บทที่ 319 พลังการต่อสู้ที่แท้จริง
สองพ่อลูกหลิวฉางซาน มองดูรถออฟที่กำลังขับมาในกองทัพต่านไม่ไกล ทันใดนั้นบนท้องฟ้าก็ได้มีเสียง” ซิ้ว ซิ้วซิ้ว”ดังขึ้น ต่างเกิดความสงสัยกันจึงจอดรถลงไปดู
เมื่อทั้งสองลงจากรถ เงยหน้าขึ้นมอง เห็นเพียงเครื่องยิงระเบิดได้บินเลื่อนผ่านไปข้างหลังพวกเขา ตรงไปกองทัพต่าน
“พ่อ นี่ นี่คือ……” หลิวจื่อซินยื่นมือออกมาหุบปากตังเองไว้ ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
“ระเบิดนี่มันมาจากทางโกกัง!” หลิวฉางซานเองก็อึ้งมาก โกกังมันก็คือกองทัพของฆ่าวิหาร?
หรือว่าพวกเขามีเครื่องยิงจรวดแล้วและยังมีจำนวนอีกมากมาย?
แม้ว่าไอคิวของหลิวฉางซานจะไม่เพียงพอ แต่เขาก็ไม่ได้โง่
เครื่องยิงจรวดนี้ แม้แต่ในเนปิดอเองก็มีไม่มาก และดูความเร็วของจรวดเหล่านี้ มันเหนือกว่าเครื่องยิงจรวดของขุนศึกทั้งหมดโดยสิ้นเชิง นี่มันน่าจะเป็นเครื่องยิงจรวดที่ทันสมัยที่สุดในพม่าแล้วหละ
ถ้าตอนนั้นลู่เฉินได้ระเบิดเขาด้วยจรวด เขาเองจะรับมันไหวมั้ย?
หลิวฉางซานสะบัดหน้า เขาเพิ่งเข้าใจในตอนนี้ ไม่ว่าลู่เฉินจะโจมตีกองทหารของเขาในเวลากลางคืนหรือไม่ เขาก็ไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของลู่เฉินได้ ตราบใดที่จรวดเหล่านี้ถูกทิ้งระเบิดไม่กี่รอบในกองกำลังของเขาก็จะตกอยู่ในความโกลาหลเช่นกัน และฆ่าวิหารก็จะควบคุมมันโดยง่านอยู่ดี
“ไอ้เจ้านั่นมีบุญวาสนามาจากไหน ถึงมีเครื่องยิงจรวดมากมายขนาดนี้! ”
“บูม~!!!”
และในขณะนี้ ในขณะที่มีระเบิดจรวดยิ่งลงมา บนศรีษะของสองพ่อลูกหลิวฉางซานก็มีเครื่องบินบินผ่านไม่หยุด
หนึ่ง สอง สามคัน……
ยี่สิบคัน สามสิบคัน……
สี่สิบคัน!
หลิวฉางซาน และลูกชายของเขานับเครื่องบินทั้งหมดที่บินผ่านไปทั้งหมดสี่สิบคันพอดี
“พ่อ นี่คือเครื่องบินของขุนศึกคนไหน ทำไมมันเยอะจัง?” หลิวจื่อซินถามอย่างตกตะลึง
เมื่อตอนที่เขายังเป็นขุนศึกสามชั่วอายุคน พ่อของเขามีสามลำและยังคงเป็นเฮลิคอปเตอร์แบบเก่าและไร้ความสามารถเมื่อเทียบกับเฮลิคอปเตอร์เหล่านี้ที่บินอยู่เหนือศีรษะแล้ว เป็นเพียงเศษขยะ ไม่แปลกที่ทำเอาหลิวจื่อซินตกตะลึง
“พ่อ พ่อเองก็ไม่รู้……” หลิวฉางซานตอบอย่างไม่มีเรี่ยวแรง
เขาอยากจะพูดว่าพวกนี้มันไม่ใช่ของฆ่าวิหาร แต่เขารู้ดีว่านั่นเป็นเพียงการหลอกลวงตัวเอง
วันนี้กองทัพต่านได้ประกาศสงครามกับฆ่าวิหาร แต่ฆ่าวิหารไม่เคยที่จะทำอะไรตามกฎอยู่แล้ว
คอปเตอร์เหล่านี้บินมาจากเป็นทิศทางของฆ่าวิหารในโกกัง ไปอีกก็เป็นผืนดินของคนจีน เขาไม่เชื่อว่าจะเป็นเฮลิคอปเตอร์ของจีน
“พ่อ พ่อดูนั่นสิ นั่นคือเครื่องบินขับไล่ในตำนานใช่ไหม?” ทันใดนั้นหลิวจื่อซินก็ถอดและส่งกล้องโทรทรรศน์ให้หลิวฉางซาน
หลิวฉางซานรับกล้องโทรทรรศน์มา แล้วมองไปทางที่ลูกชายชี้ ในเห็นท้องฟ้าในที่ไม่มีสิ้นสุด ได้มีกลุ่มเครื่องบินรบกำลังยิงระเบิดไปในทิศทางของค่ายกองทัพต่าน หลังจากยิ่งเสร็จ ก็ได้หมุนกลับโดย180องศาแล้วบินกลับไปยังโกกัง
จากนั้นเครื่องบินขับไล่อีกชุดหนึ่งก็บินผ่านไป และได้ปฏิบัติการแบบเดียวกันแบบเก่าในอากาศ
หลิวฉางซานตกใจสุดขีด
เขากล้าแน่ใจ ว่าชุดเครื่องบินขับไล่นี่ รวมไปถึงเฮลิคอปเตอร์อีกสี่คันในเมื่อกี้ เป็นของฆ่าวิหารทั้งหมด
“ฆ่าวิหารมีอาวุธและกำลังพลที่น่ากลัวขนาดนี้ ประเทศพม่าเราจบแน่ๆ!”
หลิวฉางซานวางกล้องโทรทรรศน์ลงอย่างอ่อนแรงรู้สึกเหมือนหัวใจวายตาย
เพียงแค่พลังทางอากาศเหล่านี้ เขาก็รู้แล้วว่าต่อให้เนปิดอออดมารับมือด้วย ก็ไม่สามารถที่จะกำจัดฆ่าวิหารได้
และสิ่งที่ทำให้เขาสิ้นหวังที่สุดก็คือบางทีขุนพลทั้งเจ็ดอาจผนึกกำลังกัน แต่พวกเขาอาจยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของการฆ่าวิหารก็ได้!
ฆ่าวิหารยิ่งระเบิดก่อน ทหารความเข้าไปในถ้ำได้ แต่พวกอาวุธและอย่างอื่นหละ?
คลังแสง?
ยุ้งฉาง?
และที่สำคัญที่สุด เขาเชื่อ ภายใต้การทิ้งระเบิดด้วยอาวุธอย่างนี้ ต่อให้คนมีมากเท่าไหนก็รู้สึกลัวเหมือนกัน
“ฆ่าวิหารจริงหรือ? แล้วทำไมฆ่าวิหารถึงได้ซื้ออาวุธมามามายขนาดนี้?” หลิวจื่อซินก็เชื่อแล้วบ้าง
เขาเองก็ไม่อยากเชื่อว่านี่คือของฆ่าวิหาร
แต่ความจริงวางอยู่ตรงหน้าแล้ว จะไม่เชื่อก็ไม่ได้
“ไปเถอะ เราต้องเร่งไปดูที่กองทัพต่านก่อน ไม่แน่เครื่องบินขับไล่พวกนี้อาจจะไม่ใช่ของลู่เฉิน หลิวฉางซานขึ้นรถไปก่อน แล้วขับรถเอง
ในใจเขายังมีความหลอกลวงหลงเหลือ เขาอยากไปดูเองกับตา ถึงค่ายกองทัพต่านก็รู้เอง
หลังจากผ้านไปครึ่งชั่วโมง ในที่สุดสองพ่อลูกก็มาถึงค่ายกองทัพต่านที่อยู่ห่างออกไปสองกิโลเมตรค่ายกองทัพต่านกลายเป็นไฟ ในอากาศยังมีเฮลิคอปเตอร์ที่เต็มไปด้วยอาวุธยิ่งระเบิดลง ปืนกลยิงใส่พื้นอย่างไม่ไยดี กระสุนนั้นราวกับน้ำฝน ฆ่าเอาชีวิตโดยไม่แยแส
หลิวฉางซานเหยียบเบรกอย่างอ่อนแรง จ้องมองดูสภาพตรงหน้า จนผ่านไปครึ่งชั่วโมง เมื่อเรือรบทั้งหมดกลับมาในทิศทางของ โกกัง เขาถึงเพิ่งได้สติกลับมา
“แย่แล้ว แย่แล้ว พม่าแย่แล้ว……” หลิวฉางซานพึมพำกับตัวเอง น้ำเสียงฟังดูอ่อนแอ
หลิวจื่อซินตกใจและไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
ตอนนี้ในค่ายกองทัพต่าน นอกจากเต็มไปด้วยไฟ ยังมีเสียวร้องโหยหวนไม่หยุด
ศพของทหารถูกจัดวางเป็นแถว ขาและแขนหักมีอยู่ทั่ว ถึงแม้ว่าเฮลิคอปเตอร์จะจากไปแล้วยี่สิบกว่านาที แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าออกมาจัดการ
ค่ายกองทัพต่านขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่ ในเวลานี้มันได้กลายเป็นนรกบนดินโดยสิ้นเชิงความพินาศ
“ผู้บัญชาการอู๋เหว่ย ผู้บัญชาการเกอดานถูกระเบิดเสียเสียชีวิตแล้ว ตอนนี้ควรทำยังไงดี?” ในห้องที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ผู้หมวดมองไปที่รองผู้บัญชาการอู๋เหว่ย
ในเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นผู้หมวดหรืออู๋เหว่ย รวมถึงทหารยามทุกคนดูลำบากใจและบนร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
ผู้หมวดทั้งหมดในห้องต่างมองไปที่ อู๋เหว่ย เกอดานเสียชีวิตแล้ว ตอนนี้ในกองทัพอู๋เหว่ยมียศใหญ่ที่สุด ทุกคนต้องฟังคำสั่วของอู๋เหว่ย
อู๋เหว่ยเช็ดคราบบนใบหน้าอย่างอ่อนแรงและพูดว่า: “นับทหารที่ได้เสียชีวิตและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ”
เขานั่งลงบนเก้าอี้อย่างอ่อนแรง หยิบบุหรี่ออกมาและรู้สึกสับสนเล็กน้อย
รองผู้หมวดหลายคนออกไปเช็ค และผู้หมวดอีกสิบกว่าคนเหลืออยู่ตรงที่นั้น
“ผู้บัญชาการอู๋เหว่ย คนที่ลอบฆ่าเราคือฆ่าวิหารใช่มั้ย?” ผู้หมวดคนหนึ่งถาม
อู๋เหว่ยเหลือบตามองผู้หมวดคนโง่นั่น จากนั้นก็สูบบุหรี่ ขี้เกียจตอบเขา
นอกจากฆ่าวิหารใครมันจะมาลอบฆ่าพวกเขาอีก?
ขุนพลหลักทั้งหกของพวกเขา ขัดแย้งกับเนปยีดอเท่านั้น และโดยปกติพวกเขาก็ตั้งเป้าที่เนปิดอเท่านั้น
และในเวลานี้ แม้แต่เนปิดอยังคาดหวังให้พวกเขาทำลายฆ่าวิหารมากด้วยซ้ำ
ที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่เชื่อว่าเนปิดอจะมีอาวุธที่ล้ำหน้าขนาดนั้น