บทที่ 270 หลานหลินอยากจะช่วยลู่เฉิน
พอกลับมาถึงที่บ้าน ฉีฉีเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ยังคงเล่นกับคุณตาของเธออย่างสนุกสนาน แต่สีหน้าของหลินอี้จุนกลับไม่ค่อยดี
ถ้าเป็นคนอื่นก็คงเหมือนกันแหละ ถูกลักพาตัวไปรอบหนึ่ง ไม่ว่าผลเป็นยังไงก็คงหวาดกลัวอยู่แหละ
“ครั้งนี้ต้องโทษฉันที่ไม่ได้แจกปืนพกให้พวกบอดี้การ์ด”ลู่เฉินพูดปลอบใจหลินอี้จุน
เขาเชื่อว่าบอดี้การ์ดหลายคนนั้นที่เขาเลือกมีความสามารถที่แข็งแกร่งอยู่ แต่ไม่มีปืน พอเวลาที่เผชิญกับศัตรูที่มีปืนในมือ ก็ยากที่จะปกป้องหลินอี้จุนให้ดีแล้ว
“ตกลงคุณไปขัดใจใครล่ะ?”หลินอี้จุนมองเข้าหาตาของลู่เฉิน หลายวันนี้เธอหวาดกลัวมาก ครั้งก่อนลูกสาวถูกลักพาตัว ครั้งนี้มาถึงที่เธอ ถ้าเป็นไปตามแบบนี้อีกคงอยู่ไม่รอดแน่ๆ
“แม่ใหญ่ของฉัน”ลู่เฉินกอดหลินอี้จุนเข้ามาในอ้อมอก จากนั้นเล่าประวัติส่วนตัวให้หลินอี้จุนฟังทั้งหมด รวมไปถึงเรื่องที่เขาโกรธพ่อของเขาจนกระทั่งออกจากเมือวหลวง จนถึงต่อมาที่ยอมที่จะรับมรดกของตระกูล
เมื่อก่อนเขาไม่ได้พูดกับหลินอี้จัน ก็คือไม่อยากให้ฐานะของเขาโดยคนอื่นทราบไปและถูกเสี่ยวเบชิงค้นพบตำแหน่งของเขา แต่นับบัดนี้เขาได้เผชิญหน้ากับเสี่ยวเบชิงอย่างจริงจัง เขาก็ไม่ต้องห่วงแล้ว
วันที่สอง ลู่เฉินไปเยี่ยมบอดี้การ์ดที่บาดเจ็บ จากนั้นก็ไปที่ตู้เฟย ไปเอาปืนพกหลายกระบอกและกระสุนปืนที่ตู้เฟย แล้วสั่งให้คนไปหาเสี่ยวซัวจุนเพื่อทำใบอนุญาตใช้ปืนตามกฏหมายให้เขา
ตอนบ่าย ลู่เฉินกำลังปรึกษาเรื่องการจัดการเสี่ยวเบชิงกับตู้เฟย จู่ๆก็ได้รับสายของอู๋เล่ย บอกว่ามีคนมาก่อเรื่องที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ตำรวจก็ล้วนเอาพวกเขาไม่อยู่
ลู่เฉินวางสาย ในสายตาปรากฏฆาตกรรมออกมา พูดดับซ่งไห่โดยตรงว่า”พาคนไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต เซิ่งซื่อ ไม่ว่าคนที่ก่อเรื่องเป็นใคร ล้วนต่อยมันจนขาพิการ”
เดิมทีเขานึกว่าเมื่อวานคนของสมาคมหินหยาบแค่พูดเล่นเฉยๆ แต่คาดไม่ถึงว่าพวกเขากล้าไปก่อเรื่องที่ซูเปอร์มาร์เก็ตของเขาจริงด้วย
ตอนนั้นจางดาวเรนไปทับเปอร์มาร์เก็ตของเขา เขาก็ให้ตระกูลจางสูญเสียเงินไปหลายพันล้านโดยตรง แต่เมื่อเผชิญกับคนเล็กๆแบบนี้ มีวิธีเดียวก็คือปราบปรามด้วยกำลัง
แน่นอนว่าวิธีที่ดีที่สุดก็คือไปควบคุมสมาคมหินหยาบ แต่ตอนนี้เขากำลังยุ่งเรื่องที่จะจัดการเสี่ยวเบชิงอยู่ ยังมีอารมณ์ที่ไหนไปสนใจเรื่องของสมาคมหินหยาบล่ะ
หลังจากซ่งไห่ออกไปเสร็จ คนพวกลู่เฉินก็ปรึกษาเรื่องการจัดการเสี่ยวเบชิงต่อ ครั้งนี้ถ้าหากว่าเสี่ยวเบชิงกล้ามาที่เมืองยวี่โจว เขาก็จะทำให้เธอต้องอยู่ที่นี่ตลอด
ดังนั้นจึงต้องวางแผนให้ดี
“เอ๊ะ โจวซุนเฟยจะจัดการยังไงดี ฉันได้ข่าวว่าตระกูลโจวเหมือนสั่งคนมาตรวจสอบเรื่องนี้ที่ยวี่โจวแล้ว”ในที่สุด ตู้เฟยก็ถามขึ้นมา
“ขำไว้ก่อน รอให้ฉันจัดการไอ้เสี่ยสอบชิงเสร็จค่อยไปจัดการเขา”ลู่เฉินพูด ถ้าเกิดไม่ใช่โจวซุนเฟยไปจับตัวฉีฉีเพื่อคุกคามเขา ก็จะไม่เกิดเรื่องข้างหลังอีกมากมาย เรื่องนี้ลู่เฉินจะไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆหรอก
ตู้เฟยพยักหน้า แม้ว่าคนในตระกูลโจวได้มาหาโจวซุนเฟย แต่คงไม่หาถึงเขาที่นี่ในเวลาสั้นๆหรอก
แม้ว่าหามาถึง เขาก็ไม่กลัว
เมื่อออกมาจากซากุระคลับ ลู่เฉินก็ได้รับสายที่ไม่คุ้นเคย แต่เขาเห็นว่าพื้นที่แสดงมาจากที่ราบภาคกลาง ก้คิดอยู่ว่าเป็นคนของตระกูลโจวหรือเปล่า
ลังเลไปสักพัก ลู่เฉินก็รับสายโดยตรง
“ปรมาจารย์ลู่ ฉันคือหลานหลินนี่เอง ฉันได้ข่าวว่าครั้งนี้มีคนที่เมืองหลวงจะมาเล่นงานคุณ และได้รวมตัวกับตระกูลจาง จั่วและหลิวทั้งสามตระกูล แถมพวกเขาก็ได้รู้ฐานะของคุณแล้วด้วย”รับสายเสร็จ เสียงของหลานหลินก็ดังขึ้นมา
ลู่เฉินทำตาหยี เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวานที่ได้เห็นจางเซิงเฉียว หลิวฉีฟูและจั่วเจิ้งยี่ไอ้แก่ทั้งสามคนนี้ก็ไปขวางทางเขาที่สนามบินเขาก็รู้แล้ว แถมหมู่จองยังสามารถซ่อนตัวอยู่ที่ยวี่โจวมาตลอด แน่นอนว่าต้องซ่อนอยู่ที่หนึ่งในตระกูลทั้งสี่
ดังนั้นเสี่ยวเบชิงคิดจะใช้ตระกูลจาง จั่วและหลิวทั้งสามตระกูลมาสกัดกั้นเขาก็เป็นเรื่องปกติ
แต่ว่า ตระกูลเฉินได้เข้าร่วมหรือเปล่าล่ะ?
เรื่องนี้ลู่เฉินยังไม่รู้ จึงไม่สามารถสรุปได้
“ฉันรู้แล้ว”ลู่เฉินตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
สำหรับหลายหลิน เขายังมีความโกรธต่อเธออยู่ หลานหลินไม่ควรนำลูกสาวของเขามาคุกคามเขา คนในครอบครัวเป็นต่อมโมโหของเขา ไม่มีใครสามารถแตะต้องได้
ถ้าหากไม่ใช่ว่าหลานหลินดีต่อฉีฉี เขาคงฆ่าหลานหลินตายไปตั้งนานแล้ว
“ปรมาจารย์ลู่ ฉันรู้ว่าความสามารถของคุณแข็งแกร่งมาก แต่เมื่อเผชิญกับตระกูลใหญ่ทั้งสามตระกูลและคนใหญ่คนโตที่มาจากเมืองหลวง คุณก็คงยากที่จะต่อต้านนะ ฉันโทรให้คุณคืออยากจะกล่าวคำขอโทษกับคุณ เรื่องก่อนหน้านี้ฉันไม่ไดเคิดให้ดีก่อนทำ ขอโทษจริงๆค่ะ วันนี้ฉันจะสัญญากับคุณว่า ถ้าทีหลังมีอะไรต้องการให้ตระกูลหลานขอวเราช่วย ขอให้คุณบอกมา พวกเราจะทำอย่างเต็มที่แน่นอน”เสียงที่แน่วแน่ของหลายหลินส่งมาอีกครั้ง
ลู่เฉินพิงอยู่ที่หน้ารถ ไม่ได้ตอบหลานหลิน แต่ได้หยิบบุหรี่มวนหนึ่งขึ้นมาสูบ
เขากำลังแจกแจงว่าคำพูดของหลานหลินมันจริงหรือปลอม
ถ้าพูดตามตรง เวลานี้เขาต้องการพันธมิตร แต่เขารู้สึกว่าหลานหลินไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาไปเชื่อถือได้
“ในเมื่อที่คุณรู้ฐานะของฉัน ก็รู้ต้องว่าเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ฉันมีความสามารถที่จะจัดการเองได้”ลู่เฉินพูดเสร็จก็วางสาย แม้ว่าเขาต้องการพันธมิตร แต่เขาไม่อยากให้ข้างๆของตัวเองมีระเบิดที่อาจจะระเบิดได้ตลอดเวลา
ตอนนี้ในวิลล่าแห่งหนึ่ง หลานหลินมองไปดูโทรศัพท์ที่ถูกลู่เฉินวางสาย ในสายตาไม่ได้ปรากฏความผิดหวัง แต่กลับปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา
“คุณหนูครับ คุณจะช่วยเขาจริงเหรอครับ?แล้วว่าเขาเป็นเจ้าของเทคโนโลยีอี้ฉี ฐานะทำให้คนน่าตกใจ แต่ครั้งนี้คนที่จะเล่นงานเขานั้นเป็นตระกูลใหญ่ทั้ง 3 ตระกูลของเมืองยวี่โจว แถมเบื้องหลังยังมีคนใหญ่คนโตที่มาจากเมืองหลวงสนับสนุนอยู่ด้วย ฉันว่าเขาคงไม่รอด”ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพูดอยู่ข้างๆหลานหลิน
ชายวัยกลางคนคนนี้ชื่อว่าหลานจิง เป็นคนที่ตระกูลหลานสั่งมาปกป้องหลานหลิน
แต่ทักษะการต่อสู้อย่างหลานหลิน ก็ไม่มีสักกี่คนที่จะสามารถเอาชนะเธอได้หรอก
หลานหลินหมุนโทรศัพท์อยู่ในมือ เหมือนกับหมุนดินสออยู่ ยิ้มอย่างมั่นใจว่า”ต้องช่วยแน่นอนสิ ลุงจิง พวกคุณล้วนนึกว่าครั้งนี้ลู่เฉินไม่รอดแล้วใช่ไหม?ตามจริงมันไม่ใช่นะ กล่าวได้ว่าความสามารถของลู่เฉินที่เรารู้นั้นเพียงแค่ส่วนเล็กน้อยเอง สามารถกล่าวได้ว่าเรื่องครั้งนี้สำหรับเขานั้น ไม่ถือว่าเป็นวิกฤตด้วยซ้ำ ฉันเชื่อว่าเขามีความสามารถที่จะจัดการเรื่องนี้ได้ดี
ส่วนพวกเราเลือกที่จะอยู่ในพรรคเดียวกันกับเขาในเวลานี้ ก่อนอื่นสามารถผ่อนผันเรื่องครั้งก่อน ประการที่สองไม่ว่าเราจะออกแรงมากแค่ไหนอย่างน้อยเขาก็จะจำไว้ในใจ”
สำหรับสิ่งนี้ หลานหลินมั่นใจมาก ครั้งก่อนที่อยู่ที่ที่ราบภาคกลาง เข้าได้ยินลู่เฉินโทรไปคุกคามคนที่อยู่เบื้องหลังของเสี่ยวจื่อหยวน เธอรู้ว่าคนใหญ่คนโตในเมืองหลวงที่ต่อต้านลู่เฉิน น่าจะเป็นคนที่ลู่เฉินโทรไปคุกคาม และลู่เฉินต้องรู้จักเขาคนนี้แน่นอน”
และถ้าหากฝ่ายตรงข้ามมีความสามารถเพียงพอที่จะต่อต้านลู่เฉินได้ ก็คงไม่ร่วมมือกับตระกูลใหญ่ทั่งสามตระกูลหรอก
“โอเค แต่ว่าเขาเหมือนจะไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากพวกเรา”หลานของพูด
หลานหลินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ และพูดว่า”เขาไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากพวกเรา แต่เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากเฉินจือหรานแน่นอน”
พ่อเธอพูดเสร็จก็หยิบโทรศัพท์ออกมาพอไปให้เฉินจือหราน