ตอนที่ 349 : ส่งเงินมา! (2)
เบซอทิวมองหน้าเหล่าผู้อาวุโส ตอนนี้เองที่หนึ่งในผู้อาวุโสซึ่งกําลังเงียบอยู่พลันตบโต๊ะเอ่ยคําขึ้น
“พวกเราไม่คิดต่อสู้กับพวกนาคูจัก”
อาร์คเผยอาการโง่งมขณะคิดว่าเมื่อครู่หูฝาดไป
“ว่าอะไรนะ?”
“ข้าบอกว่า พวกเราจะไม่ต่อสู้”
“ผมขอถามว่านี่หมายความว่ายังไง?”
อาร์คเริ่มขุ่นเคืองขณะที่ผู้อาวุโสกล่าวต่อไปด้วยน้ําเสียงหยาบกระด้าง
“ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าเป็นคนต่างถิ่น? ทําไมเจ้าถึงคิดอยากเข้าแทรกแซงเรื่องของเผ่าบารันและนาคูจัก? แน่นอนว่าข้าทราบเรื่องราวจากเบซอทิวแล้ว ข้ารู้สึกยินดีนักที่เจ้าเดินทางมาไกลแสนไกลช่วยเหลือพวกเรา แต่ก็ดังที่เจ้าเห็น สถานการณ์ชัดเจนจนไม่อาจจะชัดเจนยิ่งกว่านี้ พวกเราไม่มีหนทางต่อสู้”
ผู้อาวุโสที่เหลือต่างพยักหน้ารับเห็นด้วย
“เจ้าบอกว่านํากําลังเสริมมาแปดร้อยคน? เจ้าคิดต่อสู้ พวกนาคูจักนับพันด้วยกําลังคนแค่แปดร้อยงั้นหรือ? อีกทั้งเจ้ายังเป็นคนต่างถิ่น หากสถานการณ์ย่ําแย่ พวกเจ้าอาจถอยทัพได้ทุกเมื่อ พวกเราไม่อาจไว้วางใจฝากชีวิตชนเผ่าเราเอาไว้กับคนเช่นนี้ได้”
“นี่มันมากเกินไปแล้วนะ!”
เบซอทิวตะโกนเสียงดังขณะที่ผู้อาวุโสคนอื่นล้วนเฉยเมย
“พูดคุยกันเพียงพอแล้ว พวกเราไม่คิดรับฟังอะไรอีก”
“เจ้าไม่เห็นหรือ? ผู้อพยพด้านนอกเต็นท์แห่งนี้ต่างเป็นนักรบที่พวกเราเคยเชื่อมั่น พวกเราเคยเชื่อ แต่ดูภาพลักษณ์พวกเขาตอนนี้สิ นั่นแหละคือชะตาของพวกเรา”
“ตั้งแต่ที่พวกนาคูจักข้ามผ่านภูเขาทางเหนือเข้ารุกรานเราได้ก็ไม่เหลือโอกาสใดอีกต่อไปแล้ว ถ้าหากพวกเราต่อสู้ พวกเราก็จะตาย แต่ถ้าพวกเลือกเลือกยอมศิโรราบ โอกาสที่จะรอดชีวิตยังพอมี ข้าต้องขออภัย แต่พวกเราไม่คิดปล่อย โอกาสอันน้อยนิดที่จะมีชีวิตรอดนี้ไปอย่างแน่นอน”
“เบซอทิว เจ้าคือผู้อาวุโสของเผ่า ไม่ใช่ว่าเจ้าสมควรมองชีวิตของชนเผ่าเราเป็นสําคัญเหนืออื่นใดหรือยังไง? บางครั้งก็ต้องมีความกล้าที่จะยอมรับความอัปยศเสียบ้าง”
อาร์คไร้คําพูดเมื่อได้ฟังคํากล่าวของเหล่าผู้อาวุโส อาร์คสามารถผละจากโลกใต้พิภพไปได้ทุกเมื่อ เพราะมันไม่ใช่ปัญหาของเขา แต่เพราะเขาคิดว่าชาวบารันมองเขาเป็นสหายคนหนึ่ง ทว่าตอนนี้พวกเขากลับมองอาร์คเป็นเพียงแค่คนนอก ชาวบารันก็เหมือนกับเอ็นพีซีส่วนใหญ่ พวกเขาอาจเคยเป็นนักรบที่กล้าหาญ แต่เมื่อใดที่ความสิ้นหวังเข้าย่างกราย และเมื่อพวกเขาพบกับความพลิกผัน กําลังใจทั้งหมดของพวกเขาจะสูญเสียไป ชาวบารันต่างหวาดเกรงสงคราม ก็เหมือนกับที่ชาวแรคคูนไม่คิดเสี่ยงชีวิตเพียงเพราะเชื่อในคําพูดของคนต่างถิ่น
‘เป็นเราพลาดไปที่ไม่คิดไว้ก่อน แต่ว่า…’
ถ้าหากชาวบารันคิดละทิ้งสงครามครั้งนี้ ปัญหามันจะ ใหญ่กว่าที่คาด เขาจะเสียภารกิจครั้งนี้ไปโดยทันที นอกจากนี้ สมาคมแห่งความมืดที่ติดตามอาร์คมายังโลกใต้พิภพก็จะ ไม่มีทางสร้างสายสัมพันธ์อะไรกับทวีปแห่งนี้ได้อีกต่อไป ครั้งนี้ไม่ต่างอะไรกับความเป็นหรือความตายสําหรับอาร์ค และ ตอนนี้เขาก็ไม่มีเวลาให้กังวลปัญหาภายหน้าแล้ว เพียงแค่ถอนหายใจหน้าต่างข้อความที่หนักอึ้งก็ปรากฏตรงหน้าเขาโดยทันที
แชมบาร่าใช้ทักษะ ‘เสียงกระซิบ’ กับท่าน
ท่านต้องการตอบรับหรือไม่?
ทันทีที่กดรับสาย เสียงอันเกรี้ยวกราดของแชมบาร่าก็กระทบเข้าโสดประสาทหูของเขาโดยทันที
[นี่นาย ลากพวกเราทั้งสมาคมแห่งความมืดมาโดยที่ไม่ได้ ถ้าหากสมาคมแห่งความมืดที่รุกคืบสู่โลกใต้พิภพต้องหยุดลงที่ตรงนี้ อิสซาเบลจะผิดหวัง หากเป็นแบบนั้นฉันไม่ปล่อยนายไปแน่ ไม่ว่านายจะหนีไปไหนฉันจะตามล่าจนสุดขอบฟ้าไม่มีทางปล่อย]
‘บ้าบอ หมอนี่ก็มากดดันถูกจังหวะเสียจริง…’
อาร์คเริ่มรู้สึกว้าวุ่นใจขึ้นมา
“เราจะทํายังไง? ชาวแรคคูนเสพยาไป แต่ตอนนี้เราใช้วิธีการเดิมไม่ได้แล้ว ถ้าทําอะไรผิดแปลก แชมบาร่าก็ต้องเห็นทันทีแน่ ถ้าปล่อยให้เรื่องพวกนั้นเกิดขึ้น จะกลายเป็นทั้งกิลด์เฮอร์มีสและแชมบาร่าที่มาตามฆ่าเรา”
ขณะเคร่งเครียด เขาคล้ายพบเห็นฟางแห่งความหวังเส้นหนึ่งปรากฏวาบผ่าน
“ฆ่างั้นเหรอ? อืม ได้ ต่อให้ต้องตายเราก็ต้องใช้แผนสิ้นคิดนี้แล้ว ไม่มีอะไรให้เสียแล้วนี่!”
ในเมื่อตอนนี้ก็เข้าตาจนแล้ว เขาจะมีอะไรอื่นให้ทําอีกได้?
[ก็ได้ แชมบาร่า ฉันจะหาทางแก้ให้ แต่นายต้องช่วยฉันด้วย]
อาร์คเร่งรีบอธิบายแผนการให้แชมบาร่าฟัง
[เข้าใจแล้ว ครั้งนี้ฉันจะเชื่อนายก็แล้วกัน]
แชมบาร่าตอบกลับขณะที่อาร์คจะเริ่มเดินเข้าไปตบโต๊ะเข้าอย่างแรง
“หุบปาก!”
อาร์คใช้ทักษะข่มขู่โดยเสียงตะโกนอันเกรี้ยวกราด ทักษะข่มขู่มีโอกาส 50% ที่จะเกลี้ยกล่อมเอ็นพีซีได้สําเร็จ ทว่าหากอาร์คทําพลาดไม่อาจเกลี้ยกล่อมผู้อาวุโสเหล่านี้ได้ เขาจะต้องรับบทลงโทษอันสาหัส มันคือแผนการสิ้นคิดอย่างแท้จริง
‘ลูกเต่ถูกโยนออกไปแล้ว เราไม่มีทาง เลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อมั่นในศาสตร์แห่งการสื่อสารและ ทักษะข่มขู่’
‘การข่มขู่’ ส่งผลให้ทุกคนล้วนตัวแข็งที่อ ภายในห้องเงียบกริบไม่มีใครกล้าเอ่ยปากหรือขยับผ่านไปพักหนึ่งพวกผู้อาวุโสต่างคล้ายพยายามเปิดปากพูดกล่าว
“จะ-เจ้าว่าอะไรนะ?”
“บอกให้หุบปาก!”
“ว่าอะไร? นี่เจ้ากล้า!?”
“กล้า? ใครกันแน่ที่ควรพูดคํานั้น?”
อาร์คกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า
“บางครั้งก็ต้องกล้าที่จะยอมรับความอัปยศอดสูงั้นเหรอ? เหอะ ต่อให้เป็นสุนัข ได้ยินคํานี้พวกมันคงยังหัวเราะใส่ได้ อยากทําแบบนั้นก็ทํา ยอมศิโรราบต่อความห วาดกลัวแต่กลับเรียกสิ่งนั้นว่าความกล้าแล้วยอมรับความอัปยศอดสูงั้นสินะ แต่แล้วต่อหน้าเด็ก ๆ ในเผ่าล่ะ พวกท่านคิดกล้าพูดแบบนี้ด้วยหรือไม่? เบซอทิว ท่านพอที่จะกล้าบอกโบนาหรือไม่ว่าให้ยอมรับการเป็นทาสอันต่ําชั้น?”
“มะ-ไม่ ข้าไม่..”
เบซอทิวตอบตะกุกตะกักพร้อมสั่นศีรษะให้ด้วยความยากลําบาก อาร์คหันมองไปพร้อมสายตาที่มแทงกล่าวกับผู้อาวุโสคนอื่น
“ผมรู้ดีว่าหมู่บ้านในหุบเขาเกิดอะไรขึ้น ประชากรในหมู่ บ้านต่างก็เป็นชาวบารันเหมือนกัน แต่แล้วพวกเขากลับยัง มีความกล้าและเสียสละต่อสู้เพื่อช่วยเหลือบุตรหลานของตน ผมมองพวกเขาด้วยตาคู่นี้ พวกเขาคือชาวบารันอย่างแท้จริง เพราะผมอยากช่วยเหลือ ผมจึงไปรวบรวมพรรค พวกเหล่านี้มา แต่แล้วมันคืออะไร? พวกท่านกลับคิดยอม สวามิภักดิ์? บ้าบอ อย่ามาพูดให้ขํา!”
อาร์คเริ่มใช้ทักษะข่มขู่เพื่อทําให้พวกเขาเอนเอียงตาม แต่ความโกรธที่ปะทุขึ้นมาระหว่างการสนทนานั้นเป็นเรื่องจริง เขานํากําลังเสริมมาทั้งเพื่อตัวเองและชาวบารัน แต่แล้วตอนนี้กองกําลังดั้งเดิมของชนเผ่าที่ควรต่อสู้เพื่อตัวเองกลับ หวาดกลัวที่จะต่อสู้? ใครกันแน่ที่บ้าและโง่? เพราะความรุนแรงนี้การข่มขู่จึงยิ่งส่งผล ผลลัพธ์ปรากฏโดยทันที ความเกรี้ยวกราดของอาร์คทําให้บรรยากาศตึงเครียดจนผู้อาวุโสล้วน ไม่กล้าออกปากพูดกล่าว
“ผมอยากรู้เหมือนกันว่าพวกเด็ก ๆ จะคิดยังไงเมื่อ เห็นพวกท่านเป็นแบบนี้ ผู้ใหญ่ต่างยอมแพ้ต่อผู้รุกราน เตรียมยอมรับการเป็นข้าทาส… เตรียมกลิ้งไปมาเพื่อรับคําสั่งไม่ต่างกับสุนัข ผมหวังว่าพวกท่านจะยังคงมีความคิดที่ว่า “ยอมรับความอัปยศคือความกล้า” และพูดต่อหน้าเด็ก ๆ ให้ พวกเขาฟังว่ากําลังจะโดนกระทําไม่ต่างกับข้าทาสที่ชีวิตได้คุณค่า”
อาร์คเผยสายตารังเกียจใส่พวกผู้อาวุโสก่อนที่จะเริ่มตะโกนขึ้นอีกครั้ง
“ผมต้องขออภัย ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนดีนะ แต่ผมก็ไม่อาจที่จะเห็นคนที่มีความคิดต่ําช้าอย่างนี้ยืนอยู่ต่อหน้าตัวเองได้ สมาคมแห่งความมืด!”
“ขอรับอาร์คนิม!”
“ฆ่าให้หมดทุกคน!”
สีหน้าทุกคนภายในเต็นท์ล้วนแตกตื่นเมื่ออาร์คกล่าวจบคํา ผู้อาวุโสต่างเผยความสับสน กลุ่มทัณฑ์บน ลาริเอ็ตเต้ และกระทั่งสีหน้าของคนจากสมาคมแห่งความมืด แต่แชมบาร่ากลับเผยรอยยิ้มและพยักหน้ารับ
“สมาคมแห่งความมืดจะทําตามคําสั่งของอาร์ค!”
มือสังหารทั้งหมดภายในเต็นท์ชักมีดสั้นออกมาเตรียมพร้อมจ่อคอหอยของเหล่าผู้อาวุโสทันทีเมื่อได้รับคําสั่ง
“อะ-อาร์ค นี่เจ้าทําอะไร? คนเหล่านี้เป็นผู้อาวุโสเผ่าบารันนะ”
เบซอทิวมองอาร์คด้วยสายตาเกินจะเชื่อ แต่อาร์คไม่หัน มองกลับ เขาเพียงจ้องมองผู้อาวุโสเหล่านี้ด้วยสายตาเย็นเยียบ
“ทําเพราะอะไรงั้นหรือ? ไม่ใช่ว่ายังไงก็เตรียมไปยอมศิโรราบกับศัตรูอยู่แล้ว? น่าตลก ทําไมถึงคิดว่าผมจะไว้ชีวิตล่ะ ในเมื่อยอมปล่อยชีวิตของตัวเองทิ้งไปแล้ว? หรือ คิดว่ายอมเป็นข้าทาสแล้วจะรอดชีวิตได้? จุดประสงค์ที่พวก มันรุกรานครั้งนี้คือกวาดล้างคนที่เห็นต่างทั้งหมด ไม่ว่าจะแก่หรือเด็กพวกมันไม่คิดละเว้น คนชราเช่นพวกท่านไร้ ประโยชน์ไม่อาจเป็นกระทั่งแรงงาน เพราะอะไรกันพวกมัน ถึงจะสิ้นเปลืองทรัพยากรปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อ?”
ผู้อาวุโสคล้ายปรากฏความคิดว่า “พวกเราชราถึงเพียงนี้?” ขณะมองหน้ากัน อาร์คยิ้มเหี้ยมเกรียมขณะกล่าวต่อ
“พวกท่านคิดยอมจํานน แต่แล้วยังกล้าพูดถึงความกล้า คนชราเช่นพวกท่านสมควรโยนทิ้งไม่ต่างขยะเปียก เอาเถอะ ในเมื่อพวกท่านตัดสินใจแล้วผมก็ไม่ขอพูดถึงอีก พวกท่านตายเสียตอนนี้จะมีประโยชน์มากกว่ามีชีวิตอยู่ ช่วยตายเพื่อผมหน่อยก็แล้วกัน”
“ว่าอะไรนะ?”
“ตกใจอะไรกันล่ะ? ก็เหมือนที่พวกท่านบอก ผมยังไงก็คนต่างถิ่น ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับชาวบารันอยู่แล้ว เพราะเหตุผลอะไรต้องช่วยเหลือชาวบารันด้วยกัน? ไปเจรจากับพวกนาคูจักพร้อมหัวชาวบารันที่ตัดไปเป็นบรรณาการยังจะง่ายกว่า อย่าได้ห่วง ชาวบารันที่เหลือผมจะไว้ชีวิต เพราะพวกนาคูจักต้องการพวกเขาเป็นข้าทาส ผมจะไปบอกทายาทของพวกท่านให้เอง บอกว่าที่พวกเขาต้องเป็นข้าทาสก็เพราะความกล้าหาญของพวกท่าน ลูกหลานของพวกท่านจะพูดถึงความกล้าหาญนี้ไปอีกกี่ร้อยปีกันนะ น่าสนใจจริง ๆ”
“ทําไมถึงทํากับพวกเราแบบนี้?”
“มีอะไรจะสั่งเสียหรือไม่? ผมจะได้นําไปบอกต่อ ถ้าไม่ มีก็ตายได้แล้ว!”
“รับทราบ!”
มือสังหารต่างยกมีดสั้นในมือขึ้นพร้อมเสียงตะโกนดังก้อง
“ระ-รอเดี่ยว พวกเราคิดน้อยเกินไป”
“คิดน้อยเกินไป? หมายถึง?”
“ใช่ ในเมื่อมีความกล้าที่จะยอมศิโรราบ มันก็ย่อมต้องมีความกล้าที่จะต่อสู้กลับ… ใช่แล้ว พวกเราตระหนักได้เมื่อได้ยินเจ้ากล่าว หรือไม่ใช่?”
“อา ถูกต้องแล้ว เจ้าสิคือผู้ห่วงหาชาวเราอย่างแท้จริง”
ปากคําของผู้อาวุโสเหล่านี้แทบจะพลิกลิ้นเลยทีเดียว หากอ่อนน้อม พวกเขาจะนึกว่าตัวเองเป็นใหญ่ หากลงมือด้วยการข่มขู่ พวกเขาจะยอมลู่หางลงรับฟัง นี่เป็นเพราะผู้คนเหล่านี้คิดถึงเพียงแค่ตนเอง ถ้าหากตํารวจจราจรทําพลาดเล็กน้อยจนเป็นผลให้ถนนถูกปิด ผู้คนก็จะลงจากรถมาเพื่อก่นด่าสาปแช่งตํารวจอีกทางหนึ่ง หาได้ยากนักที่จะมีผู้คนเข้ามาถามว่าทําไมถนนถึงปิดนั่น เป็นเพราะผู้คนคล้ายเห็นตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ทุกสิ่งอย่างล้วนต้องวิ่งตามตนเอง นั่นคือความเป็นจริง
“เมื่อครู่พวกเราเพียงแค่ทดสอบเจ้า ไม่ได้มีความตั้งใจยอมศิโรราบแต่อย่างใด ที่จริงแล้วพวกเราตั้งใจกันแน่วแน่ ตั้งแต่ทราบว่าเจ้าจะมาช่วยเหลือ ถูกต้องแล้ว เป็นแบบนั้นแหละ ฮ่าฮ่าฮ่า นับว่าดีที่ได้เห็นความแน่วแน่ของเจ้า ตอนนี้พวกเรารับทราบแล้ว พวกเราจะเชื่อมั่นและติดตามเจ้าไป พวกนาคูจักคือศัตรูของเรา! ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ต้องสู้ กับพวกมัน!”
…ข้อแก้ตัวแบบนี้ก็ได้ด้วย?
ไม่ใช่เมื่อครู่นี้พวกเขาหรอกหรือที่ต่อว่าเบซอทิว? อย่างไรแล้ว ผู้อาวุโสตรงหน้าล้วนยกธงขาวปล่อยวางเรื่องราวให้เป็นไป หน้าต่างข้อมูลจึงปรากฏขึ้น
ทักษะข่มขู่ของท่านถูกใช้งานสําเร็จอย่างยอดเยี่ยม ศักยภาพของทักษะเพิ่มขึ้น
ข่มขู่ (ขั้นสูง, เรียกใช้งาน) : การข่มขู่ไม่ได้ใช้เพื่อสาปแช่งหรือทําให้ศัตรูหวาดกลัวเท่านั้น มันยังสามารถใช้เพื่อเกลี้ยกล่อมโดยใช้การคุกคามทางวาจา ท่านสามารถใช้งานประโยชน์ได้หลากหลายตามแต่สถานการณ์ ท่านสามารถทําให้ ศัตรูคล้อยตามด้วยความดึงดูดที่ท่านมีได้
พลังมานาเรียกใช้ : 50
โบนัสทักษะข่มขู่ขั้นสูง : ความดึงดูด