บทที่ 488 ชนเผ่าหลัน
“หัวหน้าครับ ถอดรหัสได้แล้ว! ถอดรหัสได้แล้ว!”
ติงต้าเฉิงโทรผ่านมอนิเตอร์ แต่วิ่งไปหาลู่เฉินที่ห้องหัวหน้าเลย
“ว่ามา” ลู่เฉินตาเป็นประกาย รู้ว่าติงต้าเฉิงจะพูดอะไร
“กลุ่มเรือรบอวกาศพวกนั้นเป็นกลุ่มเรือรบของอารยธรรมต่างดาวที่ชื่อว่าชนเผ่าหลัน ระบบดาวอักซีที่ดาวเคราะห์ชนเผ่าหลันอยู่นี้ห่างจากระบบสุริยะของเรา 157 ปีแสง
พวกเขาอาศัยลักษณะพิเศษของออร์ตเนบิวลา ค้นพบโลกในระบบสุริยะนี่ และค้นพบมนุษย์เรา
สามพันปีก่อน ดาวแม่ของพวกเขาเริ่มขาดแคลนทรัพยากร พวกเขาเลยส่งคือนุ่มคนราวกว่าหลายร้อยล้านคนมาเพื่อเตรียมบุกโลกของเรา
ไม่คิดว่าตอนเรือรบของพวกเขาพึ่งผ่านออร์ตเนบิวลาเข้ามา ยังไม่ทันได้เข้าระบบสุริยะก็โดนอารยธรรมระดับขั้นสุดยอดทำลายลงที่นี่ซะก่อน” ติงต้าเฉิงพูดมาถึงตรงนี้แล้วหยุดลง
“อารยธรรมขั้นสุดยอด? พวกเขาไม่ได้บันทึกไว้ถึงอารยธรรมขั้นสุดยอดที่ทำลายพวกเขาไว้หรอ?” ลู่เฉินใจกระตุกพลางถาม
ชนเผ่าหลันสำหรับมนุษยชาติแล้วเรียกได้ว่าสุดยอดมากแล้ว
ถ้างั้น อารยธรรมขั้นสุดยอดที่ทำลายชนเผ่าหลันนี่ล่ะ จะแกร่งถึงขั้นไหนกันนะ?
ติงต้าเฉิงส่ายหัวพลางว่า: “บางทีเนื้อหาที่เก็บไว้ในชิ้นส่วนต่างดานั่นมีไม่มากก็ได้ พวกเขาไม่ได้บันทึกข้อมูลอะไรเกี่ยวกับอารยธรรมขั้นสุดยอดที่ทำลายพวกเขา
พวกเขาพูดแค่ว่า ตอนนั้นจู่ๆก็พบว่าเกิดการยุบตัวของห้วงอวกาศขึ้น จากนั้นกลุ่มเรือรบของพวกเขาก็เริ่มกร่อนสลายลจากรอบนอก
ในเวลาสั้นๆแค่ไม่กี่ชั่วโมง แรงดันจากการยุบตัวของห้วงอวกาศนั่นได้ฆ่าล้างชนเผ่าหลายร้อยล้านคนของพวกเขาไปจนสิ้น เรือรบกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์กลายเป็นเศษซาก
สุดท้ายพวกเขาไม่รู้ว่ามันเป็นฝีมือพวกน่ากลัวที่ไหนที่ใช้วิธีการยุบตัวของห้วงอวกาศ มาฆ่าล้างชนเผ่าพวกเขา
คนที่ทิ้งข้อความไว้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดของชนเผ่าหลัน เพราะเขาเก่งที่สุด เขาเลยตายเป็นคนสุดท้าย
เขาเห็นกับตาถึงการระเบิดตัวตายของชนเผ่าทั้งหลายร้อยล้านคนนั่น เห็นเรือรบนับไม่ถ้วนโดนทำลาย
เขาเห็นกับตากับวิธีการยุบห้วงอวกาศของอารยธรรมขั้นสุดยอด จากนั้นได้เหลือข้อความส่วนนี้ไว้ก่อนที่ร่างกายจะระเบิดเป็นเศษซาก
เดิมเขาคิดจะส่งข้อความพวกนี้กลับดาวแม่ก่อนตาย แต่เขาพลาด เลยได้แต่ฝากข้อความพวกนี้ไว้ในคอมพิวเตอร์ส่วนกลางของเรือรบหลัก
แต่เรือรบลำนั้นก็ระเบิดในตอนท้ายอยู่ดี” ติงต้าเฉิงอธิบาย
“อารยธรรมที่สามารถทำให้ยุบห้วงอวกาศได้ มันต้องอารยธรรมสุดยอดระดับไหนเนี่ย! “ ลู่เฉินพูดด้วยหัวใจสั่นสะท้าน
ติงต้าเฉิงแบมือออก เขาไม่สามารถตอบคำถามนี้ของลู่เฉินได้อยู่แล้ว
เขาเองก็อยากรู้ว่า ต้องให้เทคโนโลยีพัฒนาไปถึงขั้นไหน ถึงสามารถยุบห้วงอวกาศหนึ่งและทำลายล้างกลุ่มเรือรบแบบนี้ได้
แน่นอนว่า ลู่เฉินแค่รำพัน เขาเองก็รู้ว่าติงต้าเฉิงไม่สามารถตอบคำถามนี้ของเขาได้อยู่แล้ว
แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง มันบ่งบอกชัดแล้วว่า ในกาแล็คซี่ อารยธรรมที่แกร่งกว่าชาวโลกนั่นยังมีอยู่อีกมากจนนับไม่ถ้วนเลย
“เรื่องนี้นายมีความคิดเห็นยังไง?” ลู่เฉินถาม
ติงต้าเฉิงคิดๆดูก่อนพูดว่า: “เคยมีคนสงสัยว่า ระบบสุริยะหรือโลกเป็นแหล่งเนรเทศของอารยธรรมต่างดาวระดับสูง จะพูดอีกทีก็คือ ในกาแล็คซี่ ที่ที่พวกเรามองไม่เห็น มีอารยธรรมที่แข็งแกร่งกำลังจับตาดูพวกเราอยู่เงียบๆ
เป็นไปได้มากว่า สามพันกว่าปีก่อนคือพวกเขาทำลายล้างเรือรบต่างดาวของชนเผ่าหลันเพื่อช่วยมนุษยชาติของเรา
แต่พวกเราก็ไม่สามารถแบ่งแยกได้ชัดว่าพวกเขามาดีหรือมาร้าย”
“อืม ผมเองก็เคยเห็นการวิเคราะห์แบบนี้ของเหล่านักวิทยาศาสตร์ บอกว่ามนุษย์เราเป็นทรัพยากรส่วนหนึ่งที่เหล่าอารยธรรมขั้นสูงต่างดาวเลี้ยงไว้ บางทีวันหนึ่งพวกเขาก็จะมาเก็บชีวิตพวกเรา
แต่ไม่ว่าจะเป็นการคาดเดาแบบไหน ล้วนแต่ทำให้คนสิ้นหวังทั้งนั้น
ดังนั้นเรื่องนี้ห้ามประกาศออกไป ไม่งั้นจะทำให้ผู้คนระส่ำระส่ายด้วยความหวาดกลัว” ลู่เฉินพยักหน้าพลางว่า
ถึงเขาจะไม่รู้ว่าความจริงมันคืออะไร แต่เขาเชื่อว่า ไม่ว่าจะเป็นการคาดเดาแบบใด ล้วนไม่เป็นผลดีกับมนุษยชาติทั้งสิ้น
แถมยังเป็นการพิสูจน์ได้เรื่องหนึ่งว่า อารยธรรมต่างดาวเก่งเกินไปจริงๆ จากระดับเทคโนโลยีของมนุษยชาติในตอนนี้ อยากจะมีชีวิตต่อไปในกาแล็คซี่นี่มันยากเกินไปจริงๆ
แต่โชคดีที่ระบบสุริยะอยู่ในเขตที่ชาดแคลนทรัพยากรของกาแล็คซี่ แทบจะไม่มีอารยต่างดาวอยู่เลย มนุษย์เลยยังมีเวลาในการพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น
แต่ว่าอารยต่างดาวที่แกร่งขนาดชนเผ่าหลันยังถูกทำลายลงดื้อๆ ลู่เฉินเคร่งเครียดในใจ
มนุษยชาติจะไปได้ถึงไหน?
มนุษยชาติจะพัฒนาได้ถึงระดับไหน?
มนุษยชาติจะสืบพันธุ์อยู่ไปได้ถึงปีไหน?
คำถามพวกนี้เหมือนก้อนหินใหญ่ค่อยๆทับถมจิตใจเขาทีละก้อน ทำเอาเขาแทบหายใจไม่ออก
ติงต้าเฉิงพยักหน้า จากนั้นพูดว่า: “ดังนั้นตอนนี้พวกเราแน่ใจได้แล้วว่า บนเรือรบของชนเผ่าหลันนั่นไม่มีชนเผ่าหลันเหลืออยู่เลย พวกเราสามารถขึ้นไปเอาเทคโนโลยีของชนเผ่าหลันมาละ”
“อืม ที่เหลือให้เป็นหน้าที่ผมละกัน” ลู่เฉินพยักหน้า
หลังจากติงต้าเฉิงออกไป เขาให้เฉินชูหรันแจ้งเรื่องผู้หลักผู้ใหญ่ด้านการทหารมาพบเขาที่ห้องหัวหน้าหลัก
ไม่นานพวกตู้เฟยก็มาที่ห้องเขา
ลู่เฉินไม่อ้อมค้อม เขาพูดตรงๆว่า: “พวกติงต้าเฉิงถอดรหัสสิ่งประดิษฐ์ต่างดาวได้แล้ว และรู้แล้วว่าบนเรือรบไม่มีชนเผ่าหลันเหลืออยู่แล้ว พวกเราเตรียมการไปเก็บเทคโนโลยีชนเผ่าหลันได้”
“ชนเผ่าหลัน?” พวกตู้เฟยมองลู่เฉินอย่างสงสัย
“ใช่ ชนเผ่าหลัน ระบบดาวอักซีของพวกเขาอยู่ในระบบAsgonที่ห่างไปหนึ่งร้อยห้าสิบปีแสง ระดับเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าพวกเรามากนัก” ลู่เฉินอธิบาย
“ถ้าอย่างนั้นทำไมพวกเขามาหยุดกันตรงนี้ล่ะ?” ตู้เฟยถามอีก
ลู่เฉินลังเลมองไปทางตู้เฟย แต่สุดท้ายก็พูดว่า: “พวกเขาเตรียมมาโจมตีโลกเรา แต่เมื่อสามพันกว่าปีก่อน ในตอนที่พวกเขามาถึงที่นี่ ก็เจอกับการยุบตัวของห้วงอวกาศ กลุ่มเรือรบทั้งหมดโดนทำลาย
ชนเผ่าหลันกว่าหลายร้อยล้านคนสลายไปกับแรงยุบตัวของห้วงอวกาศแล้ว”
ลู่เฉินไม่ได้พูดความจริงเรื่องอารยธรรมขั้นสุดยอดทำลายอารยชนเผ่าหลันออกมา
ไม่ใช่เขาไม่เชื่อใจพวกตู้เฟย
แต่เป็นเพราะเรื่องนี้อาจจะทำให้ผู้คนหวาดกลัวอย่างหนักได้
ดังนั้นอย่าทำปัญหาให้มันมากไปดีกว่า
“โชคดีจริงๆเลย ไม่งั้นมนุษยชาติเรามีหวังโดนทำลายตั้งแต่เมื่อสามพันกว่าปีก่อนแล้วล่ะสิเนี่ย”
ตู้เฟยสูดลมหายใจเข้าปอดดังเฮือก แอบดีใจไม่ได้
พวกอวู๋กวางเจิ้งเองก็เบิกตากว้าง แอบดีใจด้วย
ถ้าไม่ใช่เพราะชนเผ่าหลันเจอห้วงอวกาศยุบตัว มนุษยชาติคงโดนทำลายตั้งแต่เมื่อสามพันกว่าปีก่อนแล้วแน่ๆ
มนุษยชาติเมื่อสามพันกว่าปีก่อนมีเทคโนโลยีที่ล้าหลังมาก เผชิญหน้าชนะเผ่าหลันที่แข็งแกร่งแบบนี้ไม่มีทางสู้เลยจริงๆ
ไม่ต้องพูดถึงบรรพบุรุษในตอนนั้นเลย เอาแค่เทคโนโลยีของพวกเขาในตอนนี้ มาเผชิญหน้าเทคโนโลยีชั้นสุดยอดของชนเผ่าหลันก็รับมือไม่ได้อยู่ดี