Chapter 419 ฝันร้ายของดยุค
Advent of the Archmage Chapter 419 ฝันร้ายของดยุค
ฟื้ว, นิ้ว
เสียงลมดังเข้ามาในหูของดยุคอาเบล เขาพบว่าตัวเองกําลังเดินอยู่ในปาที่มืดมิด กลิ่นศพเน่าลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศทั่วทุกมุมดูเหมือนจะมีดวงตาที่กําลังจ้องมาทางเขาอยู่
“มาส์, มาสิ”
เสียงอันแผ่วเบาของผู้หญิงดังขึ้นเป็นครั้งครา เหมือนกับแม่ที่กําลังเรียกลูกชายของตัวเอง,ดยุคอาเบลกําลังเดินไปทางต้นตอของเสียงนั้นอย่างไม่รู้ตัว
ฟื้ว! มีธนูดอกนึงพุ่งมาทางเขาอย่างกระทันหัน เขาหลบตามสัญชาตญาณ, แล้วลูกศรก็ถากโดนใบหน้าของเขา, ทิ้งลอยแผลลึกเอาไว้พร้อมกับตัดหนวดเขาไปด้วยบางส่วน
หัวใจของเขาเต้นรัวจากประสบการณ์เฉียดตาย
“ฆ่ามัน! อ้าก!” แกรัง, แกรัง
มีความวุ่นวายอยู่ข้างหน้า มีเสียงกรีดร้อง, ความตื่นตระหนก, และเสียงปะทะกันของอาวุธ ดยุคอาเบลตกใจเขารีบวิ่งไปข้างหน้า
เขาเคลื่อนที่ผ่านต้นไม้ใหญ่, บินหินก้อนยักษ์ที่ขวางทางอยู่ สภาพแวดล้อมรอบตัวเริ่มเปิดกว้าง; แล้วพื้นที่ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขาบนพื้นที่นั้น, ปีศาจกับม นุษย์กําลังต่อสู้กันอย่างรุนแรง, มันไม่ใช่การต่อสู้ มันคือการสังหารหมู่: ปีศาจกําลังสังหารหมู่มนุษย์
ดยุคอาเบลเห็นปีศาจเพลิงโฟดอร์ตัวนึงคว้าตัวมนุษย์คนนึงขั้นมาแล้วกัดหัวของเขาขาดเขาเห็นปีศาจเพลิงโฟดอร์สองตัวคว้าหัวกับขาของทหารคนนึงแล้วฉีกเขาเป็นชิ้นๆ
แล้วเขาก็เห็นคาร์โนส, ที่เป็นนักรบมนุษย์สุดแกร่ง, ตกอยู่ในสภาพโชกเลือดเขาฆ่าปีศาจไปได้หลายตัวทําให้รู้สึกเหนื่อยล้า มีซัคคิวบัสตัวนึงเดินมาหาเขา, ฟาดเขา, แล้วส่งเขาลงไปกองกับพื้น
ซัคคิวบัสตัวนั้นไม่ได้หยุดฟาดแส้ ทุกการโจมตีได้เปิดแผลออกมาให้กว้างขึ้นจนกระทั่งในที่สุด, คาร์โนสก็กลายเป็นโครงกระดูกสีขาว ในจังหวะสุดท้าย, ดยุคอา เบลเห็นคาร์โนสหันหน้ามาพร้อมกับยื่นมือมาหาดยุค, แล้วมองเขาอย่างอ้อนวอน “ท่านครับ, ช่วยข้าด้วย”
หัวใจของดยุคอาเบลสันสะท้าน คาร์โนสเป็นนายพลคนสนิทของเขาเขาจะไม่ทําอะไรเลยได้ยังไงหล่ะ?
ด้วยเสียงเกร็ง, เขาชักดาบออกมาแล้ววิ่งเข้าไปแต่
บตบเขาล้มกับพื้นแล้วเหยียบหัวของเขา
“เจ้าเรียกตัวเองว่าแม่ทัพด้วยความแข็งแกร่งแค่นี้เนี่ยนะ? เจ้ามันไร้ค่า!”
“5555, เจ้ามันไร้ค่า”
“เจ้ามันขยะ! เจ้าคือความล้มเหลว!”
ด้วยความสับสน, ดยุคอาเบลเห็นปีศาจหยุด พวกมันเดินมาล้อมรอบเขาและเริ่มพูดดูถูก
“ฆ่ามันซะ!” มีเสียงดังออกมา
ดยุคอาเบลรู้สึกว่าหัวของเขาโดนกระแทก ทัศนวิสัยของเขาพร่ามัว, และหัวใจของเขาก็เต้นรัว
“อ้าก!!” ดยุคอาเบลดีดตัวขึ้นมาจากเตียง ไฟเวทมนตร์ข้างๆเขาส่องแสงสีเหลืองอ่อนสลัวๆ เขา ถูกห้อมล้อมด้วยห้องที่คุ้นเคย
มันคือความฝัน ดยุคอาเบลถอนหายใจออกมา เขาจับหลังของเขา; มันชุ่มไปด้วยเหงื่อ
แม้ว่ามันจะเป็นความฝัน, แต่ความไร้พลังก็ยังฝังอยู่ในจิตใจของเขาความฝันนั้นเหมือนจริงมาก หลังจากผ่านไปพักใหญ่ๆเขาก็ยังตัวสั่นจากความรู้สึกกระสับกระส่ายนี้
อาเบลยื่นมือออกมาแล้วศึกษามัน มีรอยด้านอยู่ที่มือเล็กน้อย, ซึ่งบ้างก็มาจากการจับปากกาและบ้างก็มาจากการจับดาบแต่พวกมันก็เป็นรอยจางๆหมดเลย
ศิลปะการต่อสู้หรอ? อํานาจหรอ? อาเบลถอนหายใจออกมามันไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากแข็งแกร่ง ในตอนที่เขายังหนุ่ม,เขาฝึกอย่างจริงจังมาเป็นเวลาห้าปี แต่ก็โชคร้ายที่ เขาไม่มีพรสวรรค์
ด้วยการผลักผ้าห่มไปด้านข้าง, ดยุคอาเบลก็เดินไปทางหน้าต่างเขาจ้องไปที่ป้อมปราการ
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว มีดวงจันทร์ลอยอยู่บนท้องฟ้า, และมีคบเพลิงนับไม่ถ้วนล้อมรอบป้อมอยู่ ทัศนวิสัย
ถูกก่อขึ้นด้วยทรายและเสริมพลังด้วยเวทมนตร์เรียบร้อยแล้ว ศพที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วก็ถูกเก็บรวบรวมมาเผา
จากที่นี่, เขามองเห็นภูเขาขี้เถ้าอยู่บนที่ราบนอกป้อมปราการ
ดยุคอาเบลเหม่อมองด้วยความสับสน ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นการต่อสู้จากคืนนั้น ฉากนั้นค่อยๆหลอมรวมเข้ากับค วามฝันของเขาอย่างช้าๆเขาเห็นภาพการสังหารหมู่และ เห็นคาร์โนส, ที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นโครงกระดูก,แล้วยื่นมือมา หาเขาอีกครั้งนึช่วยข้าด้วย!
เจ้ามันขยะ!
“ไม่นะ!” ดยุคอาเบลส่ายหัวอย่างรุนแรง, แล้วหนีออกมาจากภาพลวงตานั้น
ถ้าปีศาจกลับมา, พวกเราจะหยุดพวกมันได้ยังไง? ลิงค์ปรากฏขึ้นในความคิดของดยุคอาเบล มาสเตอร์ลิงค์อาจจะสา มารถหยุดพวกมันได้แต่เขาก็เป็นแค่คนๆนึง ถ้าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่หล่ะ? แล้วถ้าปีศาจโจมตีที่เผลอในขณะที่เขาไม่อยู่ที่ นี่หล่ะ?
ด้วยการทรุดลงกับพื้น, ดยุคอาเบลเอามือปิดหน้าของเขาแล้วนั่งอย่างเงียบๆ
ถ้าเป็นไปได้, เขาก็อยากได้พลัง เขาอยากจะเป็นคนที่กล้าหาญเหมือนกับลิงค์และอยากจะเป็นเทพแห่งสงครามที่น่าเคารพเหมือนกับคาร์โนส
แต่เขาเป็นไม่ได้
เขากลายเป็นแม่ทัพเพราะนามสกุลของเขา เขารักษาสมดุลในกองทัพอย่างระมัดระวังและต้องป้องกันไม่ให้พี่ชายของเขารู้สึกสงสัยด้วย
เขาเหนื่อยมาก
ถ้าข้าแข็งแกร่ง, ข้าคงจะไม่สิ้นหวังขนาดนี้ ข้าอาจจะกลายเป็นกษัตริย์ของนอร์ตันได้ด้วยซ้ํา เห้อ, ช่างเถอะข้าคงจะเพ้อฝันเกินไปหน่อย
ดยุคอาเบลส่ายหัว เหงื่อของเขาแห้งไปแล้ว, และเขาก็กลับไปที่เตียง
เขาฝันร้ายในคืนนี้
–
วันต่อมา, ดยุคอาเบลก็ยังคงยุ่งเหมือนเช่นเคย เขาต้องฟื้นฟูป้อมปราการ, แจกรางวัลสําหรับ การกําจัดปีศาจในปาทมิฬ, ดูแลเรื่องกองทัพ, เกณฑ์ท หารใหม่, บริหารทรัพยากร, และอื่นๆอีกมากมายด้วยการทํางานตั้งแต่สว่างยันมืดนั้น, ทําให้เขาเหนื่อยมากๆ
เขาพักผ่อนยามค่ําคืน เขาหลับในทันทีที่ทิ้งตัวลงบนเตียง
“มาสิ, มาสิ” เสียงผู้หญิงดังขึ้นอีกครั้ง และความฝันอันโหดร้ายก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง…มันคือคืนที่นอนไม่หลับอีกคืนนึง
ในช่วงสองสามวันมานี้, ดยุคอาเบลยังคงฝันแบบเดิมซ้ําไปซ้ํามา เขาทําได้แค่มองดูทหารของเขาถูกฆ่า เขาไม่สา มารถทําอะไรได้เลย
ทําไมข้าฝันถึงเรื่องนี้ไม่หยุดเลย? ดยุคอาเบลเริ่มกลัวตอนกลางคืน เขาเกลียดความรู้สึกสิ้นหวังนี้
แต่กลางคืนก็มาถึงเสมอ
ครั้งนี้, ดยุคอาเบลทิ้งตัวลงนอนทั้งที่ยังลืมตาอยู่ เขาเหนื่อยล้า, แต่เขาก็กลัวเกินกว่าที่จะหลับตาได้ เขายังคงลืมตา แล้วจ้องไปที่แสงเวทมนตร์
เขากลัวว่าจะฝันถึงเรื่องนั้นอีก
ทันใดนั้นเอง, ก็มีเสียงดังขึ้นเบาๆ เขาหันไปดู, แต่ก็ไม่เห็นอะไร ในขณะที่เขากําลังคิดว่าเขาหลอนไปเองจากความเหนื่อยล้า, เสียงอันนุ่มนวลก็ดังขึ้น “เจ้าอยากได้พลังไหม?”
“นั่นใคร?” ดยุคอาเบลหันไปแล้วเห็นเงาปรากฏขึ้นในห้องนอนของเขา ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, เขาก็ได้กลิ่นหอมๆบางอย่าง
ในตอนที่เขายังเด็ก, เขามักจะเข้าไปในเมืองฮอทสปริงและเพลิดเพลินกับช่วงเวลาแห่งความสุข เขารู้ว่านี่คือกลิ่นหอมตามธรรมชาติของผู้หญิง
มันเป็นกลิ่นที่ดี ดยุคอาเบลสูดดมโดยไม่รู้ตัวและลดการป้องกันลง ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร, กลิ่นนี้ก็ไม่มีทางเป็นของปีศาจได้อย่างไรก็ตาม, คนที่ปรากฏตัวขึ้น ที่ห้องของเขาในเวลาอย่างนี้ก็ไม่น่าจะเป็นคนดีเหมือนกัน
“เจ้าเป็นใคร?” เขาถาม ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, เขาก็จับฝักดาบของเขา ถ้าดูท่าไม่ค่อยดี, เขาจะชักดาบออก มาในทันที
“ไม่จําเป็นต้องกังวลขนาดนั้นหรอก, ดยุค” เงาส่ายหัวเสียงของเธอทั้งอ่อนโยนและน่ารัก
แต่ดยุคก็ไม่ใช่คนใสซื่อ เขาคงไม่ถูกเทคนิคพื้นฐานแบบนี้หลอก “ตรงเข้าประเด็นแล้วเปิดเผยแรงจูงใจของเจ้าออกมาซะ!” เขาตะโกน
ในตอนที่เขาพูดจบ, แสงสีขาวก็ฉายออกมาจากร่างของผู้หญิงคนนั้น แสงนั้นสว่างไปทั่วทั้งห้อง แล้วไม่กี่วินาทีต่อมา, ปีกสีทองอร่ามก็งอกออกมาจากหลังของผู้หญิ งคนนั้น
“เจ้าเป็นนางฟ้าหรอ!?” ดยุคอาเบลไม่ได้โง่ เขาระบุตัวตนของเธอได้ในทันที่จากสิ่งที่เห็น
ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ตอบกลับ เธอเดินเข้ามาด้วยร่างกายที่อ่อนนุ่มเหมือนงูจนกระทั่งมาอยู่ที่ข้างๆดยุค เธอก้มตัวลงแล้วจ้องดยุคด้วยสายตาคมกริบ “ดยุค” เธอพึมพํา “แม่ ทัพที่กําลังแบกรับโชคชะตาของเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ควรจะ ไร้พลังแบบนี้นะ ไม่อย่างนั้น, ฝันร้ายของเจ้าจะกลายเป็นจริงได้”
“เจ้าเป็นคนทําให้ข้าฝันแบบนั้นหรอ?” ดยุคอาเบลตระหนักขึ้นได้อย่างกระทันหัน
นางฟ้ามองเขาอย่างเห็นใจ “ไม่ใช่หรอก, นั่นคือภาพเหตุการณ์จากในอนาคต สักวันหนึ่งในอนาคต, ปีศาจจะกลับมาอีกครั้ง”
“แต่พวกเรามีนักเวทย์ระดับตํานานนะ”
“ไม่, แค่เขายังไม่พอหรอก จ้าวนรกโนโซม่า, แข็งแกร่งกว่าเขามากอาเบล.เจ้าเป็นแม่ทัพนะ, เจ้าจะยอมแบกรับอ นาคตนี้รึเปล่า?”
“ขะ ข้า” ความรู้สึกของอาเบลกําลังบอกว่ามีบางอย่าง ผิดปกติ,แต่แสงสีทอง, สตรีผู้งดงาม, และปีกศักดิ์สิทธิ์นี้ต้องเป็นของจริงแน่ๆ ฉากในฝันของเขาปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขาพยักหน้าด้วยความสับสน “แน่นอนข้ายอมรับ, แต่ว่าข้านั้นไร้ซึ่งพลัง”
“พระเจ้าจะประทานพลังให้กับเจ้าเอง, เช่นเดียวกับที่พระองค์ประทานพรให้กับนักบวชของพระองค์จงเปิดใจแล้วยอมรับมันเถิด” นางฟ้าพูดอย่างอ่อนโยน จอกศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นในมือของเธอ มันมีลักษณะเห มือนจอกศักดิ์สิทธิ์ที่เขาเคยเห็นมาก่อน, แล้วมันก็เก็บของเหลวที่ส่องประกายเอาไว้
“ดื่มมันสิ พอเจ้าดื่มมันแล้ว, เจ้าจะได้รับความแข็งแกร่งเหนือมนุษย์”
ดยุคอาเบลรับมันมา เขาลิ้มรสมันแล้วรู้สึกถึงความอบอุ่นในของเหลวนี้ แต่นั่นก็แค่ส่วนนึ่ง, พอมันเข้ามาในปากของเขา, ความเหนื่อยล้าทั้งหมดก็ละลายหายไป เขาเริ่มรู้สึกกระชุ่มกระชวย
ความสงสัยทั้งหมดของเขาหายไป, แล้วเขาก็กระเดือกของเหลวนี้เข้าไปของเหลวไหลลงไปในท้องของเขา เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังที่ไม่สามารถอธิบายได้ มันเหมือนกับมีไฟกําลังลุกไหม้อยู่ในท้องของเขามัน ไหลไปทั่วร่าง เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาสามารถทําลายได้ทุกอย่าง
เขาเงยหน้ามองนางฟ้า เธอกําลังจากไปอย่างช้าๆ, ร่างกายของเธอกําลังหายไป แล้วเสียงของเธอก็ดังขึ้น “ดยุค, พระเจ้าได้ประทานพรให้เจ้าแล้ว โปรดช่วยมนุษย์, กําจัดปีศาจ…จงจําเอาไว้นั่นคือหน้าที่ของเจ้า!”
ดยุคสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาทําความเคารพแสงที่กําลังเลือนหายไปอย่างจริงจัง “ข้าจะไม่ลืมหน้าที่ของข้าข้าจะกําจัดความมืดมิดที่อยู่ในทวีปนี้และจัดการทุกคนที่พยายามเข้ามาขวางทางข้า!”
มีเสียงหัวเราะคิกคักในอากาศ หลังจากนั้นสักพักนึงแสงสีทองก็หายไปห้องกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
ถ้าไม่ใช่เพราะพลังที่กําลังไหลเวียนอยู่ในตัวเขา, ดยุคอาเบลคงจะคิดว่ามันเป็นอีกความฝันนึง พอคิดถึงพลังนี้, เขา ก็มองที่มือของเขาอีกครั้ง ด้วยความคิด ออร่าสีแดงเข้มก็ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนที่มือของเขา
ทําไมมันถึงเป็นสีแดงเข้มหล่ะ? มันควรจะเป็นสีทองไม่ ใช่หรอ…ช่างมันเถอะ,ถึงยังไงพลังก็เป็นของจริง, แค่นั้นก็พอแล้ว!
ความสงสัยของดยคอาเบลอยู่แค่วินาทีนึงเท่านั้นก่อนที่มันจะกลายเป็นความสุขจากการได้รับความแข็งแกร่งเขาคิดว่ามันคือหน้าที่ของเขา
ใช่, ปีศาจ กําจัดปีศาจ ข้าต้องกําจัดปีศาจทุกตัวในปาทมิฬ ไม่สิ,ไม่ใช่แค่ปาทมิฬ ปีศาจทุกตัวในฟิรแมนคือศัตรูข้าจะขจัดความมืดทั้งหมด พระเจ้า, ข้าจะไม่ทําให้ท่านผิดหวัง