Chapter
“ทีโอดอร์มากับข้าสิ” ราชินีไฮเอลฟ์กวักมือเรียกลิงค์ เธอมองเขาอย่างอบอุ่น ราวกับเป็นคุณแม่ที่มองดูลูกของตัวเองในตอนที่เขาประสบความสำเร็จ
ทีโอดอร์ตัวจริงคงจะรู้สึกเป็นเกียรติมากถ้าได้เดินเคียงคู่กับราชินีแบบนี้ยังไงก็ตาม ลิงค์ไม่มีทางที่จะมีความคิดแบบนี้อยู่ในหัวได้เลย จากท่าทีที่ราชินีแสดงออกมา เขาคิดว่าราชินีน่าจะเริ่มสงสัยตัวตนของเขาและตอนนี้กำลังพยายามหาวิธีการยืนยันในความสงสัยของเธออยู่
ลิงค์โค้งคำนับเธอเล็กน้อย“ขอบคุณมากครับ องค์ราชินี”
โดยไม่สนใจสายตาชื่นชมของไฮเอลฟ์คนอื่นๆเขาก็ก้าวไปข้างหน้าและใช้ก้าวพริบตาไปอยู่ข้างหน้าราชินี
“ส่วนพวกเจ้าที่เหลือออกไปซะข้าอยากจะคุยกับทีโอดอร์เป็นการส่วนตัว” ราชินีไฮเอลฟ์พูด
ไฮเอลฟ์ที่เหลือมองหน้ากันด้วยความไม่มั่นใจว่าทำไมราชินีของพวกเขาถึงออกคำสั่งแบบนี้ พวกเขาต่างก็ดูลังเล โดยเฉพาะการ์ดหลวง ที่รู้สึกเหมือนมันเป็นการละทิ้งหน้าที่ของตัวเอง
“ข้าบอกให้ออกไปไง!”ราชินีไฮเอลฟ์พูดอีกครั้งอย่างเด็ดขาด
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกไฮเอลฟ์ได้ยินราชินีของพวกเขาขึ้นเสียงใส่พวกเขารีบออกไปในทันที
ตอนนี้ไฮเอลฟ์ที่อยู่ระหว่างเส้นทางไปสุสานราชวงศ์นั้นเหลือแค่ลิงค์กับราชินีไฮเอลฟ์
หลังจากร่ายบาเรียป้องกันเสียงใบหน้าของราชินีก็ดูผ่อนคลายขึ้นมา เธอยิ้มให้ลิงค์เล็กน้อยแล้วพูด “มาสิ ทีโอดอร์ พวกเรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลย”
“เชิญท่านเดินนำเลยครับ”ลิงค์พูดพร้อมคำนับเล็กน้อย
ราชินีไฮเอลฟ์เริ่มเดินไปข้างหน้าโดยที่มีลิงค์คอยเดินตามหลัง
ดวงอาทิตย์ส่องประกายบนท้องฟ้าอย่างอ่อนโยนสายลมพัดผ่านพวกเขาเป็นบางครั้ง มีกลิ่นหอมลอยมาจากต้นไม้ที่มีใบสีม่วงที่ตั้งอยู่ตามทาง ราชินีเดินไปตามเส้นทางอย่างเงียบงันราวกับกำลังคิดเรื่องที่จะพูดอยู่
ลิงค์อยู่ข้างๆเธอ
เขารอราชินีพูดอย่างใจเย็น
ไม่นานนักเส้นทางเข้าสุสานก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพวกเขา มีรูปปั้นสูง 20 ฟุตตั้งอยู่อย่างโอ่อ่าทั้งสองฝั่ง คอยปกปักษ์สถานที่นี้เอาไว้ตลอดเวลา
“รูปปั้นทั้งสองนี้สร้างขึ้นเมื่อ2,935 ปีก่อน พวกเขาแต่ละคนนั้นมีพลังที่จุดสูงสุดของเลเวล 9 และเคยเป็นบุคคลที่มีพลังมากที่สุดในภพ ยังไงก็ตามพอผ่านมา 3,000 ปี พวกเขาก็ถูกลดระดับลงจนไม่ต่างอะไรกับของตกแต่ง”
ลิงค์พูดด้วยรอยยิ้ม“ไม่มีอะไรที่ทนต่อการกัดเซาะของเวลาได้หรอกครับ โลกเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่ปรับตัว รูปปั้นเวทมนตร์ทั้งสองตัวนี้ก็จะล้าหลังไปเรื่อยๆ”
“นั่นสินะที่เจ้าพูดมานี่ถูกที่สุดเลยหล่ะ” ราชินีไฮเอลฟ์พูด
ราชินีถอนหายใจออกมาจากนั้นเธอก็เงียบไปซักพัก แล้วจู่ๆเธอก็หันมาพูดกับลิงค์ “ไฮเอลฟ์ในปัจจุบันนี้ไม่เคยเล็งเห็นถึงเรื่องพวกนี้เลยและรูปปั้นพวกนี้ก็ไม่เคยอยู่ในพื้นฐานอารยธรรมของไฮเอลฟ์ด้วย ถ้าเกิดต้นไม้โลกต้องเผชิญกับชะตากรรมเดียวกันนี้ มันจะทำให้เกิดความปั่นป่วนในกลุ่มผู้อยู่อาศัยใต้ร่มเงาของมันทุกกคน ทีโอดอร์ เจ้ามีพลังที่ไม่มีใครในเกาะนี้สามารถเทียบเคียงได้ เจ้าคิดว่ามันจะมีวันที่ต้นไม้โลกกลายเป็นของตกยุครึเปล่า?”
ลิงค์เขม่นตาของเขาคำถามนี้ค่อนข้างแรงจริงๆ หลังจากที่คิดอยู่ซักพัก เขาก็พูด “ต่อให้วันนั้นมาถึง ข้าก็มั่นใจว่าไฮเอลฟ์จะยังมีที่ยืนอยู่ในโลกใบนี้ครับ”
“งั้นหรอแต่ตอนนี้ข้าไม่มั่นใจเลย” ราชินีไฮเอลฟ์พูดพร้อมกับถอนหายใจ “ไฮเอลฟ์เพลิดเพลินกับความสงบสุขและความมั่งคั่งมานานกว่า 3,000 ปีแล้ว ซึ่งนี่เป็นทั้งพรและคำสาปจากต้นไม้โลก การที่ไฮเอลฟ์ในยุคนี้เสื่อมถอยลงนั้นเป็นเรื่องจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ความเย่อหยิ่งของพวกเขาทำให้เป็นที่รังเกียจของเผ่าอื่น ถ้าเกิดวันไหนต้นไม้โลกหายไป ข้ากลัวว่าพวกเราอาจจะไม่สามารถเอาตัวรอดจากการต่อต้านที่มาจากเผ่าอื่นๆได้”
“องค์ราชินีทำไมท่านถึงพูดในแง่ลบแบบนั้นหล่ะครับ?” ลิงค์พูด เขาไม่ตกใจเลยที่ราชินีไฮเอลฟ์จะมองผลลัพธ์ของมันออก ทุกการตัดสินใจในอดีตของเธอนั้นได้แสดงให้เห็นว่าเธอมีสายตาที่ก้าวไกลอย่างน่าเหลือเชื่อ
เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงผลลัพธ์นั้นเธอได้ทำทุกอย่างเพื่อหยุดยั้งชนวนที่จะก่อให้เกิดการจลาจลจากเผ่าพันธุ์อื่นทั่วทวีป เธอจัดการวางแผนมาตลอด 3,000 ปี มันเป็นแบบนี้จนกระทั่งลิงค์ปรากฏตัวขึ้นและเธอก็เริ่มผิดพลาดบ่อยขึ้น
“ในฐานะหัวหน้ามันเป็นงานของข้าที่จะต้องพิจารณาถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด”
ราชินีไฮเอลฟ์พูดตอนนี้เธอกำลังยิ้มอยู่ รอยยิ้มที่เธอมีให้ลิงค์นั้นเหมือนกับรอยยิ้มของคนเป็นแม่ เธอพูดต่อ “ทีโอดอร์ เจ้าเป็นคนหนุ่มที่ยอดเยี่ยมมากคนนึง ความขยันหมั่นเพียรและความน่าเชื่อถือของเจ้าโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางความเสื่อมโทรมของเกาะรุ่งอรุณนี้ เจ้าสามารถเอาตัวรอดจากการสังหารหมู่ของราชินีดาร์คเอลฟ์ในป่าทมิฬได้ และเมื่อเร็วๆนี้เจ้ายังสามารถจัดการซาโรวินี่และช่วยเหลือเกาะรุ่งอรุณจากการถูกทำลายได้อีก ดูเหมือนว่าต้นไม้โลกจะตัดสินใจถูกแล้วหล่ะที่ประทานพรให้กับเจ้า”
ลิงค์ได้รับคำชมมามากมายตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามาในฟิรุแมนตอนนี้มันเริ่มเหมือนกับสิ่งที่ประดับบารมีของเขา ถ้าเขาอยากได้รับคำชื่นชมสรรเสริญ สิ่งที่เขาต้องทำก็แค่เดินไปตามถนนในเฟิร์ด จากนั้นเขาจะได้รับคำชื่นจากผู้อยู่อาศัยอย่างไม่หยุดหย่อนในทันที
เขายังไม่แสดงสีหน้าอะไรเขารอให้ราชินีไฮเอลฟ์พูดต่ออย่างเงียบๆ
ทั้งสองคนได้มาอยู่ใต้รูปปั้นเวทมนตร์ของสุสานแล้วราชินีไฮเอลฟ์หันมาพูดกับลิงค์ “ผ่านรูปปั้นนี้ไปก็จะถึงสุสานราชวงศ์แล้ว เจ้าเห็นเส้นสีเงินที่พื้นไหม?”
ลิงค์ก้มลงไปและเห็นเส้นสีเงินหนา4 นิ้วถูกเขียนอยู่บนพื้นระหว่างรูปปั้นทั้งสอง พอสังเกตดูอย่างละเอียด เขาก็เห็นว่าเส้นนี้คือรูนเวทมนตร์แถวนึงที่ถูกมัดรวมกัน เขาสามารถสัมผัสถึงพลังงานเวทมนตร์ปริศนาจากมันได้
“บาเรียเลือดศักดิ์สิทธิ์สินะครับ?”ลิงค์ถาม
“ใช่แล้ว”ราชินีไฮเอลฟ์พยักหน้าตอบ เธอเดินผ่านเส้นสีเงินไป “บาเรียเลือดศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นสิ่งประดิษฐ์ชั้นยอดจากศาสตร์ลึกลับของไฮเอลฟ์ ไม่ต้องกังวลหรอก มันก็แค่ผนึกตรวจจับ รูปปั้นทั้งสองจะทำงานก็ต่อเมื่อมีผู้บุกรุกที่ไม่ใช่ไฮเอลฟ์ข้ามผ่านเส้นนี้ไป เข้ามาสิ ทีโอดอร์”
ยังไงก็ตามลิงค์ยังคงยืนอยู่กับที่ เขามองราชินีไฮเอลฟ์และเห็นว่าเธอยังมีรอยยิ้มที่อบอุ่นเหมือนเดิม
ยังไงก็ตาม1 วินาทีต่อมา ความอบอุ่นในรอยยิ้มของเธอก็เริ่มหายไปและสายตาที่เย็นชาก็เข้ามาแทนที่
“ทีโอดอร์เจ้ารออะไรอยู่หล่ะ?” เธอถาม
บาเรียเวทมนตร์นี้ซับซ้อนเกินกว่าที่ลิงค์จะผ่านไปได้ในช่วงเวลาสั้นๆโดยที่ไม่คิดเกี่ยวกับมันมาก เขาก็เดินผ่านเส้นสีเทาไป
เขามีความมั่นใจว่าเขาจะรับมือกับรูปปั้นทั้งสองได้ถ้าเกิดเขาทำให้บาเรียเลือดศักดิ์สิทธิ์ทำงาน และในที่สุดเขาก็เข้าใจสิ่งที่ฟิรุแมนต้องการแล้ว ยังไงก็ตามกระบวนการรวมภพนั้นยังมีความเสี่ยงอยู่ ถ้าเกิดเขาต้องการช่วยให้ฟิรุแมนได้หลอมรวมกับอารากู่ เขาก็ต้องเตรียมตัวรับอุปสรรคที่จะตามมา
ในตอนที่ลิงค์เหยียบลงไปบนเส้นสีเงินรูนข้างในนั้นก็กลายเป็นสีแดงในทันที แสงสีแดงพุ่งขึ้นมาจากพื้น ทำให้รูปปั้นเวทมนตร์ทั้งสองมีชีวิตขึ้นมา
ทันใดนั้นเองราชินีไฮเอลฟ์ก็ยกเท้าของเธอขึ้น ซึ่งมันส่องแสงสีเขียวอ่อนจากพลังธรรมชาติของเธอ แล้วเธอก็วางมันลงที่เส้นสีเงิน
เปรี๊ยะ….เสียงเหมือนแก้วแตกดังขึ้นในอากาศแสงสีแดงที่รูนบนพื้นหายไปในทันที แล้วรูปปั้นทั้งสองก็ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่
ตอนนี้ลิงค์ได้มายืนอยู่ที่อีกฝั่งของบาเรียแล้วเขาข้ามเส้นสีเงินที่พื้นได้สำเร็จ
“ทีโอดอร์มากับข้าสิ” ราชินีไฮเอลฟ์กวักมือเรียกลิงค์ เธอมองเขาอย่างอบอุ่น ราวกับเป็นคุณแม่ที่มองดูลูกของตัวเองในตอนที่เขาประสบความสำเร็จ
ทีโอดอร์ตัวจริงคงจะรู้สึกเป็นเกียรติมากถ้าได้เดินเคียงคู่กับราชินีแบบนี้ยังไงก็ตาม ลิงค์ไม่มีทางที่จะมีความคิดแบบนี้อยู่ในหัวได้เลย จากท่าทีที่ราชินีแสดงออกมา เขาคิดว่าราชินีน่าจะเริ่มสงสัยตัวตนของเขาและตอนนี้กำลังพยายามหาวิธีการยืนยันในความสงสัยของเธออยู่
ลิงค์โค้งคำนับเธอเล็กน้อย“ขอบคุณมากครับ องค์ราชินี”
โดยไม่สนใจสายตาชื่นชมของไฮเอลฟ์คนอื่นๆเขาก็ก้าวไปข้างหน้าและใช้ก้าวพริบตาไปอยู่ข้างหน้าราชินี
“ส่วนพวกเจ้าที่เหลือออกไปซะข้าอยากจะคุยกับทีโอดอร์เป็นการส่วนตัว” ราชินีไฮเอลฟ์พูด
ไฮเอลฟ์ที่เหลือมองหน้ากันด้วยความไม่มั่นใจว่าทำไมราชินีของพวกเขาถึงออกคำสั่งแบบนี้ พวกเขาต่างก็ดูลังเล โดยเฉพาะการ์ดหลวง ที่รู้สึกเหมือนมันเป็นการละทิ้งหน้าที่ของตัวเอง
“ข้าบอกให้ออกไปไง!”ราชินีไฮเอลฟ์พูดอีกครั้งอย่างเด็ดขาด
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกไฮเอลฟ์ได้ยินราชินีของพวกเขาขึ้นเสียงใส่พวกเขารีบออกไปในทันที
ตอนนี้ไฮเอลฟ์ที่อยู่ระหว่างเส้นทางไปสุสานราชวงศ์นั้นเหลือแค่ลิงค์กับราชินีไฮเอลฟ์
หลังจากร่ายบาเรียป้องกันเสียงใบหน้าของราชินีก็ดูผ่อนคลายขึ้นมา เธอยิ้มให้ลิงค์เล็กน้อยแล้วพูด “มาสิ ทีโอดอร์ พวกเรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลย”
“เชิญท่านเดินนำเลยครับ”ลิงค์พูดพร้อมคำนับเล็กน้อย
ราชินีไฮเอลฟ์เริ่มเดินไปข้างหน้าโดยที่มีลิงค์คอยเดินตามหลัง
ดวงอาทิตย์ส่องประกายบนท้องฟ้าอย่างอ่อนโยนสายลมพัดผ่านพวกเขาเป็นบางครั้ง มีกลิ่นหอมลอยมาจากต้นไม้ที่มีใบสีม่วงที่ตั้งอยู่ตามทาง ราชินีเดินไปตามเส้นทางอย่างเงียบงันราวกับกำลังคิดเรื่องที่จะพูดอยู่
ลิงค์อยู่ข้างๆเธอ
เขารอราชินีพูดอย่างใจเย็น
ไม่นานนักเส้นทางเข้าสุสานก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพวกเขา มีรูปปั้นสูง 20 ฟุตตั้งอยู่อย่างโอ่อ่าทั้งสองฝั่ง คอยปกปักษ์สถานที่นี้เอาไว้ตลอดเวลา
“รูปปั้นทั้งสองนี้สร้างขึ้นเมื่อ2,935 ปีก่อน พวกเขาแต่ละคนนั้นมีพลังที่จุดสูงสุดของเลเวล 9 และเคยเป็นบุคคลที่มีพลังมากที่สุดในภพ ยังไงก็ตามพอผ่านมา 3,000 ปี พวกเขาก็ถูกลดระดับลงจนไม่ต่างอะไรกับของตกแต่ง”
ลิงค์พูดด้วยรอยยิ้ม“ไม่มีอะไรที่ทนต่อการกัดเซาะของเวลาได้หรอกครับ โลกเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่ปรับตัว รูปปั้นเวทมนตร์ทั้งสองตัวนี้ก็จะล้าหลังไปเรื่อยๆ”
“นั่นสินะที่เจ้าพูดมานี่ถูกที่สุดเลยหล่ะ” ราชินีไฮเอลฟ์พูด
ราชินีถอนหายใจออกมาจากนั้นเธอก็เงียบไปซักพัก แล้วจู่ๆเธอก็หันมาพูดกับลิงค์ “ไฮเอลฟ์ในปัจจุบันนี้ไม่เคยเล็งเห็นถึงเรื่องพวกนี้เลยและรูปปั้นพวกนี้ก็ไม่เคยอยู่ในพื้นฐานอารยธรรมของไฮเอลฟ์ด้วย ถ้าเกิดต้นไม้โลกต้องเผชิญกับชะตากรรมเดียวกันนี้ มันจะทำให้เกิดความปั่นป่วนในกลุ่มผู้อยู่อาศัยใต้ร่มเงาของมันทุกกคน ทีโอดอร์ เจ้ามีพลังที่ไม่มีใครในเกาะนี้สามารถเทียบเคียงได้ เจ้าคิดว่ามันจะมีวันที่ต้นไม้โลกกลายเป็นของตกยุครึเปล่า?”
ลิงค์เขม่นตาของเขาคำถามนี้ค่อนข้างแรงจริงๆ หลังจากที่คิดอยู่ซักพัก เขาก็พูด “ต่อให้วันนั้นมาถึง ข้าก็มั่นใจว่าไฮเอลฟ์จะยังมีที่ยืนอยู่ในโลกใบนี้ครับ”
“งั้นหรอแต่ตอนนี้ข้าไม่มั่นใจเลย” ราชินีไฮเอลฟ์พูดพร้อมกับถอนหายใจ “ไฮเอลฟ์เพลิดเพลินกับความสงบสุขและความมั่งคั่งมานานกว่า 3,000 ปีแล้ว ซึ่งนี่เป็นทั้งพรและคำสาปจากต้นไม้โลก การที่ไฮเอลฟ์ในยุคนี้เสื่อมถอยลงนั้นเป็นเรื่องจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ความเย่อหยิ่งของพวกเขาทำให้เป็นที่รังเกียจของเผ่าอื่น ถ้าเกิดวันไหนต้นไม้โลกหายไป ข้ากลัวว่าพวกเราอาจจะไม่สามารถเอาตัวรอดจากการต่อต้านที่มาจากเผ่าอื่นๆได้”
“องค์ราชินีทำไมท่านถึงพูดในแง่ลบแบบนั้นหล่ะครับ?” ลิงค์พูด เขาไม่ตกใจเลยที่ราชินีไฮเอลฟ์จะมองผลลัพธ์ของมันออก ทุกการตัดสินใจในอดีตของเธอนั้นได้แสดงให้เห็นว่าเธอมีสายตาที่ก้าวไกลอย่างน่าเหลือเชื่อ
เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงผลลัพธ์นั้นเธอได้ทำทุกอย่างเพื่อหยุดยั้งชนวนที่จะก่อให้เกิดการจลาจลจากเผ่าพันธุ์อื่นทั่วทวีป เธอจัดการวางแผนมาตลอด 3,000 ปี มันเป็นแบบนี้จนกระทั่งลิงค์ปรากฏตัวขึ้นและเธอก็เริ่มผิดพลาดบ่อยขึ้น
“ในฐานะหัวหน้ามันเป็นงานของข้าที่จะต้องพิจารณาถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด”
ราชินีไฮเอลฟ์พูดตอนนี้เธอกำลังยิ้มอยู่ รอยยิ้มที่เธอมีให้ลิงค์นั้นเหมือนกับรอยยิ้มของคนเป็นแม่ เธอพูดต่อ “ทีโอดอร์ เจ้าเป็นคนหนุ่มที่ยอดเยี่ยมมากคนนึง ความขยันหมั่นเพียรและความน่าเชื่อถือของเจ้าโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางความเสื่อมโทรมของเกาะรุ่งอรุณนี้ เจ้าสามารถเอาตัวรอดจากการสังหารหมู่ของราชินีดาร์คเอลฟ์ในป่าทมิฬได้ และเมื่อเร็วๆนี้เจ้ายังสามารถจัดการซาโรวินี่และช่วยเหลือเกาะรุ่งอรุณจากการถูกทำลายได้อีก ดูเหมือนว่าต้นไม้โลกจะตัดสินใจถูกแล้วหล่ะที่ประทานพรให้กับเจ้า”
ลิงค์ได้รับคำชมมามากมายตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามาในฟิรุแมนตอนนี้มันเริ่มเหมือนกับสิ่งที่ประดับบารมีของเขา ถ้าเขาอยากได้รับคำชื่นชมสรรเสริญ สิ่งที่เขาต้องทำก็แค่เดินไปตามถนนในเฟิร์ด จากนั้นเขาจะได้รับคำชื่นจากผู้อยู่อาศัยอย่างไม่หยุดหย่อนในทันที
เขายังไม่แสดงสีหน้าอะไรเขารอให้ราชินีไฮเอลฟ์พูดต่ออย่างเงียบๆ
ทั้งสองคนได้มาอยู่ใต้รูปปั้นเวทมนตร์ของสุสานแล้วราชินีไฮเอลฟ์หันมาพูดกับลิงค์ “ผ่านรูปปั้นนี้ไปก็จะถึงสุสานราชวงศ์แล้ว เจ้าเห็นเส้นสีเงินที่พื้นไหม?”
ลิงค์ก้มลงไปและเห็นเส้นสีเงินหนา4 นิ้วถูกเขียนอยู่บนพื้นระหว่างรูปปั้นทั้งสอง พอสังเกตดูอย่างละเอียด เขาก็เห็นว่าเส้นนี้คือรูนเวทมนตร์แถวนึงที่ถูกมัดรวมกัน เขาสามารถสัมผัสถึงพลังงานเวทมนตร์ปริศนาจากมันได้
“บาเรียเลือดศักดิ์สิทธิ์สินะครับ?”ลิงค์ถาม
“ใช่แล้ว”ราชินีไฮเอลฟ์พยักหน้าตอบ เธอเดินผ่านเส้นสีเงินไป “บาเรียเลือดศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นสิ่งประดิษฐ์ชั้นยอดจากศาสตร์ลึกลับของไฮเอลฟ์ ไม่ต้องกังวลหรอก มันก็แค่ผนึกตรวจจับ รูปปั้นทั้งสองจะทำงานก็ต่อเมื่อมีผู้บุกรุกที่ไม่ใช่ไฮเอลฟ์ข้ามผ่านเส้นนี้ไป เข้ามาสิ ทีโอดอร์”
ยังไงก็ตามลิงค์ยังคงยืนอยู่กับที่ เขามองราชินีไฮเอลฟ์และเห็นว่าเธอยังมีรอยยิ้มที่อบอุ่นเหมือนเดิม
ยังไงก็ตาม1 วินาทีต่อมา ความอบอุ่นในรอยยิ้มของเธอก็เริ่มหายไปและสายตาที่เย็นชาก็เข้ามาแทนที่
“ทีโอดอร์เจ้ารออะไรอยู่หล่ะ?” เธอถาม
บาเรียเวทมนตร์นี้ซับซ้อนเกินกว่าที่ลิงค์จะผ่านไปได้ในช่วงเวลาสั้นๆโดยที่ไม่คิดเกี่ยวกับมันมาก เขาก็เดินผ่านเส้นสีเทาไป
เขามีความมั่นใจว่าเขาจะรับมือกับรูปปั้นทั้งสองได้ถ้าเกิดเขาทำให้บาเรียเลือดศักดิ์สิทธิ์ทำงาน และในที่สุดเขาก็เข้าใจสิ่งที่ฟิรุแมนต้องการแล้ว ยังไงก็ตามกระบวนการรวมภพนั้นยังมีความเสี่ยงอยู่ ถ้าเกิดเขาต้องการช่วยให้ฟิรุแมนได้หลอมรวมกับอารากู่ เขาก็ต้องเตรียมตัวรับอุปสรรคที่จะตามมา
ในตอนที่ลิงค์เหยียบลงไปบนเส้นสีเงินรูนข้างในนั้นก็กลายเป็นสีแดงในทันที แสงสีแดงพุ่งขึ้นมาจากพื้น ทำให้รูปปั้นเวทมนตร์ทั้งสองมีชีวิตขึ้นมา
ทันใดนั้นเองราชินีไฮเอลฟ์ก็ยกเท้าของเธอขึ้น ซึ่งมันส่องแสงสีเขียวอ่อนจากพลังธรรมชาติของเธอ แล้วเธอก็วางมันลงที่เส้นสีเงิน
เปรี๊ยะ….เสียงเหมือนแก้วแตกดังขึ้นในอากาศแสงสีแดงที่รูนบนพื้นหายไปในทันที แล้วรูปปั้นทั้งสองก็ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่
ตอนนี้ลิงค์ได้มายืนอยู่ที่อีกฝั่งของบาเรียแล้วเขาข้ามเส้นสีเงินที่พื้นได้สำเร็จ