บทที่ 240 การแก้แค้นของบ้านโจวมาถึงแล้ว
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกมันเป็นใคร ไม่ใช้สำเนียงการพูดของยวี่โจวบ้านเรา แต่ก็ไม่รู้จักพวกเขาจริงๆ” จางเหว่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่น
เขารู้ตัวว่าเขาแย่แน่ๆ ทรยศลู่เฉิน เขารู้ว่าเขาต้องตายแน่ เพียงแต่เขาต้องการช่วยแม่ออกมา ก่อนที่เขาจะต้องตาย เขาเชื่อว่าลู่เฉินสามารถช่วยแม่ของเขาได้
“ติดต่อมันได้ไหม?”ลู่เฉินถาม
“ได้ ครับ”จางเหว่ยตอบกลับ
ลู่เฉินพยักหน้าเฉยๆและไม่พูดอะไรอีก
“ติดต่อได้ ก็ดีโทษหนักจะได้เป็นเบา ” ตู้เฟยเห็นว่าลู่เฉินไม่ได้ตั้งใจที่จะฆ่าจางเหว่ย
ถึงแม้ว่าลู่เฉินจะไม่พูดอะไร แต่ลู่เฉินคงไม่คิดจะทำอะไรจางเหว่ยหรอก เพราะว่านี่เป็นคนของเขา ลู่เฉินเคารพเขา จึงได้ปล่อยให้เขาเป็นคนจัดการเอง
“ขอบคุณมากครับคุณชายเฉิน ขอบคุณมากครับพี่เฟย” จางเหว่ยคุกเข่าเคารพลู่เฉินและตู้เฟยอย่างต่อเนื่อง
“บทลงโทษตามกฎคือหักนิ้วสามนิ้ว ไล่ออกจากSakura Club ” ตู้เฟยพูดอย่างเย็นชา
ทุกคนไม่มีท่าทีที่เปลี่ยนไป ถึงแม้ว่าจางเหว่ยจะได้ยินบทลงโทษจากตู้เฟย ก็ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวแต่อย่างใด
เห็นได้ชัดว่าเมื่อเขารวมตัวกับลูกพี่ใหญ่อย่างตู้เฟยแล้ว จางเหว่ยก็ถือเป็นคนที่ใจนักเลงคนหนึ่ง
ถ้าไม่ใช่แม่ของเขาถูกฝ่ายตรงข้ามจับไป เขาคงที่จะไม่ทำเรื่องทรยศลู่เฉินนี้
“ขอโทษครับ พี่ ” หูเปียวหยิบมีดสั้นของเขามาที่ข้างๆจางเหว่ย
กฎของ Sakura Club หูเปียวเป็นผู้บังคับใช้ ใครที่ละเมิดกฎ ปกติแล้วเขาจะเป็นคนใช้มีดฆ่าด้วยตัวเขาเอง
จางเหว่ยแสดงสีหน้ากังวัล แต่เขาไม่ได้ต่อต้าน และรู้ดีว่าหากต่อต้านจะถูกฆ่า ดังนั้นเขารีบนำแขนซ้ายยืนไปที่บนโต๊ะ จากนั้นงอนิ้วชี้และนิ้วก้อย
มีดในมือหูเปียวหลนลง ได้ยินเพียงเสียง ‘ซ่า’ นิ้วทั้งสามของจางเหว่ยถูกสับลง
ถึงแม้ว่าจางเหว่ยก็เป็นคนโหดเหี้ยม แต่เมื่อนิ้วทั้งสามถูกตัดลงทันที ความเจ็บปวดที่บีบหัวใจรุนแรงนั้น ส่งผลให้เขาทนไม่ได้ที่จะร้องออกมาอย่างทรมาน
“อาหู ช่วยเขาห้ามเลือดก่อนสิ ” ตู้เฟยพูดอย่างไร้เยื่อใย
หูเปียวหาผ้ากอซมา และพันนิ้วที่ขาดของจางเหว่ย จากนั้นก็เอานิ้วที่ขาดทั้งสามของเขาใส่ถุงเล็ก ๆ
“พี่เฟย เห็นแก่ที่ผมอยู่กับพี่มานาน ขอร้องพี่ช่วยแม่ของผมหน่อยเถอะ พวกเขามีปืน ผมคนเดียวไม่สามารถช่วยแม่ของผมได้”จางเหว่ยคุกเข่าขอร้องวิงวอนต่อหน้าตู้เฟย
“ติดต่อฝั่งตรงข้ามได้เมื่อไหร่ ฉันจะช่วยแม่ของแกออกมา แต่นับจากนี้ไปแกไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสโมสรของเราอีก” ตู้เฟยพูด
แม้ว่าเขาจะเป็นคนโหดเหี้ยม แต่เขาก็ไม่ได้ใจร้ายกับพี่น้องของเขามากนัก
แม้ว่าจางเหว่ยจะทรยศต่อลู่เฉิน เดิมทีเขาต้องการฆ่าจางเหว่ย แต่เนื่องจากลู่เฉินไม่ต้องการฆ่าจางเหว่ย แล้วทำไมจึงจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะช่วยจางเหว่ยเป็นครั้งสุดท้าย
“ขอบคุณมากพี่เฟย” จางเหว่ยคุกเข่าพูด
ตู้เฟยกระพริบตาให้หูเปียว แล้วพูดว่า “ไปเถอะ ฉันจัดการพาแกไปส่งที่โรงบาลก่อน”
จางเหว่ยพยักหน้า หยิบนิ้วที่ขาดและออกไปจาก Sakura Club
“ปลุกมันและถามให้ฉันว่าใครพยายามจะฆ่าฉัน” ลู่เฉินมองไปที่นักฆ่าที่ยังไม่ได้สติ อยู่ที่พื้นและพูดกับคนของตู้เฟย
นี่ไม่ใช่นักฆ่ามืออาชีพ ลู่เฉินรู้สึกว่าไม่น่าจะใช้นักฆ่ามืออาชีพเพราะฝีมือไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น
หลิวอี้และทั้งสามพยักหน้า และหลังจากมัดตัวนักฆ่าแล้ว พวกเขาก็ยกลงอ่างน้ำเย็นขึ้นมาสาดเพื่อปลุกเขา
นักฆ่าตื่นขึ้นมา และมองสถานการณ์ของตัวเองอย่างชัดเจน เขาไม่ตื่นตระหนกเขาดูสงบ
ลู่เฉินไม่ได้พูดอะไร หลิวอี้และทั้งสามเข้าใจความหมายของลู่เฉิน ไม่ถามตอบคำถาม สำหรับนักฆ่าคือการโจมตี
นักฆ่าดื้อรั้น ถูกตีจนเลือดออกปาก พวกเขาก็ยังไม่เปิดปากร้องขอชีวิต
“ปากยังแข็งสินะ อาอี้ ไปเอาไม้ไผ่มาให้ฉันหน่อย ” ตู้เฟยมองไปที่นักฆ่าและพูดติดตลก
เมื่อได้ยินตู้เฟยถามหาไม้ไผ่ ทุกคนก็รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร
นี่คือความทรมานด้วยการเจาะเล็บ
ก่อนหน้านักฆ่าถูกตีจนอ้วกเป็นเลือด ไม่มีท่าทีขยับง่ายๆ หลังจากได้ยินคำพูดของตู้เฟย สีหน้าก็เปลี่ยนไปมาก
นิ้วทั้งสิบนิ้วเชื่อมต่อกับไม้ไผ่เจาะนิ้ว ลองคิดดูมันทำให้คนสั่นไปทั้งตัว ถึงแม้ว่าจะเป็นนักฆ่า แต่สีหน้าก็แสดงถึงความหวัดกลัว
หลังจากนี้ไม่นาน หลิวอี้ก็ไปเอาไม้จิ้มฟัน 10 อัน ถึงแม้ว่าความน่ากลัวจะไม่ทำให้คนกลัวเท่ากับไม้ไผ่ แต่ผลลัทธ์ก็คือต้องการชีวิตเหมือนกัน
“พวกแกอยากถามอะไร ถ้าฉันรู้จะบอก” เมื่อเห็นตู้เฟยจับมือพวกเขา และกำลังจะเจาะเข้าไป สุดท้ายนักฆ่าก็พูดขึ้น
การเจาะเล็บเป็นหนึ่งในการทรมานที่มีชื่อเสียงในสมัยโบราณ แม้ว่านักฆ่าจะไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แต่ขาของเขาก็อ่อนแรงลง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้
แต่เมื่อเขาอ่อนลง ตู้เฟยก็ไม่ได้ให้โอกาสพวกเขา ซ้ำยังหยิบไม้จิ้มฟันอันหนึ่งขึ้นมา เจาะเข้าไปที่นิ้วชี้ข้างซ้ายของนักฆ่า
“โอ้ย!!!!!!”
เสียงร้องด้วยความเจ็บป่วยของนักฆ่า ทั้งมือซ้ายสั่นสะท้านอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นความเจ็บปวดที่รุนแรงที่ทำให้เขาไม่สามารถทนได้
“ใครส่งแกมา” ตู้เฟยหยิบไม้จิ้มฟันอีกอันหนึ่งขึ้นมาพูดคุย
“ไม่รู้…….” นักฆ่าส่ายหัวไปมา แต่เขายังพูดไม่ทันจบ ตู้เฟยก็เจาะไม้จิ้มฟันอันที่สองเจาะเข้าไปที่นิ้วนางข้างซ้าย
นักฆ่าคร่ำครวญอีกครั้งและรีบพูดโดยไม่รอให้หายใจ “ฉันไม่รู้จริงๆว่าพวกเขาเป็นใคร พวกเขาเพียงแค่ให้เงินพวกฉัน ส่งให้ฉันฆ่าคนในรูปนี้ และพวกเขายังให้ข้อมูลฉันด้วย แต่ก่อนที่ฉันจะจากไปฉันได้ยินไม่ชัดว่าพวกเขาพูดอะไรเกี่ยวกับเถ่าแก่โจว”
เถ้าแก่โจว?
ลู่เฉินสะดุ้ง นึกถึงใครบางคนอยู่ในใจ
โจวซุนเฟย
ก่อนหน้านี้เขาได้รับรางวัลปรมาจารย์ด้านโบราณวัตถุ เจิ้งซีเหอในการประชุมโบราณวัตถุ หลังจากเอาชนะของบ้านของโจวซุนเฟยพ่อค้าอัญมณีแห่งที่ราบภาคกลาง หรือว่าโจวซุนเฟยไม่เพอใจและมาแก้แค้นเขา?
ลู่เฉินคิดว่ามันมีความเป็นไปได้
ท้ายที่สุดแล้วช่องทางที่หินหยาบเป็นของบ้านโจว มันสำคัญมาก บ้านโจวอาศัยช่องทางหินหยาบยิ่งกว่า ลู่เฉินชนะช่องทางหินหยาบของพวกเขา สำหรับบ้านจางแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นการทำลายล้างที่รุนแรง และเป็นเรื่องปกติที่บ้านโจวจะตอบโต้ลู่เฉินและยึดช่องหินเดิมกลับคืนมา
ตู้เฟยมองไปที่ลู่เฉิน ลู่เฉินทำท่าเอามือปาดคอ
สำหรับผู้ที่ต้องการเขาเขาจะไม่ใจอ่อนอย่างแน่นอน
ตู้เฟยเข้าใจ และพูดกับหลิวทั้งสามว่า“เอามาออกไป”
หลิวอี้พยักหน้า จากนั้นเขาก็ปลดเชือกที่แขวนฆาตกรและลากฝั่งตรงข้ามไปที่ห้องใต้ดิน
นักฆ่าเห็นท่าทางของลู่เฉิน เขาต้องการขัดขืน แต่หลิวอี้ตีหัวของเขาโดยตรงด้วยศอกและทำให้เขากระเด็น
“นายรู้ว่าเป็นใครแล้วเหรอ ” ตู่เฟย นั่งลงบนโซฟาและถาม
“ใช่ ” ลู่เฉินพยักหน้า หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดหนึ่งม้วน เขายังคงปวดหัวเล็กน้อย
ยังไม่พบคนของเสี่ยวปี้ชิง โจวซุนเฟยก็มาอีกแล้ว มันทำให้เขาปวดหัวจริงๆ
“มันเป็นใคร” ตู้เฟยถามขึ้น
“พ่อค้าอัญมณีคนกลาง โจว…. ครั้งที่แล้วฉันชนะเขามาก เขาจะมาแก้แค้นฉันแน่นอน ” ลู่เฉินอธิบาย
“โอ้โห คนที่ราบกลางวิ่งมาหาฉันที่หวูโจว หรือว่าครั้งนี้จะไม่ให้พวกเขาได้กลับไป” ตู้เฟยถามลู่เฉินด้วยความโกรธ
ลู่เฉินสูดบุหรี่หนึ่งครั้ง และพูดด้วยน้ำเสียงสุขุม ว่า “อย่างไรก็ตามตระกูลโจวเป็นตระกูลที่ร่ำรวยใน ประเทศ ไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย ทางที่ดีคืออย่าทำร้ายชีวิตของโจวซุนเฟย หลังจากที่จับเขาได้ ต้องทิ้งบทเรียนไว้แก่เขา ถึงจะจะปล่อยเขาไปได้