Chapter
ถ้าตอนนี้พวกเขาพร้อมที่จะเดิมพันชีวิตของตัวเอง,พวกเขาก็ควรที่จะลุยด้วยอุปกรณ์ครบครันทั้งชุดเกราะและอาวุธของพวกเขา
ซึ่งจุดนี้เองที่เป็นปัญหาพวกเขาทั้งสามถูกชิงของต่างๆไปจนหมดในตอนที่ถูกโจรจับ แล้วพวกเขาจะต่อสู้ในสถานการณ์แบบนี้ยังไงหล่ะ? และนี่ก็คือจุดที่เวทย์มิติของลิงค์ได้ใช้ประโยชน์
โดยไม่รีรอ,หลังจากที่กำจัดภาพหมอกสีขาวของมอร์เฟียสได้แล้ว, ลิงค์ก็จ้วงมือข้างนึงที่ตอนนี้กำลังเปล่งแสงสีเงินเข้าไปในมิติที่อยู่เบื้องหน้าเขา ในตอนที่เขาชักมือกลับมา, ก็มีแหวนมิติสามวงอยู่ที่มือของเขา
รับไป! ทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการอยู่ในแหวนพวกนี้แล้ว
ลิงค์เอาแหวนวงนึงมาสวมหลังจากนั้นเขาก็ดึงอุปกรณ์ที่มีตัวตนอยู่ในแหวนมิติออกมา ในช่วงเสี้ยววินาที, อุปกรณ์เหล่านั้นก็มาสวมใส่ตามร่างกายของลิงค์ด้วยตัวเอง
พอหันกลับไป,ลิงค์ก็เห็นว่าทั้งเอเลียร์ดและดิโลเซ่นเองก็แต่งตัวพร้อมลุยแล้วเหมือนกัน
พวกเขายังมีเวลาอีกเก้าวินาที
ลุยกันเถอะ! ด้วยการเปิดใช้เดินอากาศ, ลิงค์ก็พุ่งไปทางหน้าผาฝั่งซ้ายสุดของหุบเขา เอเลียร์ดกับดิโลเซ่นตามเข้าไปติดๆ
ในทันทีที่พวกเขาไปถึงหน้าผา,ลิงค์ก็หันกลับมาแล้วเห็นว่าหัวหน้าโจรกับกลุ่มของเขายังคงรออยู่ที่ทางเข้าหุบเขา พวกเขามองมาที่ลิงค์ด้วยความสับสน
หัวหน้าโจรมีพลังเลเวล8 เขายังนับเป็นตัวปัญหาอยู่
ด้วยการจ้องไปทางหัวหน้าโจร,ลิงค์ก็เหวี่ยงดาบลำนำจันทร์เต็มดวง ทันใดนั้นเอง, เขาก็ปล่อยพลังที่มีลักษณะเหมือนจันทร์เสี้ยวยาว 30 ฟุตออกไป, ซึ่งมันพุ่งผ่านหุบเขา3,000 ฟุตไปทางหัวหน้าโจรอย่างเงียบๆ
ฟิ้ว…ฟิ้ว…ฟิ้ว…พวกโจรที่ทางเข้าหุบเขา, ซึ่งยังร่างกายติดกันดีอยู่เมื่อครู่ก่อนถูกพลังปริศนาผ่าเป็นชิ้นๆก่อนที่พวกเขาจะรู้ด้วยซ้ำว่าอะไรโจมตีพวกเขา
พอหันกลับมาอีกครั้ง,ลิงค์ก็เห็นว่าที่ระยะห่างออกไปไม่กี่พันฟุต, มีควันหนากำลังลอยขึ้นไปบนฟ้า จากนั้น, ควันสีดำก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างเหนือหัวพวกเขา, และค่อยๆบดบังแสงอาทิตย์ไปจนกระทั่งหุบเขามืดเหมือนตอนกลางคืน
มันกำลังเปิดใช้เวทย์แห่งกฏภพเงามืดระวังตัวด้วย, นี่คือเทคนิคเลเวล 15! มันยังมีพลังเลเวล 15 อยู่! ดิโลเซ่นตะโกน
จันทราโกลาหลนั้นสามารถยับยั้งพลังลงไปได้5 เลเวล ถ้าอิงตามนี้, มอร์เฟียสควรจะมีเลเวลเหลือแค่ 14 อย่างไรก็ตาม, เขายังครอบครองชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์อยู่, และมันก็ทำให้เขาลดผลของจันทราโกลาหลลงไปได้เล็กน้อย
นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลย! เมื่อไหร่ก็ตามที่เขามีเวลา,ลิงค์จะอ่านหนังสือภพศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้มาจากห้องสมุดของเทพแห่งแสง ตอนนี้เขามีความเข้าใจเกี่ยวกับภพตำนานและเวทย์ที่สามารถใช้ได้ในแต่ละเลเวลลึกซึ้งขึ้น
ในภพตำนานนั้น,ทุกระดับจะมีประตูขั้นอยู่ ประตูแรกที่ต้องข้ามไปก็คือระหว่างเลเวล 14 กับเลเวล 15
ในหนังสือภพศักดิ์สิทธิ์บอกเอาไว้ว่า,ผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานเลเวล 14 และต่ำลงมาก็คล้ายกับเด็กทารกแรกเกิด ถ้าเด็กทารกคนไหนมีเลเวลสูงกว่าก็จะแข็งแกร่งกว่ากลุ่มที่มีเลเวลต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม, แก่นแท้พลังของพวกเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ดี
ด้วยการร่ายเวทย์ที่รวดเร็วและเทคนิคต่อสู้ถึงตาย,ลิงค์อาจจะมีโอกาสจัดการคนที่มีเลเวลสูงกว่าได้ อย่างไรก็ตาม, ในทันทีที่ผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานไปถึงเลเวล 15, พลังที่เขาใช้เวลาทั้งชีวิตสั่งสมมาจะได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรก ผู้เชี่ยวชาญที่มีพลังระดับตำนานในขั้นนี้จะควบคุมแก่นแท้ของพลังตัวเองได้อย่างเต็มขั้นพูดอีกนัยนึงก็คือ, พวกเขาจะสามารถบิดเบือนกฏธรรมชาติเพื่อประโยชน์ของตัวเองได้ ผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานขั้นต่ำนั้นอาจจะสามารถรวบรวมพลังเหล่านี้ได้ในส่วนเล็กๆ อย่างไรก็ตาม, พอพวกเขามาถึงเลเวล 15, พวกเขาก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างพรวดพราดในการควบคุมกฏที่ว่านี้
ภพนั้นเกิดขึ้นมาได้ผ่านการผสมผสานและจับคู่กฏเหล่านี้กับพวกที่มีสิทธิปกครองภพฟิรุแมน
เงาก็คือเขตแดนของผู้ติดตามเงามอร์เฟียสเขามีความสามารถที่คล้ายกันนี้ในตอนที่อยู่ในเกมส์ด้วย
ภายในเกมส์,เหล่ามาสเตอร์ที่แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อไม่ว่าจะเป็นโนโซม่า, มอร์เฟียส, เอเลียร์ด, คาร์โนส, และเหล่าขุนศึกมนุษย์สัตว์นั้นต่างก็มีเขตแดนที่สุดยอดกันทั้งนั้น ในทันทีที่พวกเขาเปิดใช้ความสามารถนี้,โลกรอบตัวพวกเขาจะเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสภาพแวดล้อมที่เอื้อประโยชน์ต่อพวกเขาในขณะที่ยับยั้งพลังของศัตรูที่อยู่ในเขตแดน
ภายใต้สถานะนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานจะได้รับพลังในการต่อสู้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
พอเห็นว่าความมืดกำลังรุกคืบมาหาพวกเขาลิงค์ก็พูดกับเอเลียร์ดในทันที ป้องกันตัวเองเอาไว้! ตอนนี้คิดแค่เรื่องเอาตัวรอดก็พอ!
มอร์เฟียสเป็นนักฆ่าครึ่งเทพเขาแข็งแกร่งที่สุดเมื่ออยู่ในเงา ถ้าเขาโจมตีอย่างเต็มกำลังจากในความมืดนั้นเขาคงจะฆ่าเอเลียร์ดได้ในทันที เนื่องจากเขามีเลเวลแค่ 11 และอ่อนแอที่สุดในทีมนี้
เอเลียร์ดพยักหน้าสิ่งแรกที่เขาทำก็คือร่ายเวทย์ระดับตำนานเลเวล 11 ‘สุดยอดการป้องกัน’ ใส่ตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็เอาคริสตัลแห่งความว่างเปล่าออกมา 3 ชิ้นและเปิดใช้งาน ชั้นแสงเริ่มก่อตัวขึ้นที่ร่างของเขา เกิดเป็นม่านคริสตัลหนา 1 ฟุตรอบๆตัว ในเวลาเดียวกันนั้นเองลิงค์กับดิโลเซ่นก็เตรียมการป้องกันของตัวเองเหมือนกัน ตอนนี้ทั้งสามคนลอยอยู่กลางอากาศ พวกเขาอยู่ห่างกัน 100 ฟุตในรูปแบบสามเหลี่ยม ด้วยวิธีนี้ ถ้าหนึ่งในพวกเขาตกอยู่ในอันตราย อีกสองคนที่เหลือก็จะให้ความช่วยเหลือได้ทันเวลา
ณตอนนี้ ท้องฟ้าเหนือหัวพวกเขามืดลงอย่างสมบูรณ์แล้ว แสงเพียงอย่างเดียวที่มีอยู่ในโลกแห่งความมืดนี้ก็คือแสงจากเวทย์ป้องกันที่ลิงค์และพรรคพวกใช้ใส่ตัวเอง
แต่ถึงอย่างนั้นไม่ว่าพวกเขาจะรออยู่ในความมืดนานแค่ไหน มอร์เฟียสก็ไม่ยอมเผยตัวออกมา!
ถ้าเกิดว่าเขาตัดสินใจที่จะใช้เวลาอีก10 วินาทีในการซ่อนตัว เขาก็จะกลับมามีพลังเต็มที่ และในตอนนั้น ถ้าเกิดว่าลิงค์กับคนอื่นๆยังหาทางหนีออกจากเขตแดนเงาไม่ได้ พวกเขาก็จะถูกบังคับให้ต่อสู้กับครึ่งเทพเลเวล 19 ซึ่งการปะทะกันในเวลานั้นสิ่งเดียวที่รอพวกเขาอยู่ก็คงจะมีแค่ความตายเท่านั้น ดิโลเซ่น,มันอยู่ตรงไหน? ลิงค์ตะโกน ดิโลเซ่นเป็นคนเดียวที่สามารถตามหามอร์เฟียสในความมืดนี้ได้ด้วยการใช้อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์เลเวล 19
หัวใจของดิโลเซ่นกำลังเต้นแรง1 วินาทีผ่านไป เขาก็ยังใช้จันทราโกลาหลหาตำแหน่งที่แน่นอนของมอร์เฟียสไม่เจอ
เขาเริ่มใส่พลังลงไปในจันทราโกลาหลอย่างเต็มที่ตอนนี้มือของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาพึมพำ ข้าพยายามตามหามันอยู่ แต่เขตแดนของมันทำให้สัมผัสของข้ายุ่งเหยิงมาก!
ลิงค์ใช้สมองอย่างเต็มที่ในการคาดเดาการลอบโจมตีของศัตรูจากเงามืด1 วินาที 2 วินาที 3 วินาที….หลายวินาทีผ่านไป แต่ดิโลเซ่นก็ยังหาที่อยู่ของศัตรูไม่เจอ
ในหมู่พวกเขาไม่เคยมีใครเคยเจอกับคนที่น่ากลัวอย่างมอร์เฟียสมาก่อนเลยสถานการณ์ของพวกเขาในตอนนี้เหมือนกับโดนโยนลงไปในบ่อเพลิงที่ไม่มีที่ให้หนี ลิงค์รู้ว่าจะปล่อยให้ทั้งกลุ่มตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ต่อไปไม่ได้การรอให้ดิโลเซ่นตามหาที่อยู่ของมอร์เฟียสนั้นไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับตอนนี้ เขาต้องหาวิธีออกจากที่นี่ แต่จะทำยังไงหล่ะ? พวกเขาควรหนีเอาตัวรอดรึเปล่า? ไม่สิ พวกเขายังมีเวลาเหลืออยู่ 6 วินาที ยังพอมีโอกาสอยู่ สิ่งเดียวที่พวกเขาควรจะกังวลสำหรับตอนนี้ก็คือการตามหาตัวมอร์เฟียสให้เจอก่อนที่มอร์เฟียสจะเจอพวกเขา!
ทันใดนั้นเองลิงค์ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขานึกถึงตอนที่ใช้เวทย์เฉพาะบางอย่างในการปัดเป่าเขตแดนเงาของมอร์เฟียสตอนที่อยู่ในเกม แต่ก็โชคไม่ดีที่นั่นเป็นเวทย์เลเวล 18 ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ เขาไม่มีทางที่จะใช้มันได้เลย
ยังไงก็ตามการที่นึกถึงเวทย์นี้ขึ้นมาได้ก็เหมือนกับกุญแจที่ไปปลดล็อคความทรงจำบางส่วนของลิงค์ขึ้นมา ไม่สิ มันยังมีเวทย์อื่นด้วย มันมีเทคนิคอื่นที่สามารถช่วยให้พวกเราออกจากสถานการณ์นี้ได้…ใช่แล้ว ฉันทำได้แน่!
ภายในเกมมีผู้เล่นเพียงไม่กี่คนที่สามารถใช้เวทมนตร์ปัดเป่าเขตแดนเงาของมอร์เฟียสได้ ยังไงก็ตาม ด้วยความที่ถึงยังไงพวกเขาก็ยังต้องจัดการกับเขาอยู่ดี ดังนั้นนักเวทย์บางคนจึงคิดวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการหลีกเลี่ยงเขตแดนเงาของเขาขึ้นมาได้
ด้วยความที่มันเป็นเทคนิคที่แยบยลมากๆดังนั้นในการที่จะใช้มัน, คนผู้นั้นจะต้องมีเลเวลอย่างน้อย 14 ซึ่งลิงค์ต้องใช้พลังของตัวเองทั้งหมดในการร่ายมัน
แต่ลิงค์ก็ไม่ได้ห่วงเรื่องที่ต้องผลาญพลังที่ตัวเองมีอยู่ทั้งหมดไปกับการใช้เวทย์นี้เพราะเขายังคงมีหินเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งมากๆอยู่ในกระเป๋า: คริสตัลพลังงานที่สามารถเติมพลังงานของเขาได้หลังจากที่ใช้มัน!
ในตอนนั้นเองเอเลียร์ดเห็นว่าดิโลเซ่นยังคงง่วนอยู่กับจันทราโกลาหล เขารู้ว่าชายคนนี้จนปัญญาแล้ว
ลิงค์พวกเราควรถอยไหม? เอเลียร์ดตะโกน
ลิงค์ส่ายหัว ไม่, ยังพอมีโอกาสอยู่ ดูเวทย์ของฉันให้ดีๆหล่ะ!
ในทันที่เขาพูดจบลิงค์ก็ไล่ดูเมนูเวทมนตร์ที่โผล่ขึ้นมาในทัศนวิสัยของเขา หลังจากผ่านไปไม่นานเขาก็เลือกเวทย์ที่มีชื่อว่า แสงอาทิตย์
แสงอาทิตย์
เวทย์ระดับตำนานเลเวล14
พลังแก่นภพ:28,000 แต้ม
รายละเอียด:เปลี่ยนพลังงานมหาศาลให้เป็นแสงอาทิตย์บริสุทธิ์ ถ้าเกิดร่ายเวทย์นี้ด้วยพลังเต็มที่ ผลของมันจะทำให้เกิดแสงที่สว่างเหมือนกับดวงอาทิตย์ขึ้นจริงๆ
(หมายเหตุ:แสงที่ไม่เหมือนกับแสงใดที่คุณเคยเห็น!)
เวทย์แสงอาทิตย์นั้นอาจจะไม่มากพอที่จะเจาะทะลวงความมืดรอบตัวพวกเขาแม้ว่าพลังของมอร์เฟียสจะถูกพวกเขาจำกัด แต่เขาก็ยังคงมีเลเวล 15 และมีเขตแดนของตัวเอง
ช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างเลเวล14 กับเลเวล 15 นั้น ทำให้มอร์เฟียสไม่สนใจผลของเวทย์แสงอาทิตย์เหมือนกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
และด้วยเหตุนี้เองลิงค์จึงต้องใช้เทคนิคอื่นพ่วงไปด้วย
สำหรับนักเวทย์ธรรมดาเทคนิคนี้คงจะใช้ได้ยากมาก ยังไงก็ตาม สำหรับนักเวทย์มิติอย่างลิงค์นั้น มันง่ายเหมือนกับของเด็กเล่น ตอนนี้เขามีแต้มโอมนิอยู่ 190 แต้ม หลังจากที่ซื้อเวทย์เลเวล 14 ไป เขาก็ยังเหลือแต้มอยู่อีก 50 แต้ม ซึ่งเขาใช้มันในการเพิ่มพลังของตัวเอง
แม้ว่าเขาจะสามารถเพิ่มพลังของตัวเองได้แค่50 แต้ม แต่ 50 แต้มนี้อาจใช้วัดความเป็นความตายของลิงค์ได้เลย พอได้เวทย์มาแล้วเขาก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา จากนั้นเขาก็หยิบดาบลำนำจันทร์เต็มดวงออกมาโดยไม่ลังเล ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาก็ใช้มือซ้ายหยิบคริสตัลพลังงานออกมา
เขาเริ่มร่ายเวทย์แสงอาทิตย์ด้วยมือขวาในขณะที่ดูดพลังจากคริสตัลพลังงานด้วยมือซ้าย!
ในชั่วพริบตาจุดแสงก็ปรากฏขึ้นที่ปลายดาบของเขาเหมือนกับท้องของหิ่งห้อย หลังจากนั้นจุดแสงนั้นก็ระเบิดออก!
หึ่ม…เหมือนกับบิ๊กแบงระเบิดแสงได้กระจายไปทั่วทั้งหุบเขา มันกระจายไปทุกทิศทาง ปะทะกับความมืดที่อยู่รอบเหมือนกับคลื่นน้ำ
ยังไงก็ตามลิงค์รู้ว่าเวทย์เลเวล 14 นั้นไม่สามารถลบความมืดทั้งหมดได้ แสงถูกความมืดกลืนกินในเวลาไม่นาน
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองมิติทับซ้อนก็ปรากฏขึ้นรอบๆแสงแสงนั้นติดอยู่ในมิติทับซ้อนและเริ่มที่จะขยายตัวก่อนที่จะระเบิดออกมาจากข้างในในที่สุด
จากมุมมองของเอเลียร์ด,เขาเห็นดาบลำนำจันทร์เต็มดวงในมือของลิงค์ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนมันมีความยาวประมาณ 1000 ฟุตและกว้าง 100 ฟุต ทั่วทั้งตัวดาบนั้นเหมือนกับทำมาจากแสง ซึ่งบางครั้งมันก็เปล่งแสงออกมาเหมือนกับหิมะหรือบางทีมันก็เผาไหม้เหมือนกับเปลวเพลิง
อ้ากก! ลิงค์คำราม เขาเหวี่ยงดาบแสงไปหลายทิศทาง และในชั่วพริบตา เขาก็ฟันดาบไปได้มากกว่า 100 ครั้ง ถ้ามองผ่านๆ มันจะเหมือนกับว่ามีลำแสงพุ่งออกมาจากตัวเขาเลย ในเวลาเดียวกันนั้นเอง แสงก็กระจายไปทั่วทั้งหุบเขา ซึ่งมันเกือบจะปัดเป่าความมืดทั้งหมดที่อยู่รอบๆตัวพวกเขา
นี่คือความแตกต่างของเลเวล14 และเลเวล 15 การผสานเวทย์เลเวล 14 กับเทคนิคอื่นๆของลิงค์นั้นแทบที่จะสร้างรอยขีดข่วนให้กับเขตแดนเงาของมอร์เฟียสไม่ได้เลย ในตอนแรกเขตแดนเงาเป็นม่านความมืดที่ไม่สามารถทะลวงได้ ยังไงก็ตาม ในตอนที่ลิงค์รำดาบขนาดใหญ่ขึ้นของเขา ความมืดก็ลดลงไปเยอะ ในตอนนี้ ใครก็ตามที่มีสายตาระดับตำนานจะสามารถเห็นขอบของสิ่งต่างๆที่อยู่ไกลออกไปได้ลางๆ
ในการเผชิญหน้ากับความมืดที่มาจากทุกทิศทางนั้นพลังของลิงค์อย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ในทันทีที่ระเบิดแสงหายไป เขาก็จะถูกความมืดกลืนกินอีกครั้งในทันที ยังไงก็ตาม เขาไม่ได้อยู่คนเดียว
ด้วยความช่วยเหลือของลำแสงที่เจาะทะลวงความมืดดิโลเซ่นก็พยายามตามหามอร์เฟียสอีกครั้ง
เจอแล้วข้าเจอตัวมันแล้ว! มันอยู่ทางขวา…ลิงค์ ระวังนะ! ดิโลเซ่นตะโกน
ผ่านแสงอ่อนๆดิโลเซ่นมองเห็นเงาดำกำลังพุ่งมาทางลิงค์ด้วยความเร็วที่สูงมากๆ เงานั้นเร็วมากจนเขามองตามแทบไม่ทัน เขาไม่สามารถร่ายเวทย์ป้องกันผู้ติดตามเงาให้ทันเวลาได้เลย!
ในเขตแดนเงาพลังของมอร์เฟียสจะอยู่ในจุดสูงสุด ต่อให้เขาถูกพบตัวในเขตแดนของเขา ก็ไม่มีใครสามารถป้องกันการโจมตีที่รวดเร็วดั่งสายฟ้าของเขาได้ นี่เป็นความจริงจากกรณีของดิโลเซ่น
ในทันทีที่ดิโลเซ่นพูดจบเขาก็รู้สึกว่าร่างของเขาส่ายไปซ้ายไปขวาจากพลังที่มองไม่เห็น ไม่ว่าเขาจะพยายามดิ้นรนยังไง มันก็เปล่าประโยชน์
เขาตะโกนด้วยความสับสน มิติรอบตัวพวกเรากำลังสั่นไหว!
จากนั้นเขาก็หันไปมองหาที่มาของการสั่นสะเทือนมิติและเขาก็เห็นฉากที่เขาจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต