ลมหายใจของเบ็นเริ่มสงบลง ราวกับว่าเขาควบคุมความกังวลของตัวเองได้แล้ว
มันเป็นเหมือนกับครั้งก่อนไม่ผิด…ต่างออกไปเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น – ดวงตาของเบ็นดูสงบมาก
‘สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ’ เขาบอกตัวเองอยู่ในใจ เขาเริ่มหายใจเข้าและออกอย่างช้าๆขณะที่ทุกคนจ้องมาที่เขาราวกับรอให้เขาเริ่มพูดเสียที บางคนก็เริ่มกระซิบกระซาบกันเองพร้อมส่ายหัว
“เจ้าหมอนั่นจะทำได้จริงๆเหรอ? พวกเราควรแค่ข้ามเขาไป”
“เจ้าเด็กนี่กำลังทำให้ตัวเองดูโง่อีกครั้ง…”
“การพูดต่อหน้าคนจำนวนมากไม่ใช่เรื่องสำหรับทุกคน จริงๆเขาควรรู้จุดอ่อนของตัวเอง”
อาจารย์เริ่มขมวดคิ้ว และกำลังครุ่นคิดว่าบางทีเขาอาจจะต้องช่วยให้เบ็นหลีกหนีจากความอับอายในการกระทำของตัวเอง
มิยูกิเองก็กำหมัดแน่น
แซคลีเมื่อเห็นท่าทางที่กังวลของเธอก็ขมวดคิ้ว ‘ยัยกะ**นี่แกจะไปออกเดทกับฉันอยู่แล้ว แกยังไปมัวห่วงผู้ชายคนอื่นอยู่อีกงั้นเหรอ? ถ้าฉันได้ขึ้นเตียงกับเธอเมื่อไหร่ล่ะก็ ฉันจะสอนเธอเรื่องมารยาทเอง!’ “มิยูกิ ฉันคิว่าพวกเราน่าจะไปอิตาลี…เธอชอบอิตาลีไหม?”
มิยูกิไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
เบ็นได้ยินเสียงกระซิบกระซาบ และการจ้องมองอย่างดูถูกทั้งหมด
เขาไม่สนใจสิ่งใดเลย เขาเลือกที่จะสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ถึงแม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์การเรียนเทียบเท่ากับสองปี มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะได้รับประสบการณ์ทั้งหมดสองปีมาโดยไม่ได้มีการฝึกฝน
ร่างกายของเขาต้องการเวลาเพื่อปรับตัวให้เข้ากับแรงกดดันให้ได้ ขนาดนักพูดมืออาชีพยังมีความกังวลในบางครั้งเลย แม้จะมีความวุ่นวายอยู่ในหัวของเขา แต่เขาไม่ได้ตื่นตระหนก เขาคาดการณ์มาแล้วและเขาก็รู้วิธีที่จะรับมือกับมัน
การสูดลมหายใจลึกเข้าไปในแต่ละครั้ง ช่วยให้เขาเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น ด้วยแขนที่สั่นเขายกน้ำขึ้นมาจิบและเดิมไปรอบๆ ภายในหัวของเขาเต็มไปด้วยเรื่องที่เขาจะพูดในวันนี้ ‘นายเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ไม่มีเหตุผลที่ต้องกังวล นายทำได้!’ เราเริ่มสร้างความเชื่อมั่นให้ตัวเอง
หลังจากวางน้ำของเขาลง เบ็นก็กำมือและปล่อยไปมาเพื่อให้กล้ามเนื้อเริ่มผ่อนคลายจากนั้นมือของเขาก็หยุดสั่น เขาหลับตาเพื่อนึกถึงตอนที่เขาประสบความสำเร็จ สิ่งเหล่านี้คือเทคนิคทั้งหมดที่เบ็นใช้เพื่อรับมือกับความวิตกกังวลของเขา
จากมุมมองของผู้ที่มองมา เบ็นนั้นใช้เวลาทำสิ่งต่างๆนานมาก
แซคลีเดินไปหาอาจารย์พร้อมกล่าวว่า “อาจารย์พวกเราควรปล่อยเขาไปนั่ง เขาทำมันไม่ได้หรอก”
อาจารย์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อมองไปยังเบ็น เขาสังเกตุเห็นสิ่งที่เบ็นทำ ทว่าการพยายามทำตัวให้ใจเย็นลงกับการประสบความสำเร็จนั้นต่างกัน หากเขาให้เวลาเบ็นมากกว่านี้มันก็คงไม่ยุติธรรมต่อคนอื่นๆ ‘ฉันควรให้เขากลับไปที่นั่งรึเปล่านะ’
เบ็นนั้นยังอยู่หน้าชั้นพร้อมหลับตาและสูดลมหายใจเข้าลึก
เสียงพึมพัมของเหล่านักศึกษาเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเห็นดังนั้นอาจารย์ก็ถอนหายใจออกมา เขามีหน้าที่ที่ต้องดูแลนักเรียนทั้งหมด เบ็นจะไม่ได้รับเวลาไปมากกว่านี้แล้ว อาจารย์มองไปที่เบ็นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำขอโทษ เขากำลังจะพูดขึ้นเพื่อขอให้เบ็นเดินลงมา
แต่ในตอนนั้นเอง เบ็นก็ลืมตาขึ้นมา!
ราวกับผู้เชี่ยวชาญลงสู่สนามเอง อาจารย์สังเกตุได้ว่าดวงตาของเบ็นนั้นเปลี่ยนไป ดวงตาคู่นั้นสงบลงแล้ว!
เบ็นไม่ได้กังวลอีกต่อไป! เทคนิคของเขาได้ผล!
เบ็นดูนิ่งสงบพร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ‘ตอนนี้ล่ะ’ เขามองไปรอบห้องสายตาของเขาปะทะเข้ากับสายตาของทุกคนที่นั่งอยู่ หลังจากที่เขามองไปที่ทุกคนเสร็จแล้ว ห้องก็เงียบสงบลง ไร้ซึ่งเสียงกระซิบกระซาบอีกต่อไป
สายตาและภาษากายของเบ็นเป็นบางสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถต้านทานมันได้ มันดึงดูดความสนใจจากทุกคน ทำให้ทุกคนหยุดทำหรือหยุดคิดเรื่องของตัวเอง พวกเขาต้องการจะรู้ว่าเบ็นจะทำอะไรต่อไป
เมื่อเวทีพร้อมแล้ว เสียงของเบ็นก็ดังขึ้น เขากล่าวออกมาพร้อมกับความแน่วแน่ “ฉันอยากจะถามอะไรพวกคุณสักอย่าง…”
ฝูงชนต่างถูกดึงดูดไปด้วยคำพูดของเขา
“และนั่นคือ…พิมพ์เขียวในชีวิตของพวกคุณเป็นแบบไหนงั้นเหรอ?”
เหล่าฝูงชนต่างเริ่มคิดตาม
เบ็นพูดต่อว่า “นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิต ว่าคุณจะทำอะไรในตอนนี้ หากคุณตัดสินใจมันตั้งแต่ตอนนี้บางทีมันอาจจะเป็นตัวช่วยกำหนดว่าชีวิตของพวกคุณจะก้าวเดินไปทางไหน…
และคำถามคือ…พวกคุณมีพิมพ์เขียวที่มั่นคงและลื่นไหลแล้วหรือยัง
และฉันต้องการแนะนำอะไรสักอย่าง…บางสิ่งที่ควรจะอยู่ในพิมพ์เขียวแห่งชีวิตของพวกคุณ…”
เมื่อเบ็นพูดจบ น้ำเสียงของเขาก็ดังขึ้นโทนเสียงของเขาเองก็มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเช่นกัน เขาใช้มือทำท่าทางเพื่อเน้นความหมายของมันออกมา
“สิ่งแรกที่ควรมีในพิมพ์เขียวแห่งชีวิตของพวกคุณก็คือ…
การเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้ง…ในศักดิ์ศรีของตัวเอง, ในคุณค่าของตัวเอง และในความเป็นตัวของตัวเอง อย่าให้ใครก็ตามทำให้พวกคุณรู้สึกว่าคุณเป็นเพียงคนที่ไม่มีคุณค่า!”
ทั้งชั้นเรียนต่างรู้สึกตื่นเต้นขึ้นเมื่อได้ยินมัน คำพูดเหล่านี้ราวกับเป็นเสียงสะท้อนในใจของเบ็นและหนุ่มสาวทั้งหมดในห้องนี้ ทุกคนต่างดิ้นรนเพื่อหาที่ของพวกเขาในโลกใบนี้
เมื่อสามอาทิตย์ก่อน เบ็นนั้นเป็นแค่ใครก็ไม่รู้ ทั้งเป็นพวกขี้แพ้, เป็นพวกที่ถูกรังแกและถูกขับไสไล่ส่งโดยโลกและคนรอบข้างของเขา ในตอนนั้นระบบก็ตกเข้ามาสู่หัวของเขา ทว่ามันไม่ใช่พรวิเศษใดๆกลับกันมันเป็นกิโยตินต่างหาก! เขายอมแพ้ให้กับมันงั้นเหรอ? เขายอมปล่อยให้ตัวเองตายไปงั้นเหรอ? มา! ต่อให้เขาจะตายในอาทิตย์ถัดไป เขาก็จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในทุกๆวันของเขาเพื่อก้าวเดินไปข้างหน้า, เพื่อต่อสู้ และเพื่อมีชีวิตรอด! นี่คือสิ่งที่เขาอยากจะบอกให้กับทุกคนที่อยู่ที่นี่รู้!
“พยายามคิดว่าตัวเองมีจุดยืน…พยายามคิดว่าตัวเองมีคุณค่า…และให้คิดอยู่เสมอว่าชีวิตของตัวคุณนั้นสำคัญที่สุด!”
ทุกคนต่างหยุดหายใจ! แซคลีอ้าปากค้างจนกรามตกถึงพื้น! ดวงตาของมิยูกิเองก็เปร่งประกายขึ้นมา! อาจารย์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เบิกตากว้างพร้อมมองไปยังเบ็น! นักศึกษาทุกคนต่างรู้สึกลุกโชนขึ้นมา! มีใครในพวกเขาบ้างที่ไม่เคยถูกปฎิเสธ! มีใครบ้างที่ไม่เคยโดดเดี่ยวและหวาดกลัว? คำพูดพวกนี้สื่อไปถึงจิตวิญญาณของพวกเขา!
“อย่างที่สอง…ในพิมพ์เขียวของพวกคุณจำเป็นต้องมีมันราวกับว่าเป็นหลักการเบื้องต้นที่จะเป็นตัวกำหนดว่าคุณจะก้าวไปสู่ความสำเร็จในด้านต่างๆของพวกคุณ
คุณจะต้องตัดสินใจว่าคุณจะใช้เวลากี่วันและกี่ปี และคุณจะทำอะไรต่อในชีวิตของคุณ และชีวิตการทำงานของพวกคุณจะเป็นแบบไหน
และเมื่อคุณพบมันแล้วว่าจะทำยังไง ก็ลุกออกมาและทำมันเลย ทำมันให้ดีที่สุดราวกับพระเจ้าผู้สูงส่งบอกให้พวกคุณทำให้มันกลายเป็นประวัติศาสตร์!” เบ็นเงียบลงพร้อมมองเข้าไปในดวงตาของทุกคนอีกครั้ง
“จงกลายเป็นพุ่มไม้หากพวกคุณไม่สามารถเป็นต้นไม้ได้!
หากไม่สามารถไปทางตรงได้ ก็จงไปทางอ้อม!
หากไม่สามารถเจิดจรัสราวกับแสงอาทิตย์ได้ก็จงเจิดจรัสราวกับดวงดาว
มันไม่สำคัญว่าคุณจะชนะหรือคุณจะล้มเหลว!
จงเป็นตัวคุณเองที่ดีที่สุด!”
อาจารย์ถึงกับอ้าปากค้างออกมา!
หัวใจของนักศึกษาต่างเต้นแรง! ลมหายใจของพวกเขาสั้นลง! มือของพวกเขากำหมัดแน่น!
แซคลีจับที่ด้านข้างของโต๊ะเขาแน่น เขารู้สึกว่าสถานการณ์ในตอนนี้หลุดออกจากการควบคุมไปแล้ว
ดวงตาของมิยูกิขึ้นสีแดง
มีใครในพวกเขาที่ไม่กังวลเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง? มีใครในเมืองใหญ่แห่งนี้บ้างที่จะไม่ถูกมองข้าม? มีใครบ้างที่ไม่เคยดับฝันลงเพราะความกดดันของโลกใบนี้ ทำให้พวกเขาต้องก้าวเข้าสู่ “เส้นทางแห่งความจริง?”
พวกเขาต่างต้องการเป็นคนที่เก่ง! พวกเขาต้องการเป็นคนที่สำคัญ!
และบทพูดสุดท้ายของเบ็นก็มาถึงแล้ว
“และสุดท้าย พิมพ์เขียวของพวกคุณจำเป็นต้อง…ประกอบด้วยหลักสำคัญตลอดการนั่นก็คือ ความงดงาม, ความรัก และความยุติธรรม…
แน่นอน…ชีวิตของพวกเรานั้นไม่ได้ง่ายดายนัก ทว่าพวกเราก็จะมุ่งต่อไปข้างหน้า พวกเราจำเป็นต้องมุ่งไปข้างหน้า…
หากไม่สามารถบินได้ จงวิ่ง
หากไม่สามารถวิ่งได้…จงเดิน
หากไม่สามารถเดินได้! จงคลาน!
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ! จงก้าวไปต่อ!”
…
เบ็นพูดจบแล้ว เขาได้ปรับแต่งและท่องสุนทรพจน์บางส่วนของดร. มาร์ตินลูเธอร์คิงจูเนียร์ผู้ยิ่งใหญ่ เขาพ่นลมหายใจออกมา ในที่สุดก็จบลงแล้ว
ภายในห้องเงียบลงเป็นเวลานาน…
จากนั้นนักศึกษาคนหนึ่งก็ยืนขึ้นพร้อมมองไปที่เบ็น
*แปะ**แปะ* นักศึกษาคนนั้นเริ่มปรบมือ
และเมื่อเขาเริ่มทำมัน ทุกคนก็ตื่นออกมาจากภวังค์หลังจากนั้นทั่วห้องก็ลุกขึ้นยืน
เสียงปรบมือดังกึงก้องไปทั่ว!