Advent of the Archmage – 656: การปิดล้อมป้อมโอริด้าครั้งที่สอง (2)

656: การปิดล้อมป้อมโอริด้าครั้งที่สอง (2)

Chapter

  มันคือค่ำคืนที่มืดมิด,ไร้ดวงดาวและแสงจันทร์

  ฟิ้ว…ฟิ้ว… สายลมอันหนาวเหน็บพัดมาจากทุ่งน้ำแข็งทางตอนเหนือที่ห่างไกล ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาคนไหนก็คงจะหนาวสะท้านไปทั้งผิวถ้าได้สัมผัสกับความเย็นจัดนี้นานกว่าหนึ่งชั่วโมง และถ้าหูของพวกเขาเปลือยเปล่าไม่ได้รับการป้องกัน, พวกมันก็คงจะแข็งจนหลุดออกมาเหมือนกับก้อนดิน

  มีเสียงคนกำลังสูดลมหายใจดังมาจากนอกกำแพงป้อมโอริด้ามีการ์ดอยู่กลุ่มนึงกำลังหลบหนาวอยู่ที่มุมนึงของกำแพง, ร่างกายของพวกเขาสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้เหมือนกับใบไม้ที่อยู่ท่ามกลางลมหนาว

   ไอ้สภาพอากาศเฮงซวย,ทำไมไอ้พวกระยำที่ซ่อนตัวอยู่ข้างนอกกำแพงป้อมถึงไม่แข็งตายไปเลยนะ?  การ์ดคนนึงบ่น คนอื่นๆไม่ได้ตอบอะไร พวกเขาแค่ดึงชุดเกราะหนังของตัวเองให้แน่นขึ้นกว่าเดิม

  มีชั้นขนสัตว์หนาอยู่ใต้ชุดเกราะของพวกเขาภายใต้สถานการณ์ปกติ, ชั้นขนสัตว์พวกนี้สามารถให้ความอบอุ่นได้เพียงพอและป้องกันผู้สวมใส่จากลูกธนูของศัตรูได้, พวกมันคือของขวัญที่ตรงมาจากเฟิร์ด อย่างไรก็ตาม, ในคืนนี้, มันหนาวจนผิดปกติ เหมือนกับหนูที่มุดเข้าไปในโพรงของมัน, ความหนาวนี้เองก็ซึมซาบเข้าไปถึงกระดูกของพวกการ์ด ตอนนี้แขนขาของพวกเขารู้สึกชา, เหมือนกับมีสนิมกระจายอยู่ตามข้อต่อของพวกเขา

  ในตอนนั้นเอง,ก็มีเสียง หวูดดด ดังมาจากข้างในป้อมโอริด้า หลังจากนั้น, แสงสีทองก็ฉายออกมาจากหอคอยเวทมนตร์ที่อยู่ในเขตป้อม

   ศัตรูบุก! เสียงตะโกนดังขึ้นจากในป้อม

  ในวินาทีต่อมา,บาเรียแสงสีเงินที่มีลักษณะเหมือนโดมก็ปกคลุมทั่วป้อมปราการในเวลาเดียวกันนั้นเอง, จากในป่าทมิฬ, ก็มีจุดแสงสีม่วงถูกยิงขึ้นฟ้าเป็นวิถีโค้งก่อนที่จะตกลงมาในป้อมเหมือนกับฝนดาวตก

  ตูม!ตูม! ตูม! จุดแสงสีม่วงทุกจุดมีความกว้างกว่าหนึ่งฟุต และทุกการระเบิดนั้นกินรัศมีกว่าสิบฟุต

  ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที,ผ้าห่มแสงสีเงินที่ปกป้องป้อมปราการแห่งนี้ก็ถูกปกคลุมด้วยลาวางสีม่วงอย่างสมบูรณ์, และย้อมท้องฟ้าเป็นสีม่วงเช่นกัน

  ในทันทีที่การโจมตีเริ่มขึ้น,คาร์โนสก็มุ่งหน้าไปทางหอบัญชาการที่อยู่ข้างหลังกำแพงชั้นสองของป้อม พอไปถึงที่นั่น, กุนซือก็เข้ามารายงานสถานการณ์บุกของศัตรูในทันที

   ท่านแม่ทัพ, ข้าได้เปิดกระโจมแสงเลเวล 16 แล้วครับ ตอนนี้ศัตรูกำลังใช้เครื่องยิงเวทมนตร์ปริมาณมหาศาลใส่พวกเราอยู่ พวกมันเขวี้ยงบอลกัดกร่อนเลเวล 9 มากว่า 400 ลูกในการโจมตีระลอกแรกของพวกมัน กระโจมของพวกเราสามารถรับการโจมตีแบบนี้ได้อีกแค่สองครั้งเท่านั้นครับท่าน! 

  กระโจมแสงเพิ่งถูกนำมาติดตั้งเพื่อเสริมการป้องกันเวทมนตร์ของโอริด้าเมื่อไม่นานนี้แม้ว่ามันจะเป็นบาเรียเลเวล 16, แต่ศัตรูก็ได้โหมกระหน่ำการโจมตีเลเวล 9 ใส่มัน ดูเหมือนว่าครั้งนี้อีกฝ่ายจะเตรียมตัวมาเพื่อจัดการพวกเขาให้อยู่ในคราเดียว

  คืนนี้คงจะเป็นคืนที่พวกเขาได้เจอกับการต่อสู้ที่ยากลำบากซะแล้ว!

   ยิงสวนกลับไป! คาร์โนสสั่งอย่างใจเย็น

  กุนซือออกคำสั่งตามแผนการต่อสู้สำหรับสถานการณ์เช่นนี้ในทันที

   เตรียมเครื่องยิงระเบิดหน้าไม้กระสุน 300 นัด, เป้าหมาย, เครื่องยิงเวทมนตร์ของศัตรู! 

  ในทันทีที่เขาออกคำสั่ง,ลูกบอลกัดกร่อนระลอกที่สองจากฝั่งกองทัพแห่งการทำลายก็ล่วงลงมาจากฟ้าตรงมาที่ป้อมปราการ แทบจะในจังหวะเดียวกันนั้นเอง, เสียงยิงหน้าไม้ก็ดังมาจากฝั่งกำแพงป้อม

  แสงสีแดงพุ่งออกจากยอดกำแพงไปทางป่าทมิฬเหมือนกับฝูงแมลงหลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดเสียงระเบิดขึ้นในป่าทมิฬ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดั่งไปทั่วทุกหนแห่งจากความวุ่นวายนี้

  เครื่องยิงระเบิดหน้าไม้นั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์รุ่นล่าสุดที่ผลิตจากโรงงานอักขระทองคำของเฟิร์ดมันมีระยะยิงหวังผลอยู่ที่ 13,000 ฟุตและยังสามารถยิงลูกธนูได้ทุกๆ 8 วินาทีด้วย หัวธนูนั้นมีผลต้านทานเวทมนตร์ระดับสูง ทำให้มันสามารถเจาะทะลุบาเรียป้องกันเลเวล 11 ได้ และในตอนที่ลูกธนูทะลุผ่านบาเรียไปได้แล้ว มันก็จะเปิดใช้งานเวทย์ระเบิดเลเวล 8 ที่ติดอยู่ตรงหัวของมัน ซึ่งจะปล่อยแผ่นเหล็กเล็กๆมากมายกระจายออกไปทุกทิศทาง และทำให้เกิดการทำลายล้างมหาศาลขึ้น

  แม้ว่ากองทัพแห่งการทำลายดูเหมือนจะเตรียมการโจมตีที่รุนแรงมาให้พวกเขาแต่การป้องกันของพวกเขาก็อ่อนแอมาก มีผู้คนบาดเจ็บมากมายหลังจากที่ลูกธนูต้านทานเวทมนตร์ทะลวงเข้าไปอย่างไม่ยากเย็นอะไรนัก

  ในระหว่างการโจมตีระยะไกลใส่กันไปมาอย่างรุนแรงนี้มีคำสั่งมากมายถูกสั่งออกมาจากกองบัญชาการ นักรบทุกคนในป้อมปราการได้ทำลายผนึกเวทมนตร์ที่พวกเขามีอยู่ในทันที ทำให้ภายในป้อมปราการนั้นเต็มไปด้วยแสงเวทมนตร์

  แสงพวกนี้คือเวทย์สนับสนุนการต่อสู้พวกมันเสริมพลังหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ‘พละกำลังช้างสาร’, ‘กายาเหล็ก’, ‘บาเรียป้องกันขั้นสุดยอด’ และอื่นๆอีกมากมาย นักรบเลเวล 1 ที่ได้รับพลังจากผนึกพวกนี้จะมีพลังมากพอที่จะต่อสู้กับนักรบเลเวล 3 ได้แบบซึ่งๆหน้า ตอนนี้ ระดับพลังโดยเฉลี่ยของนักรบในป้อมนั้นคือเลเวล5 หลังจากที่ร่ายเวทย์สนับสนุนใส่ตัวเองแล้ว พวกเขาก็เพิ่มระดับพลังของตัวเองขึ้นมากและตอนนี้ก็สามารถต่อสู้กับกองทัพแห่งการทำลายได้อย่างสูสี

  เวทย์สนับสนุนนั้นเป็นแค่แผนการรบขั้นแรกของพวกเขาในตอนนี้ เสียงขวดน้ำยาเคมีที่ถูกปาทิ้งให้แตกกระจายลงพื้นกำลังดังก้องไปทั่วทุกมุมของป้อมปราการ หมอกสีทองเริ่มลอยขึ้นมาจากเศษขวดที่แตกอยู่บนพื้น

  หมอกนี้ส่องแสงออกมาเป็นสีทองมันฟุ้งกระจายไปทั่วป้อมปราการ นักรบทุกคนที่สูดหมอกสีทองนี้เข้าไปจะได้รับการเพิ่มพลัง ความอดทน ความต้านทานต่อพลังแห่งความมืดอย่างมหาศาล ในทางกลับกัน หมอกสีทองนี้จะส่งผลเป็นพิษกับพวกที่ใช้พลังแห่งความมืดหรือพลังแห่งการทำลาย!

  บอลกัดกร่อนระลอกที่3 ได้ตกลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้งในตอนที่นักรบได้ทำการเตรียมป้องกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังไงก็ตาม จำนวนลูกบอลกัดกร่อนที่ตกลงมาใส่พวกเขานั้นลดลงอย่างมากหลังจากที่ทำลายเครื่องยิงเวทมนตร์ของศัตรูด้วยเครื่องยิงระเบิดหน้าไม้  ยังไงก็ตามภายใต้การกระหน่ำโจมตีของอีกฝ่าย ดูเหมือนว่ากระโจมแสงเลเวล16 เองก็ใช้พลังงานไปจนเกือบหมดแล้ว

  …

  ภายในกองบัญชาการ

  คาร์โนสไม่ได้แสดงสีหน้าเป็นกังวลออกมาเหมือนกับที่เขารู้สึกอยู่ในใจ ศัตรูยังเหลือเครื่องยิงเวทมนตร์อยู่เท่าไหร่? 

  แค่ลูกบอลกัดกร่อนเลเวล9 ก็ค่อนข้างตึงมือแล้ว ถ้าเกิดว่าหนึ่งในนั้นทะลวงผ่านการป้องกันมาได้ มันจะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับป้อมปราการได้เลย

  ตอนนี้,กุนซือยังคอยสังเกตการณ์ทิศทางปัจจุบันของสนามรบอยู่ จากนั้นเขาก็รายงานคาร์โนส  หลังจากที่โดนฝ่ายเราโจมตีไป 2 ระลอก ตอนนี้ศัตรูเหลือเครื่องยิงเวทมนตร์อยู่ 50 เครื่องครับ พวกเราจะสามารถลดจำนวนมันให้เหลือ 0 ได้ด้วยการโจมตีจากเครื่องยิงระเบิดหน้าไม้อีก 2 ระลอก     ดีเลย คาร์โนสค่อนข้างโล่งใจกับสิ่งนี้ เขามองดูกระโจมแสงที่ส่องแสงสลัวเหนือหัวเขา จากนั้นเขาก็สั่ง  เตรียมสกัดกั้นการโจมตีของศัตรู! 

  คำสั่งถูกส่งออกไปและนักรบทุกคนที่อยู่ในป้อมปราการก็รวมตัวกันข้างกำแพง นักรบแสงอรุณของเฟิร์ดนั้นรับหน้าที่ในการป้องกันจุดสำคัญรอบๆป้อมปราการ ในขณะที่นักรบที่เหลือจะรับหน้าที่ปกป้องในส่วนที่มีความสำคัญน้อยกว่า และในฐานะไพ่ตายของป้อมโอริด้า นักรบมนุษย์สัตว์จึงมีหน้าที่ในการโจมตีปิดฉากกองกำลังของศัตรู!

  นักรบทุกคนไปประจำการในตำแหน่งที่ตัวเองได้รับมอบหมายในเวลาไม่นานตอนนี้พวกเขากำลังเฝ้าอดทนรออย่างอดทนสำหรับการต่อสู้ครั้งใหญ่กับกองทัพแห่งการทำลาย

  เมื่อไม่นานมานี้กำแพงของป้อมโอริด้าพึ่งถูกปรับปรุงด้วยดินเหนียวต้านทานเวทมนต์ของเฟิร์ดด้วยผนึกเวทมนตร์อันแข็งแกร่งที่อยู่บนกำแพงนี้ มันสามารถป้องกันได้แม้กระทั่งเวทย์ระดับตำนานเลเวล 18

  ในค่ำคืนนี้กำแพงที่ไม่อาจทะลวงได้นี้จะทำให้คนที่อยู่ข้างในรู้สึกได้ถึงความปลอดภัย ไม่ว่ากองทัพแห่งการทำลายจะแข็งแกร่งขนาดไหน พวกมันก็ไม่สามารถทำลายกำแพงที่แข็งยิ่งกว่าเหล็กของป้อมโอริด้าได้!

  ตู้ม!ตู้ม! เกิดระเบิดดังก้องบนกระโจมแสงที่เหนือหัวพวกเขาอยู่ประปราย กองทัพแห่งการทำลายยังมีเครื่องยิงเวทมนตร์อยู่อีก 10 เครื่อง ในตอนที่ระเบิดเบาบางลง กระโจมก็สั่นอย่างไม่มั่นคงบนท้องฟ้า ยังไงก็ตาม, มันยังคงอยู่ที่เดิม

  กระโจมนี้ได้รับพลังงานมาจากหอคอยเวทมนตร์ตราบใดที่มันยังไม่แตก ทางหอคอยเวทมนตร์ก็สามารถใส่พลังลงไปเพิ่มได้เพื่อให้มันกลับมามีพลังเต็มที่อีกครั้ง

  ตอนนี้กระโจมแสงบางลงมากจนเหมือนกับฟองอากาศแล้วมันก็เริ่มหนาขึ้นอย่างช้าๆ เห็นได้ชัดว่ามันกำลังกลับมาอยู่ในสภาพเดิม

  สำหรับนักรบในป้อมโอริด้านั้นนี่ถือว่าเป็นข่าวดี ยังไงก็ตาม มันไม่ใช่สำหรับกองทัพแห่งการทำลาย

  ที่ระยะห่างออกหนึ่งพันไปยูจินเห็นกระโจมแสงที่กำลังจะกลับมาอยู่ในสภาพเดิมอีกครั้ง เธอพึมพำด้วยความโกรธ  ไอ้กระดองเต่าเวรเอ๊ย! 

  เธอปีนขึ้นที่สูงจากนั้นด้วยคทาเวทย์ที่อยู่ในมือซ้ายและรูนแห่งความมืดที่อยู่ในมือขวา หินรูนก็เริ่มส่องแสงสีดำออกมา ซึ่งมันได้ขยายออกเป็นลูกบอลแห่งความืดที่มีขนาดกว้าง 1 ฟุตรอบๆตัวหิน

   รับไปซะ! 

  ด้วยการเคาะคทายูจินได้สร้างประตูมิติเล็กๆขึ้นมาในอากาศ จากนั้นเธอก็โยนหินรูนเข้าไปในนั้น

  ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองก็เกิดระเบิดเพลิงสีม่วงขึ้นบนท้องฟ้าเหนือป้อมโอริด้า เพลิงนั้นได้ละลายชิ้นส่วนสุดท้ายที่เหลืออยู่ของกระโจมแสง ซึ่งมันก็ทำให้นักรบหลายคนในป้อมได้รับผลกระทบด้วย ไม่นานนักเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก็ดังจากป้อมโอริด้ามาถึงพวกนักรบของกองทัพแห่งการทำลายที่ป่าทมิฬ

   เป็นการโจมตีที่ยอดเยี่ยมมากค่ะ,องค์หญิง  นักบวชศักดิ์สิทธิ์โมลิน่าพูด

  ยูจินสบัดมือแล้วออกคำสั่ง บุกป้อมปราการได้! 

  หินรูนสีดำนั้นอาจจะดูไม่มีอะไรแต่มันคือของมีค่าที่สุดที่ยูจินมีอยู่ ณ ตอนนี้ ด้วยสิ่งนี้ เธอจะไม่ต้องใช้พลังแห่งความมืดในการจัดการกับบุคคลระดับตำนานของป้อมโอริด้ามากเท่าไหร่นัก เพราะการใช้พลังแห่งความมืดที่เธอเก็บออมไว้อย่างไม่ระมัดระวังนั้น อาจหมายถึงการทำให้เธอจนมุมและอาจจะนำไปสู่ความตายของเธอได้

  ซึ่งยูจินก็กลัวว่าจะเกิดผลลัพธ์นี้อย่างมาก

  หลังจากที่ร่ายเวทย์ระดับตำนานด้วยหินรูนสีดำและออกคำสั่งกับกองทัพแล้วยูจินก็กลับไปที่เต็นท์ของเธอและหลับตาลงเพื่อพักผ่อน

  เสียงกลองศึกดังไปทั่วกองทัพแห่งการทำลายนักรบกว่า 200,000 คนได้พุ่งไปทางป้อมโอริด้าเหมือนกับกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของยูจีน

  มนุษย์สัตว์แห่งความมืดเป็นคนนำตามมาดด้วยปีศาจ จากนั้นก็นากา และตบท้ายด้วยดาร์กเอลฟ์ พวกดาร์กเอลฟ์นั้นประหยัดเงินด้วยการที่ทุกคนไม่ใส่ชุดเกราะเต็มตัว ในขณะที่หน่วยกล้าตายที่ทำหน้าที่อยู่ด้านหน้าของกองทัพอันน่ากลัวนี้, พวกมนุษย์สัตว์แห่งความมืด ได้สวมชุดเกราะและอาวุธอย่างเต็มยศ

  นักเวทย์ดาร์กเอลฟ์ไม่ได้ขยับแม้แต่นิดเดียวในขณะที่พวกนักรบพุ่งไปที่ป้อมปราการอย่างบ้าคลั่งแต่อันที่จริงนั้น พวกนักเวทย์เป็นส่วนสำคัญในการเจาะทะลวงกำแพงป้องกันของป้อมปราการ!

  ตู้ม!ตู้ม! ตู้ม!

  โกเล็มดินสูง80 ฟุตถูกนักเวทย์อัญเชิญออกมาทีละตัว ยักษ์เวทมนตร์พวกนี้เริ่มโยนหินหนัก 40 ตันไปทางป้อมปราการ พวกมันไม่ได้โยนหินใส่นักรบในป้อมเลยซักคน แต่ว่าแรงกระแทกจากหินที่ปาใส่กำแพงก็มากพอแล้วที่จะรบกวนการตั้งกระบวนของนักรบที่อยู่ในกำแพง

  หินนี้ไปถึงป้อมปราการก่อนที่ทหารเดินเท้าของกองทัพแห่งการทำลายจะไปถึงโกเล็ม 40 ตัวได้ถูกอัญเชิญออกมาในป่าทมิฬ พวกมันเริ่มพุ่งไปทางป้อมปราการ และสร้างความคุกคามที่ทำให้รู้สึกเหมือนพวกมันจะทำลายกำแพงด้วยมือเปล่าได้

   ปัดเป่าพวกมันเร็วเข้า! เจ้าหน้าที่บัญชาการของนักเวทย์ในป้อมโอริด้าตะโกน เขาหวาดกลัวพลังทำลายของโกเล็มพวกนี้ จะปล่อยให้พวกมันเข้ามาใกล้กว่านี้ไม่ได้

  หึ่ม…หึ่ม…หึ่ม…หึ่ม….เส้นแสงของเวทย์ปัดเป่าถูกยิงออกไปทางโกเล็มซึ่งมันได้รบกวนการทำงานของเวทมนตร์ภายในตัวโกเล็ม  ยังไงก็ตามนักเวทย์ดาร์กเอลฟ์ยังไม่ตัดใจที่จะใช้โกเล็มโจมตี พวกเขาอัญเชิญโกเล็มออกมาเพิ่มอีก เพื่อทดแทนพวกที่โดนปัดเป่าออกไป ครึ่งนาทีต่อมา พวกเขาบางคนก็เผาวิญญาณของตัวเองเพื่อทำการอัญเชิญต่อ

  …

  ภายในป้อมโอริด้า

   พลแม่นปืนยิงพวกนักเวทย์ของศัตรูซะ!  คำสั่งถูกส่งไปหาป้อมพลแม่นปืนเวทมนตร์ที่อยู่ทั่วทั้งกำแพงปราสาทอย่างรวดเร็ว

  เส้นลำแสงพุ่งออกมาจากยอดกำแพงมันพุ่งเป็นเส้นตรงไปทางหน้าผากของดาร์กเอลฟ์นักเวทย์ทุกคน

  ปืนเวทมนตร์ที่พลแม่นปืนใช้กันนั้นก็เป็นผลงานจากโรงงานอักขระทองคำเช่นกันพวกมันมีพลังทำลายเลเวล 8 รวมทั้งผลต้านทานเวทมนตร์ด้วย ปืนนี้เป็นที่รู้จักในอีกชื่อนึงว่า: อาวุธสังหารนักเวทย์!   จำนวนของดาร์กเอลฟ์นักเวทย์ลดลงอย่างรวดเร็วในตอนที่กระสุนถูกยิงออกไปแต่ละนัดจำนวนของโกเล็มดินเองก็ลดลงไปเหมือนกัน

  โกเล็มนั้นเป็นกำลังหลักของกองทัพแห่งการทำลายในการบุกป้อมโอริด้าในครั้งนี้แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้มีพละกำลังที่มหาศาลเท่าไหร่นัก แต่ร่างของพวกมันก็ถูกใช้เป็นบันไดได้ ตราบใดที่พวกมันไปถึงฐานของป้อมปราการ แม้ว่าวงจรเวทย์จะถูกปัดเป่าไปแล้ว แต่เศษซากของพวกมันก็ยังเอามากองที่ข้างใต้กำแพงได้ และอำนวยความสะดวกให้พวกนักรบปีนขึ้นไปหาศัตรู

  ในท้ายที่สุดนั้นมีโกเล็มเพียงตัวเดียวที่สามารถไปถึงกำแพงของป้อมโอริด้าได้ ด้วยการแลกเปลี่ยนกับชีวิตของนักเวทย์ดาร์กเอลฟ์ทั้งหมด

  ยูจินตกใจกับผลลัพธ์นี้เขาไม่คิดเลยว่าการบุกป้อมโอริด้านั้นจะยากเย็นขนาดนี้!

  นี่ข้ากำลังจะแพ้อย่างงั้นหรอ?ยูจินคิดเขาเห็นว่าตอนนี้มนุษย์สัตว์แห่งความมืดอยู่ห่างจากป้อมโอริด้าแค่ 500 ฟุต พวกเขาเองก็กำลังอยู่ท่ามกลางห่าฝนลูกธนูที่ถูกยิงออกมาจากบนกำแพงป้อม

  แม้กระทั่งพวกระดับสูงของกองทัพแห่งการทำลายก็ยังรู้สึกได้ว่าสถานการณ์ไม่ค่อยเอื้อกับพวกเขาซักเท่าไหร่

  เห็นได้ชัดว่าป้อมโอริด้านั้นแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนเยอะตอนนี้พวกเขาเริ่มกลัวแล้วว่าแค่ทะลวงกำแพงป้อมก็คงจะยากเกินเอื้อมด้วยซ้ำ

   พวกเราจะทำยังไงกันดีองค์หญิง?  โมลิน่ากระซิบ

  ยูจินกำลังสับสนกับสถานการณ์นี้อย่างรุนแรงพวกเขาจะต้องแพ้อย่างแน่นอนถ้ายังดึงดันที่จะบุกป้อมต่อไป แต่ถ้าเกิดว่าพวกเขายอมแพ้ตอนนี้ ทุกอย่างที่พวกเขาทำมาก็จะเปล่าประโยชน์

  ลูกน้องของเขานั้นไม่มีใครรู้เลยว่าการตัดสินใจแทนทั้งกองทัพนั้นมันยากขนาดไหน!

  กลับไปตอนที่เธอยังเป็นนักเวทย์แห่งความมืดอัจฉริยะยูจินนั้นสามารถใช้ชีวิตในแต่ละวันของเธอได้อย่างอิสระเหมือนกับนก ต้องขอบคุณพลังอันมหาศาลที่เธอมี, มันทำให้เธอสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ แต่ตอนนี้ ทุกการกระทำของเธอล้วนมีผลลัพธ์ตามมา มันส่งผลต่อชะตากรรมของทุกคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเธอ

  ร่างของยูจินสั่นโดยไม่รู้ตัวตอนนี้เธอพูดอะไรไม่ออกเลย

  ทันใดนั้นเอง,ก็มีเสียงอุทานดังขึ้นในหมู่นักรบที่อยู่ด้านนอกเต็นท์

   นั่นอะไรหน่ะ? 

   มีบางอย่างอยู่บนฟ้า! 

   มันดูเหมือนกับอุกกาบาตเลย! 

  ไม่นานนักยูจีนก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันของเวทมนตร์ที่กำลังลงมาจากท้องฟ้า พลังเวทมนตร์ที่เธอสัมผัสได้นั้นมีเลเวลอย่างน้อย14

   ข้าไม่เคยเจอพลังเวทย์แบบนี้มาก่อนเลย! ยูจีนอุทาน พวกเขาทั้งคู่รีบออกมาจากเต็นท์และมองดูว่าเกิดอะไรขึ้นบนฟ้า

  ยูจินดีใจกับสิ่งที่เขาเห็นมาก

  มีลูกบอลสีฟ้าที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ30 ฟุตอยู่กลางอากาศ ทั่วทั้งท้องฟ้านั้นสว่างขึ้นเหมือนกับเป็นตอนกลางวัน ดูเหมือนว่าลูกบอลแสงนั้นจะร่วงลงไปทางป้อมโอริด้าด้วยความเร็วที่ไม่อาจจินตนาการได้!

  มันคือเวทย์ระดับตำนานเลเวล14 อุกกาบาตสิ้นโลก ไม่มีใครในป้อมโอริด้าที่สามารถป้องกันเวทย์ที่แข็งแกร่งแบบนี้ได้หรอก พวกมันจบสิ้นแล้ว!

  เธอไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แต่ว่าอุกกาบาตนี้ก็มากพอแล้วที่จะช่วยพลิกสถานการณ์ให้เธอได้!

 

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG

มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น

“ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?”

ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์

“จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ

“ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี”

และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท