บทที่ 527 เป้าหมายต่อไป
หลังจากกลับมาบนยานอวกาศซี-หวั้ง ทุกคนรวมถึงลู่เฉินด้วยต่างก็รู้สึกรอดตายโดยทั่วกัน
พวกลู่ฉีฉีกับหลินอี้จุนยืนรออยู่ตรงทางเข้านานแล้ว พอเห็นลู่เฉินลงมา ครอบครัวกอดเข้าหากันด้วยน้ำตาที่อาบแก้ม
ผู้บริหารระดับสูงที่มารอรับลู่เฉินกับตู้เฟยต่างโห่ร้องรับอย่างตื่นเต้น
ผ่านไปอยู่นาน จนภรรยาและลูกสาวหยุดร้องไห้ ลู่เฉินถึงปล่อยพวกเธอ
เขาเงยหน้าขึ้น มองเห็นเงาร่างหนึ่งกำลังหมุนตัวเดินจากไป
เธอก็คือเฉินชูหรัน
พอเห็นลู่เฉินปลอดภัยกลับมา ความกังวลในใจเธอก็มลายหายไปสิ้น
วินาทีประทับใจรอดตายมาแบบนี้ เธอเลือกที่จะเหลือไว้ให้ครอบครัวลู่เฉินมากกว่า
“ไปแบ่งปันความสุขกับเธอเถอะ” หลินอี้จุนสังเกตเห็นเฉินชูหรันที่เดินจากไปเงียบๆเหมือนกัน เธอผลักลู่เฉินพลางพูด
ลู่เฉินพยักหน้า และวิ่งตามออกไป
….
พอกลับสู่ห้องทำงาน ลู่เฉินรีบเอาไข่มุกให้ติงต้าเฉิงวิจัยทันที จากนั้นเปิดที่ประชุมด่วน
บรรยากาศในห้องประชุมเป็นดังนี้
ก็คือ ยานอวกาศซี-หวั้งโดนอารยธรรมต่างดาวอื่นจับตามองแล้ว ระบบดาวเอปไซลอนเอริดานีไม่เป็นที่ปลอดภัยอีกต่อไป
ด้วยเหตุนี้ ในที่สุดลู่เฉินก็ประกาศข่าวเรื่องเผ่าปีศาจ ฝ่ายเคลียร์และสหพันธ์ผู้พิทักษ์กับทุกคน ทำให้ทุกคนเปิดการวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาทันที
ท่ามกลางการวิเคราะห์ มีผู้บริหารระดับสูงบางคนเริ่มทำการติดต่อร้องขอการคุ้มครองจากสหพันธ์ผู้พิทักษ์
บ้างก็คิดเหมือนกับพวกลู่เฉินที่ว่า
สหพันธ์ผู้พิทักษ์เองนั้นก็เชื่อถือไม่ได้
การประชุมต่อเนื่องถึงสามชั่วโมงกว่า สุดท้ายเพราะความเห็นต่างกันที่ไม่สิ้นสุดของทุกคน ลู่เฉินประกาศปิดการประชุม
แต่ก่อนเลิกประชุม เขายังคงออกคำสั่ง ให้ออกจากกลุ่มดาวเอปไซลอนเอริดานีภายในสามวันหลังจากนี้
เป้าหมายต่อไปคือ ยึดดาวเคปเลอร์ 55ไว้ชั่วคราว
ตามการวิเคราะห์ เมื่อหลายปีก่อน เคปเลอร์ 55 เป็นดาวระดับท็อปดาวหนึ่ง ที่อยู่ในตำแหน่งห่างจากเอปไซลอนเอริดานีห้าปีแสง
หลังจากการวิเคราะห์นับครั้งไม่ถ้วนของนักวิทยาศาสตร์ มันถูกกล่าวว่าเป็นน้ำที่อาจจะมีอยู่จริง
นักวิทยาศาสตร์บางท่านยังคิดว่า มันอาจจะถูกปกคลุมด้วยมหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาลก็ได้
พื้นที่ของดาวนี้เป็นสามเท่าของโลก ใช้เวลาหมุนรอบตัวเองถึง312วัน
เกือบใกล้เคียงกับ365วันของโลก
แต่กลุ่มดาวที่มันอยู่เก่าแก่กว่าระบบสุริยะมากนัก ทำให้ทุกคนกังวลเรื่องหนึ่ง
เคปเลอร์ 55จะมีอารยธรรมอื่นอยู่ไหม?
ถ้ามี เป็นระดับไหนกัน
แต่มนุษย์ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าในตอนนี้
เพื่อหาดาวดวงใหม่ ไม่ว่าจะมีอารยธรรมอื่นอยู่หรือไม่ ก็ต้องไปลองดูก่อน
หลังจบการประชุม ลู่เฉินรั้งฝ่ายการทหารระดับสูงเช่น ตู้เฟย และอวู๋กวางเจิ้งเพื่อปรึกษาอีกเรื่อง
“เห็นได้ชัดว่า อารยธรรมนั่นจับพิกัดเราไว้แล้ว เป้าหมายพวกเขาชัดมาก ถ้าไม่คิดเอาพวกเรามนุษย์เป็นทาส ก็คิดจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เรา”
สายตาลู่เฉินจับจ้องไปที่พวกตู้เฟยพลางว่า “แต่พวกเราเก็บหยดน้ำอาวุธอัศจรรย์พวกเขาไว้แล้วนะ เห็นได้ชัดว่าคงไม่มีโอกาสตกลงอย่างสันติแน่ ถ้าพวกเขามาถึง พวกเราคงเหลือแค่ทางเดียว”
“โดนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์!”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเรามนุษย์จะนอนรอความตายไม่ได้”
“ดังนั้นผมเลยคิดว่า ควรจะให้บทเรียนที่สาสมกับพวกเขาซะหน่อย!”
ลู่เฉินพูดจบ ก็คว้าถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาจิบหนึ่งคำ รอพวกตู้เฟยเสนอความคิดบ้าง
“มันแน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า พวกเราจะสั่งสอนเขายังไงดีล่ะ?” ตู้เฟยถาม
“สิ่งสำคัญที่สุดคือ พวกเขาจะมายังไง มาเมื่อไหร่ พวกเราไม่รู้เลยนะ” อวู๋กวางเจิ้งถามอย่างสงสัย
“ผมมีแผน ก็คือจัดวางตัวปลอมไว้ที่เอปไซลอนเอริดานี แอ เพื่อล่อให้อีกฝ่ายเข้าไปที่เอปไซลอนเอริดานี แอ หลังจากนั้นพวกเราก็ระเบิดเอปไซลอนเอริดานี แอ ทิ้งซะ ต่อให้ไม่สามารถล้างบางอีกฝ่ายได้ อย่างน้อยคงทำให้เจ็บหนักได้บ้าง”
“นี่จะได้ช่วยถ่วงเวลาไม่ให้พวกเขาตามพวกเราทันได้”
ลู่เฉินวางถ้วยชาลงพลางว่า
เขาเชื่อว่า อารยธรรมที่สามารถมีอาวุธร้ายกาจอย่างหยดน้ำนี้ไว้ ต้องเป็นอารยธรรมต่างดาวระดับห้าขึ้นไปแน่
ส่วนมนุษย์พึ่งได้เข้าอารยธรรมต่างดาวระดับสามเท่านั้นเอง มันแตกต่างกันมากเกินไป
ดีไม่ดี อีกฝ่ายจะจับจุดการขับเคลื่อนยานความเร็วสูงเช่น เทคนิครูหนอน ประตูมิติเป็น ได้แล้วด้วยซ้ำ
ถ้างั้นการที่พวกเขาจะไล่ตามมนุษย์มามันง่ายมากเลย
ขอเพียงทำการโจมตีอีกฝ่ายอย่างหนักหน่วงที่นี่ ถึงจะสามารถถ่วงเวลาไล่ฆ่าของพวกเขาไปได้
ถึงเวลานั้นคงต้องสู้ตายกันไปข้างล่ะ
“แผนนี้ดี ผมเห็นด้วย” ตู้เฟยยกมือสนับสนุนลู่เฉินเป็นคนแรก
พวกอวู๋กวางเจิ้งคิดๆดู ก็คิดว่าแผนนี้ใช้ได้
“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ฝ่ายทหารของพวกนายต้องเตรียมทั้งหมดนี่ในสามวัน ด้วยปริมาณระเบิดที่พวกเรามีในตอนนี้ เพียงพอที่จะระเบิดเอปไซลอนเอริดานี แอได้แล้วล่ะ” ลู่เฉิน
พวกตู้เฟยรับคำสั่งไปจัดการ จากนั้นลู่เฉินก็ไม่ได้อยู่ว่าง เขารีบไปศูนย์วิจัยทันที
ภายในห้องวิจัยส่วนตัวของติงต้าเฉิงที่ศูนย์วิจัยตอนนี้ นักวิทยาศาสตร์ระดับท็อปหลายคนกำลังล้อมรอบและพยายามวิจัยเทคโนโลยีของหยดน้ำที่โดนห่อหุ้มอยู่ด้านในไข่มุกอยู่
สิ่งที่ทำให้ลู่เฉินภูมิใจคือ ลู่ฉีฉีลูกสาวของเขาก็รวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย
ต้องยอมรับจริงๆว่า พรสวรรค์ของฉีฉีสูงมากจริงๆ หลายปีมานี้นอกจากจะสามารถวิจัยแกนกลางเครื่องส่งสัญญาณได้แล้ว เธอยังคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ระดับท็อปอีกหลายรายการ ทำคุณานุประโยชน์ให้กับมนุษย์อย่างมาก
ติงต้าเฉิงเคยออกปากหลายครั้งว่า ลู่ฉีฉีจะเป็นผู้สืบทอดของเขา
ตำแหน่งผู้นำศูนย์วิจัยของมนุษย์ในอนาคต ลู่ฉีฉีต้องได้แน่
สิ่งเดียวที่ทำให้ลู่เฉินเครียดคือ จนถึงวันนี้ ลู่ฉีฉีอายุยี่สิบห้าปีแล้ว แต่ยังไม่คิดจะมีแฟนเลย
ที่จริงลู่เฉินพยายามจับคู่เธอกับหวังเจี้ยนซึ่งเป็นลูกชายคนโตของหวังเหวยมาโดยตลอด
หวังเจี้ยนอายุมากกว่าฉีฉีสองปี และเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงเหมือนกัน
หลายปีมานี้เขาทำงานในรัฐบาล ความสามารถเป็นที่รับรู้กันดี ถูกประชาชนขนานนามว่าเป็นทหารรุ่นใหม่ไฟแรงมาก
น่าเสียดายที่ฉีฉีอ้างว่างานยุ่ง เลยปฏิเสธนัดเดทของหวังเจี้ยนไปหลายครั้ง
“ผู้นำ”
“ผู้นำ”
พวกติงต้าเฉิงเห็นลู่เฉินเข้ามา ต่างหันไปทักทายลู่เฉิน
ฉีฉียังคงมีสมาธิ ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองลู่เฉินเลย
ลู่เฉินพยักหน้า สายตาจับจ้องไปที่โครงสร้างหยดน้ำที่ขยายใหญ่ผ่านกล้องจุลทรรศ
ภายในเครื่อง อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นจนถึงระดับหนึ่งในพันของศูนย์องศา ซึ่งภายใต้อุณหภูมินี้ เปลือกหยดน้ำถึงจะหยุดการแตก
พวกนี้เป็นวัตถุดิบที่เหนือความคาดหมายของทุกคนมาก วัตถุดิบแบบนี้ ถ้ามนุษย์วิเคราะห์ออกมาได้ เทคโนโลยีของมนุษย์จะพุ่งทะยานขึ้นสูงอย่างมาก