บทที่ 491 มาถึงพร็อกซิมาคนครึ่งม้า
“ใช่ไง เมื่อกี้ก็เป็นเพราะซือถูเจี้ยนยิงก่อน พวกมันถึงเริ่มโจมตี”
“หรือว่า ถ้าพวกเราไม่โจมตีมัน พวกมันก็จะไม่โจมตีเรา?”
สื่อจิ้นหันมองพวกตู้เฟยอย่างสงสัย
ตู้เฟยพยักหน้าพลางว่า: “ผมก็ว่างั้น ถ้าอย่างนั้น ขอเพียงพวกมันไม่โจมตี พวกเราก็ลองเงียบกันก่อนละกัน”
ซือถูเจี้ยนขมวดคิ้วพลางว่า: “มันจะเสี่ยงไปไหม”
ทุกคนเงียบลงทันที
เผชิญหน้าหุ่นยนต์พวกนี้ และพวกเขายังเป็นฝ่ายบุกรุกอีก อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
“ผมลองไปดูก่อนละกัน ด้วยฝีมือผมแล้ว พวกมันทำอะไรผมไม่ได้” สุดท้ายตู้เฟยพูดขึ้น
เขาเป็นผู้บัญชาการสูงสุด และเก่งที่สุดในหมู่ทุกคน ดังนั้นเขาเลยคิดจะเสี่ยงด้วยตัวเอง
“ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป!” ซือถูเจี้ยนรีบห้าม
เขารู้ว่าตู้เฟยเก่งมาก
แต่นี่มันอยู่ในอวกาศ ไม่มีน้ำหนัก ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ขยับตัวได้ยากอยู่ดี
แถมตอนนี้พวกเขาอยู่ในชุดนักอวกาศอีก
ถึงแม้ชุดนักอวกาศตอนนี้จะพัฒนาจนเรียบง่ายเหมือนเสื้อผ้าธรรมดาแล้ว แต่ก็ยังยุ่งยากกว่าเสื้อผ้าธรรมดาอยู่ดี
“ไม่เป็นไร ผมรู้ว่าควรทำไง” ตู้เฟยส่ายหัว มองนิ่งไปที่กองทัพหุ่นยนต์และค่อยๆลอยตัวเข้าไปหา
พวกซือถูเจี้ยนจะห้ามก็ไม่ทัน แต่ละคนได้แต่ยกปืนgauss rifleเล็งไปที่กองทัพหุ่นยนต์ที่ค่อยๆลอยมาหาพวกเขาอย่างรีบร้อน
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาถอนหายใจอย่างโล่งอกคือ
กองทัพหุ่นยนต์เห็นตู้เฟยเดินเข้ามา กลับไม่ได้โจมตี และพากันทำมือแปลกๆใส่ตู้เฟย
“พวกมันทำอะไรน่ะ?” สื่อจิ้นมองพวกซือถูเจี้ยนอย่างสงสัย ดูไม่เข้าใจเลย
“ไม่รู้ เป็นไปได้ว่าจะเชิญพวกเราเข้าไป?” ซือถูเจี้ยนขมวดคิ้วพูด
“หรือว่าบนเรือรบลำนี้ยังมีชนเผ่าหลันเหลืออยู่เนี่ย?” หลิวจื่อซิวพูดอย่างตะลึง
ในตอนนี้เองเสียงตู้เฟยลอยมา
“ผมเดาว่าพวกมันคิดจะเชิญพวกเราไปที่แห่งหนึ่ง เป็นไปได้ว่าจะเป็นศูนย์กลางคอมพิวเตอร์ของพวกมันอะไรอย่างนี้ หลิวจื่อซิวไปดูด้วยกันกับผม คนอื่นรอรับคำสั่งที่เดิม ก่อนที่จะแน่ใจว่ามีอันตราย ห้ามยิงปืนเด็ดขาด” ตู้เฟยพูด
“ครับ”
หลายคนรับคำ หลิวจื่อซิวว่ายลอยเข้าไปหาตู้เฟย
เป็นไปตามที่คิด พวกหุ่นยนต์มาเชิญตู้เฟยไปที่แห่งหนึ่งจริงๆ
พวกตู้เฟยสองคนลอยผ่านหลายช่องทางตามการนำทางของพวกมัน ครึ่งชม.ผ่านไป ก็มาถึงศูนย์กลางห้องคอมพิวเตอร์
ในศูนย์กลางห้องคอมพิวเตอร์ มีหุ่นยนต์อยู่หลายตัว แต่พวกมันไม่ได้โจมตีตู้เฟยกับหลิวจื่อซิว
มันทำให้พวกเขาแอบถอนหายใจโล่งอก
ไม่นานพวกเขาก็เห็นกำแพงด้านหนึ่งในศูนย์กลางห้องคอมพิวเตอร์มีภาพปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
บนจอภาพปรากฏภาพคนๆหนึ่งที่ดูไม่ต่างจากมนุษย์เท่าไหร่แต่กลับมีผิวหนังสีฟ้า จากนั้นไม่รู้พึมพำอะไร ปรากฏภาพดาวเคราะห์ดวงหนึ่งอยู่ด้านหลังเขา
ดาวเคราะห์นั่นดูคล้ายคลึงกับโลก ดูเหมือนจะเล็กกว่าโลกนิดหน่อย มีทั้งภูเขาแม่น้ำ มีทะเล
ภาพปรับเปลี่ยนขยายใหญ่ไม่หยุด พวกตู้เฟยยังได้เห็นชนเผ่าหลันเดินไปมา
“นี่เป็นดาวเคราะห์ที่ชนเผ่าหลันใช้ชีวิตกันล่ะสิ? แต่ทำไมเขาทำแบบนี้ล่ะ?” หลิวจื่อซิวถามอย่างตกใจ
ตู้เฟยส่ายหน้า เขาเองก็ไม่รู้ว่าชนเผ่าหลันคนนี้ทำอะไร และไม่เข้าใจว่าหุ่นยนต์พวกนี้พาพวกเขามาที่นี่ทำไม
“ตู้เฟย ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
ในตอนนี้เองเสียงลู่เฉินวาบเข้ามาในหูฟังของตู้เฟย
หลังจากตู้เฟยเข้ามาในกลุ่มเรือรบต่างดาวก็ไม่ได้ติดต่อกลับยานอวกาศซี-หวั้งเลย ทำเอาพวกลู่เฉินเริ่มเป็นกังวล เลยติดต่อพวกเขาเข้ามา
ตู้เฟยตะลึง ก่อนจะดีใจ
ก่อนนี้หลังจากที่พวกเขาเข้ามาในเรือรบต่างดาว ก็ไม่มีสัญญาณแล้ว เขานึกว่าจะติดต่อยานอวกาศซี-หวั้งไม่ได้แล้ว
ไม่คิดว่าตอนนี้จะได้ยินเสียงลู่เฉิน
“นายดูสิว่านี่อะไร? จริงสิ ให้พวกติงต้าเฉิงแปลออกมาให้หน่อยสิ”
ตู้เฟยพูดพลางปรับภาพหน้าจอเป็นคลิปส่งให้พวกลู่เฉิน
บนยานอวกาศซี-หวั้ง ลู่เฉินเห็นคลิปที่ตู้เฟยส่งมาก็ตะลึง เขาเองก็ไม่รู้ภาษาชนเผ่าหลัน
“ได้ ผมจะให้ติงต้าเฉิงมาดูว่าแปลว่าอะไร” ลู่เฉินตอบกลับตู้เฟย และแจ้งเรื่องให้ติงต้าเฉิง ให้เขาพาผู้เชี่ยวชาญภาษามาที่ห้องนี้
สิบกว่านาทีผ่านไป ติงต้าเฉิงพาผู้เชี่ยวชาญภาษาหลายคนมาที่ห้องผู้บัญชาการ
ประจวบเหมาะว่าพวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ถอดรหัสภาษาชนเผ่าหลันพอดี
พวกเขาอัดคำพูดที่ชนเผ่าหลันคนนั้นพูดผ่านทางคลิป จากนั้นก็ทำการแปลทันที
หนึ่งชม.ผ่านไป พวกเขาแปลคำพูดชนเผ่าหลันคนนั้นออกมาได้โดยสังเขป
ลู่เฉินมองดูเนื้อหาพวกนั้น ยิ่งดูยิ่งใจเสีย
คนที่ส่งคลิปนี้คือผู้แข็งแกร่งที่สุดของชนเผ่าหลัน และเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของพวกเขา ผู้บัญชาการของกลุ่มเรือรบชนเผ่าหลัน
เป้ย์หลัน!
เป้ย์หลันพูดว่า เมื่อสามพันกว่าปีก่อน พวกเขาค้นพบดาวลึกลับดวงหนึ่งได้ทะลุเข้าไปในทางช้างเผือกจากด้านนอก จากนั้นก็บินเข้าสู่ระบบสุริยะ
พวกเขาคาดเดาว่า ดาวดวงนั้นเป็นไปได้อย่างมากกว่าจะบินมาจากเมฆแมเจลแลนใหญ่ และอาจจะแอบซ่อนเทคโนโลยีอันแข็งแกร่งของเมฆแมเจลแลนใหญ่เอาไว้ด้วย
พอดีว่าทรัพยากรบนดาวแม่ของชนเผ่าหลันเริ่มขาดแคลน พวกเขาเลยเตรียมตัวบุกระบบสุริยะ และจะได้อาศัยโอกาสนี้ไปสืบค้นดาวลึกลับนั่นด้วย
พอมาถึงที่นี่ พวกเขาพบเข้ากับห้วงอวการยุบตัว พวกเขาสงสัยว่ามีอารยธรรมระดับสูงมากกว่าระดับเจ็ดคอยคุ้มครองระบบสุริยะอยู่ ปกป้องดาวเคราะห์ที่ทรัพยากรขาดแคลนนี่
เพราะอารยธรรมระดับสูงกว่าระดับเจ็ดขึ้นไปต่างสามารถใช้วิธีการห้วงอวกาศยุบตัวนี่ได้
ความหมายของเป้ย์หลันง่ายมาก เขายินดีใช้รหัสเทคโนโลยีของชนเผ่าหลันของพวกเขามาแลกกับคำสัญญาของมนุษย์ ก็คือ ต่อไปหากมนุษย์เจอชนเผ่าหลันเข้า ขอให้ปล่อยพวกเขาไป
เป้ย์หลันไม่ได้ขอร้องอย่างอื่น เขาพูดตรงๆออกมาเลยในตอนท้ายว่า พวกเขาเก็บรักษาเทคโนโลยีทั้งหมดของชนเผ่าหลันไว้ในชิบนี้ และบอกตำแหน่งของชิบด้วย
“ผู้บัญชาการของชนเผ่าหลันฉลาดมากเลยนะ” ติงต้าเฉิงพูด
ทั้งๆที่เป้ย์หลันรู้ว่ามีอารยธรรมระดับสูงคอยปกป้องระบบสุริยะอยู่ เลยเดาได้ว่า ไม่ช้าก็เร็วอารยธรรมมนุษย์จะล้ำหน้าชนเผ่าหลันของพวกเขาได้ในสักวันหนึ่ง
ตอนนี้เขาใช้เทคโนโลยีที่วันหนึ่งมนุษย์โลกจะพัฒนาถึงมาแลกกับคำสัญญาของมนุษย์ คุ้มค่ามากทีเดียว
แน่นอนว่าเขาเองกำลังพนันว่า มนุษย์จะยอมปล่อยลูกหลานพวกเขาไหม เขาไม่รู้ แม้แต่ลู่เฉินเองก็ไม่รู้ว่า ถ้ามีวันหนึ่งเจอกับชนเผ่าหลันเข้า จะสู้กันตายไปข้างหนึ่งไหม
ลู่เฉินพยักหน้า แต่สีหน้าดูเคร่งเครียด
เขาเองก็รู้สึกว่า เหมือนมีอารยธรรมขั้นสูงคอยจับจ้องดูมนุษย์อยู่
แต่ว่า อารยธรรมขั้นสูงนี่มาดีหรือมาร้ายล่ะ?
เขาไม่แน่ใจเลย และคาดเดาไม่ได้ด้วย
นี่เป็นสัญญาณที่อันตรายมาก
แต่ตอนนี้ลู่เฉินก็ไม่มีเวลาไปกังวลเรื่องนี้
เขารีบติดต่อตู้เฟย จากนั้นก็สอนพวกเขาผ่านไลฟ์ว่าจะสั่งการหุ่นยนต์ที่ชนเผ่าหลันเหลือไว้ยังไง และให้พวกเขาสั่งหุ่นยนต์ไปหยิบชิบที่เป้ย์หลันพูดมา พร้อมเอาชิบกลับมายานอวกาศซี-หวั้ง
เวลาที่เหลือ ลู่เฉินไม่ได้จากไปเลย ด้านหนึ่งเขาให้พวกติงต้าเฉิงค่อยๆถอดรหัสเทคโนโลยีของชนเผ่าหลัน อีกด้านก็ค่อยๆแกะเอาวัสดุเรือรบของชนเผ่าหลัน
ถึงแม้ว่าเรือรบส่วนใหญ่จะกลายเป็นเศษซากแล้ว แต่วัสดุหลายอย่างยังเอามารีไซค์เคิลได้
เผลอๆอีกหนึ่งปี พวกเขาคงจะสร้างเรือรบป้องกันของยานอวกาศซี-หวั้งตามเทคโนโลยีชนเผ่าหลันที่พวกเขาได้มาก็ได้
เรือรบป้องกัน001มีขนาดใหญ่ประมาณหนึ่งในยี่สิบส่วนของยานอวกาศซี-หวั้ง้ ด้านบนติดตั้งระบบรุกและป้องกันเต็มรูปแบบที่ชนเผ่าหลันเหลือไว้ ขอแค่เป็นอารยธรรมที่ด้อยกว่าชนเผ่าหลัน ก็ยากที่จะโจมตีเรือรบป้องกัน001ได้
จากนั้นในเวลาสามปี ลู่เฉินเองไม่ได้เคลื่อนตัวไปทางพร็อกซิมาคนครึ่งม้าbเลย เขายังคงศึกษาและใช้มรดกเทคโนโลยีของชนเผ่าหลัน
เวลาสี่ปีนี้ ยานอวกาศซี-หวั้งได้เพิ่มมนุษย์เกิดใหม่สามหมื่นกว่าคน มาตรฐานชีวิตมนุษย์ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆตามการสนับสนุนทรัพยากรที่ไร้ขีดจำกัด หลายครอบครัวเลยต่างพากันให้กำเนิดชีวิตใหม่อย่างไม่หยุดหย่อน
สำหรับเรื่องนี้ลู่เฉินออกคำสั่งไปที่ยานอวกาศซี-หวั้ง ให้หาพื้นที่ให้เพียงพอกับมนุษย์เกิดใหม่
ในเวลาเดียวกัน เรือรบป้องกันรอบยานอวกาศซี-หวั้งเพิ่มจำนวนเป็นยี่สิบลำ พวกมันจะรับหน้าที่ปกป้องยานอวกาศซี-หวั้งเป็นหลัก
ยังมีเครื่องรบกาแล็คซี่ จากระดับเทคโนโลยีก่อนหน้านี้ของมนุษย์ พวกเขาทำได้แค่สร้างเครื่องรบที่มีอายุขัยแค่เจ็ดชั่วคนมาเป็นเครื่องรบกาแล็คซี่เท่านั้น
แต่ตอนนี้เมื่อได้รับเทคโนโลยีของชนเผ่าหลันมา ความสามารถของเครื่องรบกาแล็คซี่เลยพัฒนาขึ้นจนเทียบเท่าแปดชั่วอายุคนครึ่งหรือเก้าชั่วคนเลยด้วยซ้ำ
สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานที่มนุษย์จะใช้เมื่อเจออารยธรรมต่างดาวในอนาคต
ปีที่ห้า ภายใต้แรงกระตุ้นของเทคโนโลยีชนเผ่าหลัน ในที่สุดลู่เฉินได้ฝ่านด่านยากของการวาร์ปได้สำเร็จ ทำให้ความเร็วในการนำทางของมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างน้อยยี่สิบปีเลยทีเดียว
การวาร์ปที่ว่า คือการทำให้ห้วงอวกาศโดยรอบของยานอวกาศซี-หวั้งขยับขึ้นมา
ห้วงอวกาศที่ยานอวกาศซี-หวั้งอยู่นี่ ที่จริงคือหยุดนิ่งไม่ขยับ แต่ห้วงอวกาศสามารถขยับไปในทิศทางที่กำหนดด้วยความเร็วกว่าแสงได้
จุดสำคัญคือการทำให้ความโค้งของห้วงอวกาศด้านหลังยานอวกาศซี-หวั้งเรียบลง จากนั้นให้ห้วงอวกาศด้านหน้าของยานอวกาศซี-หวั้งดึงเข้าไปหา
เครื่องยนต์ขับเคลื่อนนี่เคยถูกพูดถึงตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีก่อนแล้ว แต่ลู่เฉินเองก็ได้เก็บสะสมใจกลางเทคโนโลยีชนเผ่าหลันเอาไว้ในห้าปีนี้ และทำการทดลองนับครั้งไม่ถ้วน จนสำเร็จในที่สุด
หลังจากวิจัยการวาร์ปแล้ว ในที่สุดลู่เฉินก็ขับเคลื่อนยานไปสู่พร็อกซิมาคนครึ่งม้าb
ตามหลักการวิเคราะห์ของศูนย์คอมพิวเตอร์ อีกสามปียานอวกาศซี-หวั้งจะสามารถไปถึงพร็อกซิมาคนครึ่งม้าbได้
ปีที่สองที่ขับโค้งมา บรรดาแพทย์สามารถทำการคิดค้นยาวิวัฒนาการยีนออกมาได้ในที่สุด
ยานี้จะสามารถยืดอายุขัยมนุษย์ได้มากโข
แต่เพราะว่าวัตถุดิบหลักของยานี้เก็บมาจากตัวสัตว์ประหลาดดาวอังคาร เลยมีน้อยและแพงมาก ในเวลาอันสั้น ยาชนิดนี้จะเปิดให้ระดับสูงเท่านั้น
ครั้งก่อนที่อยู่ดาวอังคาร ลู่เฉินจับสัตว์ประหลาดดาวอังคารมาได้ตัวหนึ่ง และนำกลับมาเลี้ยงและวิจัยที่ยานอวกาศซี-หวั้ง หลายปีมานี้ในที่สุดวิเคราะห์ออกมาจนได้ สามารถใช้ลักษณะพิเศษบางอย่างของมันได้
แต่สัตว์ประหลาดดาวอังคารนี่ดุร้ายเกินไป พวกนักวิทยาศาสตร์เองยังไม่กล้าเข้าไปเลี้ยงเท่าไหร่
ปีที่สามที่ยานอวกาศซี-หวั้งขับโค้งมา ในที่สุดก็มาถึงพร็อกซิมาคนครึ่งม้าbจนได้
จังหวะที่ยานของยานอวกาศซี-หวั้งโผล่มาในห้วงอวกาศโค้ง พวกลู่เฉินกลับรู้สึกกลัวขึ้นมาดื้อๆ!