยหรือ”
ซิงอ้านลูบเบาๆ และเฉือนตัดเอาเส้นแสงพุทธธรรมข้างใต้ดอกบัว ดอกบัวพลันเหี่ยวเฉา และสรวงสวรรค์ทั้งยี่สิบชั้นก็ค่อยๆ จางลงและหายไปในที่สุด
ยูไลเฒ่าและคนอื่นๆ กระโดดโหยงด้วยความตกใจและหันมามองซิงอ้านเป็นสายตาเดียวกัน ยูไลน้อยลุกขึ้นและให้สัญญาณหลวงจีนปีศาจว่าอย่าลงมือโดยพละการ ขณะที่เขาเดินตรงเข้ามา
ซิงอ้านนั้นไม่สะทกสะท้านและหันหน้าไปทักทายฉินมู่ “ถูกต้องแล้ว ยอดหมอเทวดาฉิน”
แม้ว่าเขาจะมีความแค้นลึกล้ำกับฉินมู่ แต่ก็ยังคงสุภาพและไม่ลืมมารยาท ฉินมู่ชื่นชมเขาเป็นอย่างยิ่ง
ผานกงสั่วเองก็มายังยอดเขาทองคำ ใช้มือยันร่างตนเองเดินขึ้นมา เขาแย้มยิ้ม “พี่ที่นับถือฉิน ข้าเชื่อว่าเจ้าคงสบายดีสินะ หลังจากครั้งล่าสุดที่เพิ่งเจอกันมา?”
“ขอบคุณสำหรับคำอวยพร ข้าสบายดี” ฉินมู่กล่าว “ผู้สูงศักดิ์ อาจารย์ของเจ้า เทพหมอผีขุยนั่นอยู่ตรงนั้น และแมลงวิญญาณในตัวเขาถูกป่นทำลายจนเกือบหมดแล้ว ดวงตาเขาก็แทบลุกเป็นไฟราวกับกำลังเผชิญศัตรูคู่อาฆาต เจ้าไม่กลัวหรือว่าอาจารย์เจ้าจะสักการะเจ้าให้ตายน่ะ”
ผานกงสั่วยืนอยู่บนพื้นด้วยขาขาดสองข้างของเขา และทักทายกลับไปด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์จะมาสักการะลูกศิษย์ เรื่องเหลวไหลอย่างนั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ใช่ไหม ท่านอาจารย์?”
เสียงกัดฟันกรอดดังมาจากปากเทพหมอผีขุย
ยูไลน้อยเดินเข้ามา และซิงอ้านก็คารวะทักทายเขา “ซิงอ้านน้อมพบยูไลเหยียนติ้ง”
ยูไลน้อยสีหน้าแปรเปลี่ยน และเขาคารวะตอบกลับไป “ศิษย์พี่ซิงอ้านมาที่นี่เพื่อเอาชีวิตข้างั้นหรือ”
“หามิได้ ข้ามาเพียงเพื่อเอาชีวิตหมอเทวดาฉิน จิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพหมอผีขุย และการฝึกปรือปราณชีวิตของยูไลเหยียนติ่ง น้อยครั้งนักที่ข้าจะสังหาร นอกจากไอ้เด็กต่ำช้าที่จะต้องตายนี่แล้ว คนอื่นๆ เชิญมีชีวิตกันต่อได้ ตราบเท่าที่ไม่โจมตีตอบโต้” ซิงอ้านกล่าวอย่างน่าชื่นตาบาน
ฉินมู่ปิดปากแน่นด้วยความเดือดดาล
………………………………