บทที่ 282 คุกเข่าลง
เห็นเพียงหลิวชีหมิงลงจากรถด้วยสีหน้าที่ตรึงเครียด จากนั้นก็เดินเข้าไปในชนชาติสแควร์
“สวัสดีท่านหลิว”
“สวัสดีท่านหลิว”
ผู้คนต่างพากันทักมาย แต่สีหน้าหลิวฉีหมิงก็ยังคงตรึงเคลีย ไม่มีกระจิดกระใจที่จะไปสนใจคนอื่น และเขาก็ได้เดินไปในในกลางชนชาติสแควร์ช้าๆ
หากมีความสังเกตก็จะเห็นว่าทุกก้าวเดินของหลิวฉีหมิงหนักแน่นมาก
ท่าทางนั้น เหมือนไม่ได้จะมาขอโทษลู่เฉินเลย แต่กลับเหมือนเข้ามาในโรงฆ่าสัตว์ ทุกก้าวที่เดินนั้นยากเย็นมาก
“นี่ ท่านหลิวมาแล้ว จะดูสิว่านายจะหยิ่งได้อีกแค่ไหน”
“ยังไม่รีบเคารพท่านหลิวอีก นานเป็นเจ้าของเทคโนโลยีอี้ฉี แล้วจะยังไง? ต่อหน้าท่านหลิว นายก็ต้องคุกเข่าลงอยู่ดี”
เวลานี้ หลายๆคนที่เป็นคนจัดงานสมาคมหินอัญมณีจงหยวนได้เยาะเย้ยลู่เฉินขึ้นมา
“ยังไม่ลุกอีก หรือว่าจะให้ท่านหลิวมาเชิญนาย?” หยูลี่เยาะเย้ย
“ลุกอะไรกัน นี่เขากำลังรอท่านหลิวคุกเข่าให้เขาอยู่ ไม่จำเป็นต้องลุก”จื่อเหิงหัวเราะ
จากเดิมที่ไม่มีใครสนใจลู่เฉิน แต่พอได้ยินเสี่ยวจื่อเหิงพูดเท่านั้นแหละ กลับพูดว่า: “ ตอนนั้นที่ฉันไล่นายออกมันเร็วไปหน่อย นายเป็นหนอนในท้องฉัน รู้ด้วยว่าฉันกำลังคิดอะไร”
“แหม นายต่างหากหละที่เป็นหนอนในท้องฉัน นายตายแน่ นายมีความคิดที่อยากจะให้ท่านหลิวคุกเข่าให้นาย? ตระกูลใหญ่ทั้งสามไม่มีทางปล่อยนายไปง่ายๆแน่” จื่อเหิงพูด
“ใช่เหรอ พวกคุณทั้งสองคนเหมือนจะรู้จักกับตระกูลใหญ่ทั้งสามมากนะ
ขนาดนี้หลิวฉีหมิงได้มาถึงตรงหน้าลู่เฉิน เขามองหน้าลู่เฉิน นัยน์ตามีความโกรธแค่นเลื่อนผ่านไป
แต่ไม่ได้เอ่ยปากให้ลู่เฉินคุกเข่าลง
คนรอบข้างนิ่มร้อนยิ่งกว่าหลิวฉีหมิงอีก ต่างเร่งกันขึ้นมา
“ลู่เฉิน นายทำไมไม่ลุก นั่งอยู่ทำไม คนที่อยู่ตรงหน้านายก็คือม่านหลิวนะ”
“ใช่ รีบคุกเข่าขอโทษซะ เรื่องจบด้วยดีทุกคนก็ไม่ติดค้างไร อากาศร้อนแบบนี้ หากไม่ใช่มาดูคนขายหน้า ใครมันจะไปมากัน”
“ท่าหลิว ท่านรีบให้เขาคุกเข่าขอโทษสิ”
ในขณะที่ทุกคนกำลังเร่งนั้น สีหน้าหลิวฉีหมิงก็ดูแย่ไปถึงขั้นสุด ขาทั้งสองสั่นไปหมด
ลู่เฉินยิ้ม พูด: “ท่านหลิว ในเมื่อมาแล้ว ก็อย่าดิ้นรนอีกเลย ท่านดิ้นรนเพิ่ม 1 นาทีหลานของท่านก็จะทุกข์ทรมาน 1 นาทีและตระกูลหลิวของพวกท่านก็จะเสียงอีก 1 นาทีจริงหรือไม่”
หลังจากที่ผู้คนได้ยินลู่เฉินว่าท่านหลิว ก็ต่างชี้ด่าลู่เฉิน
เพียงแต่วินาทีต่อมา……
ปั่ง!
เห็นเพียงหลิวฉีหมิงคุกเข่าลงไปตรงหน้าลู่เฉิน
วินาทีนี้ ทำเอาทุกคนอึ้งไปหมดเลย และคำพูดที่จะพูดในเมื่อครูนี้ก็ต่างเอากลับหมด
“ให้ตาย คุกเข่าแล้ว แต่ เป็นงี้ได้ไง!”
กล่ามกลางผู้คนได้ส่งเสียงอึ้งออกมา ราวกับหยิบบทผิด
ไม่ใช่ว่าลู่เฉินเหรอที่ต้องขอโทษ ทำไมท่านหลิวถึงคุกเข่า?
วินาทีนี้ ทุกคนหน้าอึ้ง ไม่อยากจะเชื่อกับที่เห็น
“เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง ตระกูลใหญ่ทั้งสามมีรากฐานที่มั่นคง ไม่มีทางคุกเข่าให้ลู่เฉิน ฉันต้องดูผิดแน่ๆ!” หยูลี่พยายามเช็ดตา ไม่อยากจะเชื่อกับสอ่งที่เห็น
จื่อเหิงหายใจเข้าลึกๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าหลิวฉีหมิงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าลู่เฉิน
คนที่คุกเข่าไม่ใช่ลู่เฉินแต่กลับเป็นท่านหลิว นี่มันอะไรกันเนี่ย
ไม่ ไม่ใช่แบบนี้สิ ต้องมีอะไรผิดแน่ๆ
“จื่อเหิง นายรีบพูดสิ นี่มันไม่ใช่ท่านหลิวใช่ไหม?” หยูลี่ดึงปกแขนจื่อเหิงแล้วพูด
สีหน้าจื่อเหิงดูเศร้า
เขาอยากจะพูดอยู่หรอกว่านี่ไม่ใช่ท่านหลิว
แต่ตาเขาไม่ได่บอด ยังจำได้ชัดเจนว่านี่มันใช่ท่านหลิงหรือไม่ใช่
คนรอบๆท่านเงียบ ภาพนี้ทำให้เขาคิดไม่ออก
ทั้งๆที่ควรเป็นลู่เฉินคุกเข่า แต่กลับเป็นท่านหลิวที่คุกเข่า?
หรือว่าสื่อมวลชนถูกลู่เฉินล่อซื้อ แกล้งสร้างเรื่อง?
“หากฉันจำไม่ผิด ก่อนหน้านี้ลู่เฉินก็ได้เอาชนะตระกูลใหญ่ทั้งสามแล้ว”
เป็นไปได้ไง ถ้าเขาได้เอาชนะตระกูลใหญ่ทั้งสามจริงๆ ตระกูลใหญ่ทั้งสามจะให้สื่อประกาศแบบนี้หรอ?”
“นั่นนาสิ ในนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ”
แต่มีอะไรนั้น?
วินาทีนี้ทุกคนก็ต่างนึกไม่ออก
“เฉินจือหราน นี่มันอะไรกัน?”หลานหลิน เอามือปิดปาก ไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
เฉินจือหรานก็ไม่ต่างอะไรจากเขา เอามือปิดปาก ไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมท่านหลิวถึงคุกเข่าตรงหนอาลู่เฉิน
เป็นไปได้ไง!
“ ฉันก็ไม่รู้มันเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันแค่รู้สึกว่าลู่เฉินไม่มีกำลังพอที่จะทำให้ตระกูลใหญ่ทั้งสามอ่อนข้อ ยิ่งให้ท่านหลิวคุกเข่าให้เขา” เฉินจือหรานพูด
“อืม ภาพนี้มันอึ้งจริงๆ ยังเหลือ จั่วเจิ้งยี่ และจางเซิงเฉียวที่ยังไม่มาอีก รอดูไปก่อน ดูซิว่าหลังจากพวกเขาสองคนมาแล้วจะเกิดอะไรขึ้น” หลานหลินพูดเสียงเบา
แต่ในใจเธอก็รู้แล้วว่าเรื่องมันก็คงเป็นอย่างที่เห็น
ท่านหลิวเองก็คุกเข่าลงแล้ว มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ จั่วเจิ้งยี่ และจางเซิงเฉียวไม่มีทางไม่รู้การตัดสินของท่านหลิว
คุกเข่าครั้งนี้ มันเท่ากับเอาศักดิ์ศรีทั้งหมดของตระกูลหลิวให้ลู่เฉินเหยียบ ไม่มีทางที่จะเป็นการตัดสินใจในช่วงเวลาสั้นๆ
เธอมั่นใจ อย่างน้อยก็เมื่อคืนหลิวฉีหมิงได้ตัดสินใจคุกเข่าให้ลู่เฉินแล้ว
แลัวบ้านจางและตระกูลจั่วหละ?
พวกเขาไม่คุกเข่าหรือไง?
ในขณะที่หลานหลินตกใจ ในใจเธอก็เต็มไปด้วยความสงสัย
ในชนชาติสแควร์ที่มีคนมากมาย วินานี้เงียบอย่างผิดปกติ
คนส่วนใหญ่อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก เหลือเพียงเงียบจนเหลือแต่เสียงหายใจ
พวกเขารู้สึกว่า หลังจากวันนี้ เทคโนโลยีอี้ฉีต้องเป็นที่ตั้งหลักของยวี่โจวแน่ๆ ตระกูลใหญ่ทั้งสี่คงต้องเผชิญหน้ากับความอับอายและกดดันเรากลับเมื่อสิบปีที่แล้ว
“ไม่ เหลือท่านจางและท่านจั่วยังไม่มา รอพวกเขามาก่อน ลู่เฉินจึงจะกลายร่างตัวตนออมา!” ท่านใดนั้นก็ได้มีคนพูดขึ้นมา ฟังดูเสียงแล้วเหมือนจะไม่พอใจ
“ใช่ๆ บ้านจางและตระกูลจั่วมีกำลังขนาดนั้น เทคโนโลยีอี้ฉีจะสู้ได้ไง เดี๋ยวเขาสองคนมาแล้ว ความจริงทุกอย่างจะปรากฏ” มีคนพูดตอบ
“ท่านทั้งสอง รีบมาเถอะ หากยังไม่มา ลู่เฉินก็จะไม่นู้ที่ต่ำที่สูงไปแล้ว หากท่านทั้งสองยังไม่มา รูปลักษณ์ของตระกูลใหญ่ทั้งสามก็จะถูกทำลายไปหมด!”
ถึงแม้ว่าคนมากมายไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจกลับตะโกนร้อง รอคอยให้ท่านที้งสองมาตบหน้าลู่เฉิน
ถึงแม้พวกเขาจะไม่มีเวรมีกรรมอะไรกับลู่เฉิน แต่รู้สึกได้ว่าพวกเขาชื่นชอบตระกูลใหญ่ทั้งสามมากกว่าเทคโนโลยีอี้ฉี
ดังนั้นจึงยืนอยู่ข้างตระกูลใหญ่ทั้งสา