Chapter
โรงเตี๊ยมโลหิต
นักเวทย์ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่ทำตัวสมฐานะนั้นล้วนมีทักษะการสังเกตที่แม่นยำเฒ่าตาบอดเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นจากกฏนี้
มันเป็นความจริงที่ว่าเขาตาบอดอย่างไรก็ตาม, เขามีดวงตาแห่งจิตใจที่เฉียบคมกว่านักเวทย์คนอื่นๆ
ลิงค์ในตอนนี้ปลอมตัวเป็นมนุษย์สัตว์ทหารรับจ้างอยู่อย่างไรก็ตาม, เขาไม่ได้แผ่ออร่าที่ป่าเถื่อนและอำมหิตของมนุษย์สัตว์ออกมาเลย และร่างกายของเขาก็สะอาดมากเกินกว่าที่จะเป็นมนุษย์สัตว์จริงๆด้วย
ไม่เหมือนกับนากา,เฒ่าตาบอดนั้นสามารถมองการปลอมตัวของเขาออกในทันที
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังตามหาข้าอยู่มีอะไรก็พูดมาเถอะ, คนแปลกหน้า เจ้าอยากได้อะไรจากข้าหล่ะ?” นักเวทย์ถามผ่านโทรจิต น้ำเสียงของเขาทะลวงผ่านเสียงอึกทึกของโรงเตี๋ยมเหมือนกับลูกศรและเข้ามาในแก้วหูของลิงค์เหมือนกระแสไฟฟ้า
ลิงค์รู้ตัวตนของนักเวทย์คนนี้แล้วเขาตอบกลับไปผ่านโทรจิต “ดาริส, คิดไม่ถึงเลยนะว่าจะมาเจอนายที่นี่”
ดาริสเป็นลูกศิษย์ผู้ทรยศของนักเวทย์เบลตอนที่อยู่ในสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟเขาเคยร่ำเรียนเวทมนตร์กับลิงค์ในหอคอยเวทมนตร์แห่งเดียวกัน ตอนนั้นเขาพยายามจะทำการสังหารหมู่แต่ก็ถูกลิงค์หยุดเอาไว้ได้ในที่สุด ตอนหลังเขาถูกส่งไปที่หมู่บ้านห้วยไม้เพื่อชดใช้ความผิดสำหรับการกระทำของเขา อย่างไรก็ตาม, เขาสามารถหนีออกมาได้ด้วยวิธีการบางอย่างก่อนที่จะถูกตัดสินโทษตามที่ควรจะเป็น
มีนักเวทย์กลุ่มนึงพยายามออกตามหาเขาและสิ่งเดียวที่พวกเขาได้กลับมาก็คือความจริงที่ว่าดาร์คเอลฟ์เป็นคนช่วยเขาหนี ไม่มีใครรู้ว่าเขาหนีไปที่ไหน, หรือสิ่งที่เขาทำตลอดเวลามานี้
ลิงค์เองก็ไม่คิดว่าเขาจะได้เจอกับนักเวทย์ผู้น่ารังเกียจคนนี้อีกรูปร่างหน้าตาของเขาเปลี่ยนไปมาก อย่างไรก็ตาม, รูปร่างหน้าตานั้นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญอีกต่อไปสำหรับนักเวทย์แบบลิงค์ เขารับรู้ถึงตัวตนของเฒ่าตาบอดได้ในทันทีผ่านแก่นวิญญาณของเขา
ตอนนี้ดาริสมีพลังแห่งความมืดเลเวล9 เขาได้ก้าวข้ามอาจารย์ของเขา, มาสเตอร์เบลไปตั้งนานแล้ว
ดาริสตกตะลึงกับการที่ตัวตนของเขาถูกเปิดเผยอย่างง่ายดายเขาไม่ได้ยินชื่อนี้มานานแล้ว มันคือความลับที่เขาเก็บเอาไว้อย่างดีที่สุด ความตกใจจากการได้ยินคนพูดชื่อนี้หลังจากที่เวลาล่วงเลยมาตั้งนานได้โจมตีจิตใจของเขาเหมือนกับฟ้าผ่า
“นี่เจ้าเป็นใครกันแน่?”ดาริสลุกขึ้นมาอย่างกระทันหัน พลังแห่งความมืดหนาเริ่มแผ่ออกมาจากตัวเขา แสงสว่างทั้งหมดในโรงเตี๊ยมดับไป และตอนนี้ความกลัวก็คุกคามทุกคนในทันที ทันใดนั้นเอง, เสียงกรีดร้องดังลั่นก็ดังผ่านความมืด, และทุกคนก็พากันหนีไปเหมือนกับสัตว์ที่ตื่นกลัว
ไม่มีใครในเมืองแบล็ควอร์เตอร์ที่สามารถต่อสู้กับนักเวทย์เลเวล9 อย่างดาริสได้ เวทย์โจมตีวิญญาณของเขาส่งผลกับทุกคนในโรงเตี๋ยมในทันที
สถานที่แห่งนี้ตกอยู่ในความวุ่นวาย
ดาริสหวังว่าความโกลาหลจะช่วยให้เขาหนีไปได้เขารู้ว่ามีไม่กี่คนในโลกนี้ที่สามารถมองตัวตนที่แท้จริงของเขาออก แล้วเขาก็รู้ด้วยว่าพวกคนที่ว่านี้ไม่ใช่พวกที่ล้อเล่นด้วยได้
หนึ่งในบรรดาคนเหล่านั้นก็คือศัตรูของเขาตั้งแต่สมัยที่เรียนในสถาบันเวทมนตร์,ดาริสอาจจะเป็นราชาในอาณาจักรของเขาที่ตรอกอันมืดมิดนี้ด้วยพลังเลเวล 9, แต่เขาก็รู้ว่าตัวเองไม่ต่างอะไรจากมดปลวดถ้าต้องเผชิญหน้ากับคนๆนั้น
ทันใดนั้นเอง,เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่สามารถขยับกล้ามเนื้อได้
สายตาที่เย็นชาของมนุษย์กำลังจ้องมาที่เขาจากทางเข้าโรงเตี๊ยมอย่างนากลัวมนุษย์สัตว์คนนั้นกำลังจ้องตรงมาที่เขา ความวุ่นวายในโรงเตี๊ยมไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรให้เขาเลย มีครึ่งปีศาจคนนึงพยายามผลักเขาไปด้านข้าง แต่มนุษย์สัตว์คนนั้นกลับใช้ขวานรบผ่าปีศาจคนนั้นเป็นสองซีกเหมือนกับกระดาษ
ณตอนนี้, มีกระแสคนมากมายกำลังถาโถมใส่มนุษย์สัตว์คนนั้น, แต่สิ่งที่ผ่านออกไปได้ก็มีแค่เศษเนื้อและกระดูกที่จำหน้าตาไม่ได้แล้วเท่านั้น
ดาริสกลืนน้ำลายเขารู้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมนุษย์สัตว์คนนี้
เขาไม่ใช่คนเดิมจากเมื่อสมัยตอนอยู่ในสถาบันเวทมนตร์อีกต่อไปแล้วในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เขาได้เจอกับคนที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองมากมาย การต่อสู้ทั้งหลายได้สอนให้เขาหัดเจียมตัว, ตอนนี้จุดประสงค์เดียวในชีวิตของเขาก็คือการมีชีวิตอยู่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
พอตระหนักได้ว่าไม่มีทางที่เขาจะเอาชนะมนุษย์สัตว์คนนี้ได้,ดาริสก็หยุดดิ้นรน มนุษย์สัตว์เลือกที่จะจำกัดการกระทำของเขาแทนที่จะฆ่าในทันที นี่ก็หมายความว่าตัวเขายังต้องมีประโยชน์กับมนุษย์สัตว์คนนี้แน่ๆ
“ยืนอยู่ข้างๆฉัน,ห้ามขยับไปไหนนะ!” ลิงค์เดินเข้ามาคว้าไหล่ของดาริสแล้วดึงเขาเข้าไปในมุมมืดของโรงเตี๊ยม พวกเขาทั้งคู่หายเข้าไปในเงาในทันที
ลิงค์ได้เปิดใช้เวทย์ปกปิดพวกเขายังอยู่ข้างในโรงเตี๊ยม อย่างไรก็ตาม, พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกคนอื่นเห็นหรือถูกแอบฟังอีกต่อไปแล้ว
ลิงค์โยนขวานทิ้งบนพื้นที่อยู่กลางโรงเตี๊ยมทุกคนในตึกยุ่งกับการหนีเอาตัวรอดเกินกว่าที่จะหันมาสนใจลิงค์, ดาริสหรือขวานรบน้ำหนัก 200 ปอนด์ที่อยู่บนพื้น
ในความมืดนี้,ลิงค์พูดกับดาริสผ่านโทรจิตต่อ “นายถูกนากากลุ่มนึงตามล่าอยู่ ฉันอยากรู้เหตุผล”
ดาริสไม่สามารถทำความเข้าใจเวทย์ปกปิดที่ลิงค์ร่ายได้เลยซึ่งนี่ทำให้เขารู้ในทันทีว่าพลังของมนุษย์สัตว์คนนี้เหนือชั้นกว่าเขามาก ในตอนที่ได้ยินสิ่งที่ลิงค์พูด, เขาก็ขมวดคิ้ว “เจ้ากำลังพูดถึงนักบวชของเทพแห่งการทำลายในป่าทมิฬหรอ? ข้าไม่น่าจะไปทำอะไรที่ยั่วโมโหพวกนั้นนะ”
“ลองนึกดูดีๆซิ”ลิงค์พูด พวกนากาคงไม่มาสนใจดาริสโดยไม่มีเหตุผลอย่างแน่นอน
จากนั้นดาริสก็ถาม“เจ้ารู้ว่าข้าเป็นใคร แต่ข้าจำไม่เห็นได้เลยว่าเคยไปรู้จักกับมนุษย์สัตว์คนไหน นี่เจ้าเป็นใครกันแน่? แล้วรู้ตัวตนที่แท้จริงของข้าได้ยังไง?”
“ฉันลิงค์เอง”ลิงค์พูดด้วยความมั่นใจว่าดาริสคงไม่สามารถใช้ตัวตนของเขาทำอะไรเขาได้ต่อให้เขาต้องการก็ตาม
พอได้ยินชื่อนี้, ร่างกายของดาริสก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง เขายังจำตอนที่เขาพ่ายแพ้ลิงค์ในป่าเกอร์เวนท์ได้อยู่เลย เขาเคยคิดที่จะแก้แค้น, แต่พลังของลิงค์กลับเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ เรื่องราวของเขาได้ถูกถ่ายทอดไปทั่วทั้งทวีป แม้กระทั่งมนุษย์สัตว์เด็กๆก็ยังรู้เลยว่าที่ไหนซักแห่งทางตะวันออกที่ห่างไกลมีเมืองมนุษย์ที่เจริญรุ่งเรื่องที่ถูกปกครองด้วยลอร์ดมนุษย์ผู้แข็งแกร่ง
เขาตัดใจเรื่องแก้แค้นไปตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนแล้วเขาหวังแค่ว่าลิงค์จะลืมตัวตนของเขาไป ดาริสพยายามที่จะออกห่างจากปัญหาและเก็บตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อทำให้มั่นใจว่าชื่อของเขาจะถูกลบเลือน
เขาไม่เคยคิดเลยว่าตลอดเวลามานี้ลิงค์ยังจำเขาได้อยู่
ในตอนนั้นเอง,ความรู้สึกสิ้นหวังก็กัดกินจิตใจของดาริส
“ขะข้า…” เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง, แต่ก็ถูกลิงค์ขัดไปก่อน
“ตอบฉันมา!”
“ข้าไม่รู้จริงๆ”ดาริสยักไหล่อย่างสิ้นหวังเขาไม่มีเหตุผลให้โกหกลอร์ดเฟิร์ดผู้ยิ่งใหญ่เลย สองปีที่ผ่านมา, เขาอยู่ที่ทุ่งหญ้าสีทองนี้มาโดยตลอด เขาไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์อะไรกับพวกนากาในป่าทมิฬ แต่ทันใดนั้นเอง, ดาริสก็นึกอะไรขึ้นมาได้อย่างกระทันหัน
“เดี๋ยวนะ”เขาพูด เขาตกอยู่ในห้วงความคิดในทันทีราวกับว่าเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก
ลิงค์รอฟังคำตอบจากเขาอย่างอดทน
ไม่กี่นาทีต่อมา,ดาริสก็พูดขึ้น “นี่อาจจะเกี่ยวข้องกับคนๆนึงที่ข้าได้พบเมื่อหนึ่งเดือนก่อน คนๆนั้นดูน่าจะอายุไม่เยอะ, ประมาณสิบห้าหรือสิบหกได้, แต่ข้าบอกได้เลยว่าเขาแข็งแกร่งกว่าข้า ข้าไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับเขา, แต่เขาได้ทิ้งหินอัญมณีเวทมนตร์อันมีค่าเอาไว้ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่หาเก็บที่ไหนก็ได้ จากนั้นหินอัญมณีนั้นก็ถูกแวมไพร์คนนึงเก็บไป แล้วมันก็พึ่งมาตกอยู่ในการครอบครองของข้าเมื่อไม่นานนี้เอง”
ดาริสเอาหินเวทมนตร์สี้ฟ้าขาวออกมาจากแหวนมิติของเขาหินอัญมณีนี้ดูเหมือนจะเก็บพลังเวทมนตร์ปริมาณมหาศาลเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นนักเวทย์คนไหนก็คงจะรู้สึกประทับใจกับสิ่งที่เห็นนี้
ลิงค์ขมวดคิ้วในตอนที่เห็นหินอัญมณี“มีบางอย่างแปลกๆนะ มันมีผนึกเวทย์วิญญาณอยู่ด้วย แล้วมันก็มีการไหลเวียนของเวทมนตร์ที่ไม่ปกติอีก…น่าสงสัยจริงๆ, มันทำให้ฉันนึกถึงใครบางคนเลย”
ลิงค์ตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองในเวลาไม่นานด้วยการมองข้ามสีหน้าสับสนของดาริส, ลิงค์ก็เริ่มสังเกตหินอัญมณีสีฟ้าขาวอย่างละเอียด ตอนนี้ดวงตาของเขาทอประกายด้วยแสงอันอ่อนโยน, ซึ่งดูค่อนข้างขัดกับหน้าตามนุษย์สัตว์ของเขา
ในตอนนั้นเอง,เสียงนึงก็ดังมาจากข้างนอกโรงเตี๊ยมโลหิต “ในนี้แหล่ะ มีเลือดอยู่บนพื้นเต็มเลย นี่ต้องเป็นพิธีกรรมอาบเลือดแน่ๆ”
นากาไล่ตามพวกเขามาแล้ว!
โรงเตี๊ยมโลหิต
นักเวทย์ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่ทำตัวสมฐานะนั้นล้วนมีทักษะการสังเกตที่แม่นยำเฒ่าตาบอดเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นจากกฏนี้
มันเป็นความจริงที่ว่าเขาตาบอดอย่างไรก็ตาม, เขามีดวงตาแห่งจิตใจที่เฉียบคมกว่านักเวทย์คนอื่นๆ
ลิงค์ในตอนนี้ปลอมตัวเป็นมนุษย์สัตว์ทหารรับจ้างอยู่อย่างไรก็ตาม, เขาไม่ได้แผ่ออร่าที่ป่าเถื่อนและอำมหิตของมนุษย์สัตว์ออกมาเลย และร่างกายของเขาก็สะอาดมากเกินกว่าที่จะเป็นมนุษย์สัตว์จริงๆด้วย
ไม่เหมือนกับนากา,เฒ่าตาบอดนั้นสามารถมองการปลอมตัวของเขาออกในทันที
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังตามหาข้าอยู่มีอะไรก็พูดมาเถอะ, คนแปลกหน้า เจ้าอยากได้อะไรจากข้าหล่ะ?” นักเวทย์ถามผ่านโทรจิต น้ำเสียงของเขาทะลวงผ่านเสียงอึกทึกของโรงเตี๋ยมเหมือนกับลูกศรและเข้ามาในแก้วหูของลิงค์เหมือนกระแสไฟฟ้า
ลิงค์รู้ตัวตนของนักเวทย์คนนี้แล้วเขาตอบกลับไปผ่านโทรจิต “ดาริส, คิดไม่ถึงเลยนะว่าจะมาเจอนายที่นี่”
ดาริสเป็นลูกศิษย์ผู้ทรยศของนักเวทย์เบลตอนที่อยู่ในสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟเขาเคยร่ำเรียนเวทมนตร์กับลิงค์ในหอคอยเวทมนตร์แห่งเดียวกัน ตอนนั้นเขาพยายามจะทำการสังหารหมู่แต่ก็ถูกลิงค์หยุดเอาไว้ได้ในที่สุด ตอนหลังเขาถูกส่งไปที่หมู่บ้านห้วยไม้เพื่อชดใช้ความผิดสำหรับการกระทำของเขา อย่างไรก็ตาม, เขาสามารถหนีออกมาได้ด้วยวิธีการบางอย่างก่อนที่จะถูกตัดสินโทษตามที่ควรจะเป็น
มีนักเวทย์กลุ่มนึงพยายามออกตามหาเขาและสิ่งเดียวที่พวกเขาได้กลับมาก็คือความจริงที่ว่าดาร์คเอลฟ์เป็นคนช่วยเขาหนี ไม่มีใครรู้ว่าเขาหนีไปที่ไหน, หรือสิ่งที่เขาทำตลอดเวลามานี้
ลิงค์เองก็ไม่คิดว่าเขาจะได้เจอกับนักเวทย์ผู้น่ารังเกียจคนนี้อีกรูปร่างหน้าตาของเขาเปลี่ยนไปมาก อย่างไรก็ตาม, รูปร่างหน้าตานั้นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญอีกต่อไปสำหรับนักเวทย์แบบลิงค์ เขารับรู้ถึงตัวตนของเฒ่าตาบอดได้ในทันทีผ่านแก่นวิญญาณของเขา
ตอนนี้ดาริสมีพลังแห่งความมืดเลเวล9 เขาได้ก้าวข้ามอาจารย์ของเขา, มาสเตอร์เบลไปตั้งนานแล้ว
ดาริสตกตะลึงกับการที่ตัวตนของเขาถูกเปิดเผยอย่างง่ายดายเขาไม่ได้ยินชื่อนี้มานานแล้ว มันคือความลับที่เขาเก็บเอาไว้อย่างดีที่สุด ความตกใจจากการได้ยินคนพูดชื่อนี้หลังจากที่เวลาล่วงเลยมาตั้งนานได้โจมตีจิตใจของเขาเหมือนกับฟ้าผ่า
“นี่เจ้าเป็นใครกันแน่?”ดาริสลุกขึ้นมาอย่างกระทันหัน พลังแห่งความมืดหนาเริ่มแผ่ออกมาจากตัวเขา แสงสว่างทั้งหมดในโรงเตี๊ยมดับไป และตอนนี้ความกลัวก็คุกคามทุกคนในทันที ทันใดนั้นเอง, เสียงกรีดร้องดังลั่นก็ดังผ่านความมืด, และทุกคนก็พากันหนีไปเหมือนกับสัตว์ที่ตื่นกลัว
ไม่มีใครในเมืองแบล็ควอร์เตอร์ที่สามารถต่อสู้กับนักเวทย์เลเวล9 อย่างดาริสได้ เวทย์โจมตีวิญญาณของเขาส่งผลกับทุกคนในโรงเตี๋ยมในทันที
สถานที่แห่งนี้ตกอยู่ในความวุ่นวาย
ดาริสหวังว่าความโกลาหลจะช่วยให้เขาหนีไปได้เขารู้ว่ามีไม่กี่คนในโลกนี้ที่สามารถมองตัวตนที่แท้จริงของเขาออก แล้วเขาก็รู้ด้วยว่าพวกคนที่ว่านี้ไม่ใช่พวกที่ล้อเล่นด้วยได้
หนึ่งในบรรดาคนเหล่านั้นก็คือศัตรูของเขาตั้งแต่สมัยที่เรียนในสถาบันเวทมนตร์,ดาริสอาจจะเป็นราชาในอาณาจักรของเขาที่ตรอกอันมืดมิดนี้ด้วยพลังเลเวล 9, แต่เขาก็รู้ว่าตัวเองไม่ต่างอะไรจากมดปลวดถ้าต้องเผชิญหน้ากับคนๆนั้น
ทันใดนั้นเอง,เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่สามารถขยับกล้ามเนื้อได้
สายตาที่เย็นชาของมนุษย์กำลังจ้องมาที่เขาจากทางเข้าโรงเตี๊ยมอย่างนากลัวมนุษย์สัตว์คนนั้นกำลังจ้องตรงมาที่เขา ความวุ่นวายในโรงเตี๊ยมไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรให้เขาเลย มีครึ่งปีศาจคนนึงพยายามผลักเขาไปด้านข้าง แต่มนุษย์สัตว์คนนั้นกลับใช้ขวานรบผ่าปีศาจคนนั้นเป็นสองซีกเหมือนกับกระดาษ
ณตอนนี้, มีกระแสคนมากมายกำลังถาโถมใส่มนุษย์สัตว์คนนั้น, แต่สิ่งที่ผ่านออกไปได้ก็มีแค่เศษเนื้อและกระดูกที่จำหน้าตาไม่ได้แล้วเท่านั้น
ดาริสกลืนน้ำลายเขารู้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมนุษย์สัตว์คนนี้
เขาไม่ใช่คนเดิมจากเมื่อสมัยตอนอยู่ในสถาบันเวทมนตร์อีกต่อไปแล้วในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เขาได้เจอกับคนที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองมากมาย การต่อสู้ทั้งหลายได้สอนให้เขาหัดเจียมตัว, ตอนนี้จุดประสงค์เดียวในชีวิตของเขาก็คือการมีชีวิตอยู่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
พอตระหนักได้ว่าไม่มีทางที่เขาจะเอาชนะมนุษย์สัตว์คนนี้ได้,ดาริสก็หยุดดิ้นรน มนุษย์สัตว์เลือกที่จะจำกัดการกระทำของเขาแทนที่จะฆ่าในทันที นี่ก็หมายความว่าตัวเขายังต้องมีประโยชน์กับมนุษย์สัตว์คนนี้แน่ๆ
“ยืนอยู่ข้างๆฉัน,ห้ามขยับไปไหนนะ!” ลิงค์เดินเข้ามาคว้าไหล่ของดาริสแล้วดึงเขาเข้าไปในมุมมืดของโรงเตี๊ยม พวกเขาทั้งคู่หายเข้าไปในเงาในทันที
ลิงค์ได้เปิดใช้เวทย์ปกปิดพวกเขายังอยู่ข้างในโรงเตี๊ยม อย่างไรก็ตาม, พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกคนอื่นเห็นหรือถูกแอบฟังอีกต่อไปแล้ว
ลิงค์โยนขวานทิ้งบนพื้นที่อยู่กลางโรงเตี๊ยมทุกคนในตึกยุ่งกับการหนีเอาตัวรอดเกินกว่าที่จะหันมาสนใจลิงค์, ดาริสหรือขวานรบน้ำหนัก 200 ปอนด์ที่อยู่บนพื้น
ในความมืดนี้,ลิงค์พูดกับดาริสผ่านโทรจิตต่อ “นายถูกนากากลุ่มนึงตามล่าอยู่ ฉันอยากรู้เหตุผล”
ดาริสไม่สามารถทำความเข้าใจเวทย์ปกปิดที่ลิงค์ร่ายได้เลยซึ่งนี่ทำให้เขารู้ในทันทีว่าพลังของมนุษย์สัตว์คนนี้เหนือชั้นกว่าเขามาก ในตอนที่ได้ยินสิ่งที่ลิงค์พูด, เขาก็ขมวดคิ้ว “เจ้ากำลังพูดถึงนักบวชของเทพแห่งการทำลายในป่าทมิฬหรอ? ข้าไม่น่าจะไปทำอะไรที่ยั่วโมโหพวกนั้นนะ”
“ลองนึกดูดีๆซิ”ลิงค์พูด พวกนากาคงไม่มาสนใจดาริสโดยไม่มีเหตุผลอย่างแน่นอน
จากนั้นดาริสก็ถาม“เจ้ารู้ว่าข้าเป็นใคร แต่ข้าจำไม่เห็นได้เลยว่าเคยไปรู้จักกับมนุษย์สัตว์คนไหน นี่เจ้าเป็นใครกันแน่? แล้วรู้ตัวตนที่แท้จริงของข้าได้ยังไง?”
“ฉันลิงค์เอง”ลิงค์พูดด้วยความมั่นใจว่าดาริสคงไม่สามารถใช้ตัวตนของเขาทำอะไรเขาได้ต่อให้เขาต้องการก็ตาม
พอได้ยินชื่อนี้, ร่างกายของดาริสก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง เขายังจำตอนที่เขาพ่ายแพ้ลิงค์ในป่าเกอร์เวนท์ได้อยู่เลย เขาเคยคิดที่จะแก้แค้น, แต่พลังของลิงค์กลับเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ เรื่องราวของเขาได้ถูกถ่ายทอดไปทั่วทั้งทวีป แม้กระทั่งมนุษย์สัตว์เด็กๆก็ยังรู้เลยว่าที่ไหนซักแห่งทางตะวันออกที่ห่างไกลมีเมืองมนุษย์ที่เจริญรุ่งเรื่องที่ถูกปกครองด้วยลอร์ดมนุษย์ผู้แข็งแกร่ง
เขาตัดใจเรื่องแก้แค้นไปตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนแล้วเขาหวังแค่ว่าลิงค์จะลืมตัวตนของเขาไป ดาริสพยายามที่จะออกห่างจากปัญหาและเก็บตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อทำให้มั่นใจว่าชื่อของเขาจะถูกลบเลือน
เขาไม่เคยคิดเลยว่าตลอดเวลามานี้ลิงค์ยังจำเขาได้อยู่
ในตอนนั้นเอง,ความรู้สึกสิ้นหวังก็กัดกินจิตใจของดาริส
“ขะข้า…” เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง, แต่ก็ถูกลิงค์ขัดไปก่อน
“ตอบฉันมา!”
“ข้าไม่รู้จริงๆ”ดาริสยักไหล่อย่างสิ้นหวังเขาไม่มีเหตุผลให้โกหกลอร์ดเฟิร์ดผู้ยิ่งใหญ่เลย สองปีที่ผ่านมา, เขาอยู่ที่ทุ่งหญ้าสีทองนี้มาโดยตลอด เขาไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์อะไรกับพวกนากาในป่าทมิฬ แต่ทันใดนั้นเอง, ดาริสก็นึกอะไรขึ้นมาได้อย่างกระทันหัน
“เดี๋ยวนะ”เขาพูด เขาตกอยู่ในห้วงความคิดในทันทีราวกับว่าเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก
ลิงค์รอฟังคำตอบจากเขาอย่างอดทน
ไม่กี่นาทีต่อมา,ดาริสก็พูดขึ้น “นี่อาจจะเกี่ยวข้องกับคนๆนึงที่ข้าได้พบเมื่อหนึ่งเดือนก่อน คนๆนั้นดูน่าจะอายุไม่เยอะ, ประมาณสิบห้าหรือสิบหกได้, แต่ข้าบอกได้เลยว่าเขาแข็งแกร่งกว่าข้า ข้าไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับเขา, แต่เขาได้ทิ้งหินอัญมณีเวทมนตร์อันมีค่าเอาไว้ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่หาเก็บที่ไหนก็ได้ จากนั้นหินอัญมณีนั้นก็ถูกแวมไพร์คนนึงเก็บไป แล้วมันก็พึ่งมาตกอยู่ในการครอบครองของข้าเมื่อไม่นานนี้เอง”
ดาริสเอาหินเวทมนตร์สี้ฟ้าขาวออกมาจากแหวนมิติของเขาหินอัญมณีนี้ดูเหมือนจะเก็บพลังเวทมนตร์ปริมาณมหาศาลเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นนักเวทย์คนไหนก็คงจะรู้สึกประทับใจกับสิ่งที่เห็นนี้
ลิงค์ขมวดคิ้วในตอนที่เห็นหินอัญมณี“มีบางอย่างแปลกๆนะ มันมีผนึกเวทย์วิญญาณอยู่ด้วย แล้วมันก็มีการไหลเวียนของเวทมนตร์ที่ไม่ปกติอีก…น่าสงสัยจริงๆ, มันทำให้ฉันนึกถึงใครบางคนเลย”
ลิงค์ตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองในเวลาไม่นานด้วยการมองข้ามสีหน้าสับสนของดาริส, ลิงค์ก็เริ่มสังเกตหินอัญมณีสีฟ้าขาวอย่างละเอียด ตอนนี้ดวงตาของเขาทอประกายด้วยแสงอันอ่อนโยน, ซึ่งดูค่อนข้างขัดกับหน้าตามนุษย์สัตว์ของเขา
ในตอนนั้นเอง,เสียงนึงก็ดังมาจากข้างนอกโรงเตี๊ยมโลหิต “ในนี้แหล่ะ มีเลือดอยู่บนพื้นเต็มเลย นี่ต้องเป็นพิธีกรรมอาบเลือดแน่ๆ”
นากาไล่ตามพวกเขามาแล้ว!