บทที่ 509 เศร้าและโกรธ
เศษดาวเคราะห์นิวตรอน…
นี่เป็นคำศัพท์ที่มนุษย์ทั้งหมดไม่คุ้นเคย แต่ถ้าเป็นคนที่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ จะรู้ว่ามันคืออะไร และรู้ถึงความน่ากลัวของมันด้วย!
ต่อให้มันมีขนาดใหญ่แค่กำปั้น ขอเพียงมันเข้าสู่ระบบดาวฤกษ์จริงๆ ระบบดาวฤกษ์ก็จะถูกทำลายลงในที่สุด
นี่เป็นการฆ่าล้างดาวฤกษ์ที่น่ากลัวรองจากหลุมดำเท่านั้นเอง!
วินาทีนี้ รวมถึงลู่เฉินด้วย ทุกคนต่างสีหน้าซีดเผือด
ตอนอยู่บนยานอวกาศซี-หวั้ง พวกนักดาราศาสตร์ก็พากันวิเคราะห์ถึงทฤษฎีการคงอยู่ของเศษดาวเคราะห์นิวตรอน รวมถึงวิธีการรับมือด้วย
นักวิทยาศาสตร์แบบนี้อย่างน้อยมีหลายร้อย แต่ที่จะวิเคราะห์จนเจอบทสรุปมีน้อยจนน่าสงสาร เพราะตัวดาวนิวตรอนเอง ยังเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่เคยเห็นมาก่อน มันเป็นแค่การวิเคราะห์ทางทฤษฎีเท่านั้นเอง
ดาวนิวตรอนที่ว่า คือดาวฤกษ์ชนิดหนึ่งที่มีลักษณะใหญ่กว่าดวงอาทิตย์มากนัก
สารธาตุแสงที่มีส่วนประกอบเป็นไฮโดรเจนและอื่นๆรวมตัวกันแน่น ก่อตัวเป็นสสารประกอบหนักอาทิ คาร์บอน โลหะเป็นต้น ซึ่งมวลของสสารธาตุหนักเหล่านี้มีมากเกินไป
นั่นน่ะเป็นจำนวนสสารทั้งหมดที่มากกว่าโลกไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
มันเกิดการยุบตัวตามแรงโน้เมถ่วงของมันเอง มันจะยุบตัวลงจนเหลือขนาดเท่ากับสสารนิวเคลีย สสารที่มีขนาดเท่าเมล็ดงานี้สามารถคำนวณน้ำหนักออกมาได้หลายหมื่นตัน
ระดับการยุบตัวชนิดนี้ มันยังไม่ถึงระดับโอเวอร์ชนิดที่ทำลายล้างตัวเองไปด้วย การทำลายดาวฤกษ์แบบนี้เรียกว่าดาวเคราะห์นิวตรอน
ดาวเคราะห์นิวตรอนเป็นสสารที่มีความลับสูงมากแบบนี้
นอกจากหลุมดำที่อาจจะมีอยู่หรือไม่มีอยู่ในจักรวาลก็ได้ สสารที่มีลักษณะใหญ่ที่สุดก็คือดาวเคราะห์นิวตรอนนี่แหละ
และความแข็งแกร่งของมันมากจนยากที่จะคาดคิดได้ เอาไปเทียบกับเพชร ก็เหมือนเอาละอองทองคำไปเปรียบกับอากาศน่ะแหละ มันไม่ใช่อะไรที่อยู่ในระดับเดียวกันเลย
และด้วยมวลสสารที่หนาแน่นที่สุดในจักรวาลชนิดนี้ ยังมีความแข็งมากที่สุดด้วย แล้วนี่ดันเกิดเศษซากขึ้นมา? เป็นไปได้ยังไง!
ต่อให้นักวิยาศาสตร์จะวิเคราะห์ประมาณค่าน้ำหนักและขนาดผ่านวิธีการมากมาย ก็ทำได้แค่รู้ว่ามันเป็นสสารดาวนิวตรอนในตำนาน แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงเนี่ย!
ก่อนอื่นอย่าพึ่งพูดถึงว่าจะมีเทคโนโลยีที่สามารถทำลายดาวเคราะห์นิวตรอนได้ไหม
เอาแค่ความรู้วิทยาศาสตร์ชนิดหนึ่ง ที่ว่าดาวนิวตรอนก็คือดาวนิวตรอน เหตุผลก็เพราะมวลสสารขนาดใหญ่จนทำลายแกนกลางของมันเอง
ทำให้แกนกลางที่ใหญ่สลายจนเหลือขนาดแค่เมล็ด และระหว่างเมล็ดไม่มีช่องว่างระหว่างกันเลยด้วยซ้ำ
ถ้าทำลายดาวนิวตรอนเป็นผุยผงเพื่อดึงซากออกมา งั้นผลก็คือ ระหว่างที่ดึงซาก มวลสสารของดาวนิวตรอนจะขยายตัวทันที
เพราะด้านในสสารมีแรงดึงดูดระหว่างกันอยู่ ไม่เพียงมีแรงดึงดูด ยังมีแรงผลีก และเมื่อสสารเข้ามาใกล้ แรงผลักจะขึ้นมามีอำนาจเหนือกว่า
ถ้าจะให้เปรียบเทียบให้เห็นภาพ คือ แม่เหล็กขั้วเดียวกันนั่นแหละ ยิ่งเข้าใกล้ แรงผลักก็ยิ่งมาก
ถ้าอยากจะให้มันหดตัวอยู่ด้วยกัน ต้องมีแรงภายนอกขนาดมหาศาลมาใช้ถึงจะได้
และเศษดาวนิวตรอนถ้าออกจากแรงดึงดูดอันยิ่งใหญ่จนคาดไม่ถึงของตัวมันเองแล้ว สสารนั้นจะขยายตัวในพริบตา จนไม่เหลือซากเดิมของดาวนิวตรอนอีกเลย
พูดอีกอย่างก็คือ การคงอยู่ของดาวนิวตรอนเป็นการท้าทายความรู้โดยปกติทั้งสองข้อของวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ หนึ่งคือ สสารดาวนิวตรอนจะตัดออกได้ยังไง? ระเบิดแกน? ระเบิดแสง? อย่าล้อเล่นน่า!
สองคือเศษดาวนิวตรอนจะรักษาสภาพรูปร่างของมันได้ยังไง? ไม่ทำให้สสารที่โดนกดทับอยู่ด้านในกลับสู่ขนาดเดิม? ยาง?ยางพารายี่ห้อต่างดาว??
เรื่องพวกนี้เป็นข้อกังขาและไม่เข้าใจที่นักวิทยาศาสตร์มีอยู่ในตอนนี้กับดาวนิวตรอน เหมือนกันกับ ด้วยเทคโนโลยีมนุษย์ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สามเดิม หรือเทคโนโลยีของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่ เรื่องที่ว่าดาวนิวตรอนจะเข้าโจมตีนี่ยังเป็นคำถามที่ไร้คำตอบอยู่!
ใช่ ไม่มีคำตอบเลยจริงๆ!
มนุษย์ไม่มีหนทางที่จะยับยั้งไม่ให้ดาวนิวตรอนเข้าโจมตีดาวฤกษ์ได้เลย!
พอลู่เฉินได้ยินการรายงานจากหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ เขาก็มีสีหน้าซีดเผือดทันที
นี่มันหมายความว่ายังไง?
มันหมายความว่า พวกเขาพึ่งจะโจมตีพร็อกซิมาคนครึ่งม้า พึ่งจะเข้าครอบครองที่นี่
พึ่งทำให้คนแคระยอมศิโรราบ กลายเป็นเจ้าของพร็อกซิมาคนครึ่งม้า
หลังจากนั้นภายในสามปี พวกเขาต้องอพยพอีกครั้ง
กลับเข้าสู่ห้วงจักรวาลที่เงียบเหงานั่น
วินาทีนี้ทุกคนเหมือนเจอผีหลอกกลางวันแสกๆ สายตาทุกคนเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
หลังจากอึ้งบื้ออยู่สักพัก จู่ๆติงต้าเฉิงร้องโหยหวนขึ้น “แม่งเอ๊ยผีหลอกแล้วเนี่ย! เป็นไปได้ยังไง! แม่งเอ๊ย ทำไมมนุษย์เราโชคร้ายแบบนี้เนี่ย!”
ทุกคนทั้งเสียใจและโกรธแค้น
มนุษย์ต้องผ่านการเดินทางอันแสนเดียวดายมาสิบกว่าปี ผ่านสงครามที่เกือบทำลายล้างเผ่าพันธุ์มาหลายครั้ง
อุตส่าห์ลงหลักปักฐานได้แล้ว กลับต้องหนีกลับไปในจักรวาลเหมือนหมาอีกครั้งเนี่ยนะ!
ใครจะยอมรับล่ะ!
ลู่เฉินกลับเข้าสู่ภวังศ์
เรื่องนี้มันแปลกมากเกินไปแล้ว
สิบปีก่อนตอนอยู่บนโลก เขาก็สงสัยแล้วว่า ต้องมีอะไรสักอย่างที่ชักพามนุษย์ และบีบคั้นมนุษย์อยู่
ที่ไม่ยอมให้มนุษย์อยู่พัฒนาบนโลกต่อ
มันเหมือนทำลายสัตว์ประหลาดอัพเลเวลยังไงยังงั้น ถ้าคุณหยุดอยู่ที่เดิม ประสบการณ์ที่สามารถซึบซับได้จะน้อยจนน่าสงสาร
และจุดนี้ก็พิสูจน์ถึงความจริงแล้ว
หลังจากที่มนุษย์โดนบีบคั้นให้ออกจากโลก ก็เผชิญภันดาวอังคารก่อน จากนั้นก็ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมที่ไททัน ทำให้เทคโนโลยีของมนุษย์สามารถพัฒนาได้ยั่งยืนขึ้น
จากนั้นก็มาได้รับเทคโนโลยีของชนเผ่าหลันที่ปลายขอบระบบสุริยะ เลยทำให้เทคโนโลยีของมนุษย์ก้าวเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่ จนได้เข้าสู่อารยธรรมจักรวาลระดับสอง
ถึงแม้ว่าสองปีมานี้จะดูเหมือนไร้คู่ต่อสู้ที่พร็อกซิมาคนครึ่งม้า แต่ระดับเทคโนโลยีของมนุษย์ก็หยุดชะงักลงอีกแล้ว
เทคโนโลยีหลายแขนงเดินมาถึงขอบปริ่ม ยังหาทางบรรลุไม่ได้สักที
แล้วตอนนี้พวกเขาก็ได้รับข่าวร้ายเรื่องเศษดาวนิวตรอนจะทำลายล้างดาวเคราะห์นี้
มันบังเอิญจริงๆหรอ?
ลู่เฉินนวดขมับเบาๆ ในใจเขาไม่ค่อยเชื่อว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ
เพราะมันประจวบเหมาะมากเกินไป!
พวกติงต้าเฉิงข่มกลั้นความโกรธเศร้าลงไป คนหนี่งนั่งกระแทกลงบนโซฟาพลางถอนหายใจเสียงดังออกมา ในขณะเดียวกัน ก็หยิบเหล้าขาวมากรอกเข้าปากเหมือนดื่มน้ำเปล่า
ในใจลู่เฉินเองก็ทั้งปวดใจและโกรธมาก แต่เขามีสติมากกว่าพวกติงต้าเฉิง เลยพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้อย่าพึ่งเผยแพร่ออกไป คนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี พวกเราต้องอาศัยเวลาสามปีนี้ค่อยๆตรวจสอบว่ามันจริงไหม อีกอย่าง พวกเราจะใช้เวลาสามปีนี้จัดการรวบรวมทรัพยากรและวัตถุดิบต่างๆให้พรั่งพร้อมด้วย”
ทุกคนพยักหน้า พวกเขาเชื่อคำพูดของลู่เฉิน มันไม่ควรให้ใครรู้มากเกินไปจริงๆ
และไม่อาจให้เกิดเหตุจราจลได้
“คนอื่นคอยตรวจสอบต่อไป ติงต้าเฉิงไปห้องประชุมกับผมละกัน”
ลู่เฉินพูดพลางลุกขึ้น จากนั้นก็บอกเฉินจือหราน ให้เธอแจ้งที่ประชุมระดับสูง
ประชุมด่วน!