Ark The Legend – ตอนที่ 428 : คาร์ม่า

ตอนที่ 428 : คาร์ม่า

ตอนที่ 428 : คาร์ม่า

“จะเปิดประตูนี้ยังไงล่ะเนี่ย?”

กลายเป็นมีเรื่องให้กังวลเพิ่มทั้งที่รู้ดีอยู่แล้ว ฉับพลันนั้นเองดวงตาก็ลอยเข้ามาใกล้ทําการสํารวจด้านบนสุดของอีกฝังผนังกําแพง

“อาร์คนิม ตรงนี้มีอะไรบันทึกไว้ด้วยครับ”

หากต้องการพบเจ้าของสถานที่แห่งนี้ ก็จงใส่เหรียญตราแห่งความกล้าหาญและสติปัญญา

“เหรียญตราแห่งความกล้าหาญและสติปัญญา?”

อาร์คมองพิจารณาไปยังประตูโลหะตรงหน้า แม้จะมีฝุ่นหนาเตอะ แต่หากสังเกตให้ดีจะพบว่ามีลวดลายสลักเอาไว้บนพื้นผิว และยังมีหลุมวงกลมปรากฏอยู่ด้วย อาร์คพิจารณาขนาดของหลุมพวกนั้นก่อนจะเข้าใจความหมายของคําใบ้

“ใช่จริงด้วย เหรียญตราแห่งความกล้าหาญและสติปัญญา ให้ตายสิ จะยังไงก็ต้องให้เราเคลียร์ดันเจี้ยนบ้านี่สินะ?”

เหรียญตราแห่งความกล้าหาญและสติปัญญาไม่ได้หมายถึงให้ไปจัดการมอนสเตอร์และได้รับมา ใช่แล้ว มันคือเครื่องยืนยันว่าเขาสามารถผ่านทุกกับดักในดันเจี้ยนมาได้ ทุกกับดักในดันเจี้ยนหากต้องการผ่านก็จําเป็นต้องได้รับลูกแก้วมาก่อน กุญแจที่สามารถใช้เปิดประตูโลหะตรงหน้าได้ก็คือลูกแก้วพวกนั้น นอกจากนี้ บนตัวประตูยังมีหลุมอยู่ถึงสามสิบแห่งนี้หมายความว่าเขา ต้องรวบรวมลูกแก้วให้ได้อย่างน้อยสามสิบลูก อาร์คก็รวบรวมมาได้ครบถ้วนแล้วเพราะสํารวจดันเจี้ยนนี้ไปกว่า 95% อะไรก็ดีถ้ามันจะทําให้เขาไม่ต้องกลับไปรับประสบการณ์เป็นอินเดียน่าโจนส์อีกครั้ง

“เป้าหมายสุดปลายทางแล้ว ไปกันเลย!”

เมื่อจัดการตรวจสอบตัวเองเรียบร้อย อาร์คก็มุ่งหน้าเข้าหาประตูโลหะ จากนั้นเขาเริ่มนําเอาลูกแก้วใส่เข้าไปในช่องที่ละลูก

ครึก ครื้น ครืน…

ประตูโลหะเริ่มสั่นทันทีเมื่อเขาใส่ลูกแก้วเข้าไปครบจํานวน ประตูเริ่มเลื่อนไปยังด้านข้างเผยให้เห็นเส้นทางลับด้านหลังบานประตู มันคือเส้นทางที่มุ่งตรงลงไปเบื้องล่าง

“ในที่สุดก็มาถึงด่านสุดท้ายของภารกิจเปลี่ยนอาชีพสักที”

อาร์คกระโดดเริงร่าเข้าไป เขาต้องฝ่าฟันมามากแค่ไหนกัน? เขาเดินลงไปเรื่อยจนกระทั่งได้ยินเสียงพึมพําลอดเข้ามาในโสดประสาท

“บัดซบ! ไอ้เจ้านั่น… นานแค่ไหนกัน…มันรออะไรอยู่?”

“เสียงนี้?”

อาร์คสะดุ้งก่อนจะหยุดเดินแล้วใช้เนตรแห่งแมวทําการสํารวจ พื้นที่ตรงหน้าค่อนข้างกว้างและสุดปลายทางมีร่างเงาสีดํากําลังเดินไปมา อีกฝ่ายคล้ายหนึ่งในคนตาย แต่หัวและนิ้วเท้ากลับถูกปกคลุมด้วยสีดํา เหมือนมันเป็นสิ่งสีดําที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยเนตรแห่งแมว

“ที่เหลืออยู่ก็แค่เปลือก… ครั้งนี้ต้องฆ่ามัน! เมื่อทําได้…ข้าจะได้กลายเป็นตัวตนที่สมบูรณ์แบบ…”

บุคคลร่างสีดําพึมพําไม่หยุดขณะเดินไปมาก่อนจะสะดุ้ง แล้วหันมาทางด้านนี้ อีกฝ่ายคล้ายประหลาดใจที่เห็นอาร์คอยู่ตรงหน้า

“เจ้าเป็นใคร?”

บุคคลตรงหน้ามองทางอาร์คด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แต่ไม่ช้า เขาก็ตะโกนขึ้นคล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้

“เข้าใจแล้ว.. เจ้าก็เป็นคนละโมบเช่นกัน… สารเลวน้อยที่โง่เขลา… เจ้าละโมบยิ่งนัก… ข้าไม่ยอมยกให้แน่!”

เขี้ยวที่แหลมคมฉับพลันยื่นออกจากปากและยังมีกรงเล็บงอกออกจากมือ หน้าต่างข้อความสีแดงแจ้งเตือนสว่างไหววูบขณะบุคคลตรงหน้าเข้าโจมตี

บอสมอนสเตอร์ คาร์ม่า” ที่ดวงวิญญาณแปดเปื้อนปรากฏตัว

“บอสมอนสเตอร์? หลุมฝังศพนี้มีบอสมอนสเตอร์อยู่ด้วย?

เพราะมอนสเตอร์ยังไม่เจอแม้สักตัว เขาจึงไม่เคยคิดเลยว่าจะมีบอสมอนสเตอร์ อาร์คที่ไม่ได้เตรียมพร้อมอะไร จึงเร่งร้อนชักดาบออกและโจมตีเข้าใส่คาร์ม่า มันเป็นการโจมตีอย่างกะทันหันเพราะงั้นจึงไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ทว่าคาร์ม่าก็ล้มลงพร้อมเสียพลังชีวิตไป 3%

“อะไรของมันกันเนี่ย?

อาร์คมองไปยังคาร์ม่าซึ่งกําลังตัวสั่นอยู่กับพื้นอย่างสับสน ไม่ใช่ว่าบอสมอนสเตอร์ควรแข็งแกร่งกว่านี้?

“จริงด้วย ที่นี่ไม่มีมอนสเตอร์อยู่ เราเลยไม่รู้ว่าระดับของเรากับดันเจี้ยนนี่สัมพันธ์กันในระดับไหน กับดักพวกนั้นโหดหินแต่ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับระดับของดันเจี้ยน ดูเหมือนมันจะระดับต่ำกว่าที่คิดไว้อีกสินะ?”

เขาได้ยืนยันเรื่องนี้ว่าถูกต้องก็ตอนที่ตรวจสอบข้อมูลของคาร์ม่าผ่านเนตรแห่งแมว อันที่จริงเลเวลของอาร์คก็นับว่าสูงมากอยู่แล้ว หลังผ่านการฆ่าฝ่าดงซอมบีเชื้อรา เลเวลของเขาก็เลื่อนขึ้นเป็น 339 หากนับรวมโบนัสธาตุความมืดเข้าไปด้วยก็จะกลายเป็นเลเวล 508 อีกทางหนึ่ง คาร์ม่าเลเวลเพียงแค่ 450 ต่อให้เป็นบอสมอนสเตอร์ อาร์คก็ยังมีค่าสถานะมากมายให้ถมช่องว่างได้ เพราะงั้นแล้วเขาไม่จําเป็นต้องตึงเครียดถึงขนาดนั้นเพื่อจัดการอีกฝ่าย แน่นอนว่าบอสมอนสเตอร์ในนิวเวิลด์ย่อมต้องมีทักษะพิเศษสําหรับฉกฉวยโอกาสในช่วงเวลาใกล้ตาย เพราะงั้นเพียงแค่เลเวลยังไม่อาจตัดสินได้ว่าจะแพ้หรือชนะ

“ว่าแต่มันคืออะไรกันนะ ความรู้สึกไม่สบายใจนี่”

แทนที่จะรู้สึกสะดวกสบายเพราะการต่อสู้ดําเนินไปไม่ยาก แต่เขากลับรู้สึกไม่สบายใจเสียอย่างนั้น หากบอสนี่อ่อนแอ ก็ไม่ใช่หมายความว่าของดร็อปต้องห่วยไปด้วยหรือยังไง? แต่อาร์คก็พยายามสงบใจลงเพื่อระงับความรู้สึกไม่สบายใจนี้ อย่างไรแล้วเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อหวังสิ่งของดีเด่อะไร จุดประสงค์แท้จริงยังคงเป็นภารกิจเปลี่ยนอาชีพขั้นที่สอง!

“รีบฆ่าจะได้เสร็จภารกิจ!”

“คมดาบแห่งความมืด!”

อาร์ควิ่งเข้าหาคาร์ม่าพร้อมทั้งฟาดฟันด้วยดาบ แต่แล้วคาร์ม่าก็กรีดร้องพร้อมสะบัดมือใส่

“เร่งเวลา!”

ความทนทานของดาบแห่งกิลซาลลดลงอย่างรวดเร็ว

ความทนทานของดาบแห่งกิลซาลลดลงอย่างรวดเร็ว

ความทนทานของดาบแห่งกิลซาลลดลงอย่างรวดเร็ว

แก๊สน่าสงสัยเริ่มปรากฏออกจากมือของคาร์ม่า ถึงตอนนี้หน้าต่างข้อความก็ปรากฏร้องแจ้งเตือนยกใหญ่ว่าความทนทานของดาบแห่งกิลซาลลดลง

“อะไรกันเนี่ย?

อาร์คแตกตื่นขณะเร่งร้อนถอยกลับ ก่อนจะมาที่นี่ เขาได้ตรวจสอบหน้าต่างข้อมูลของดาบแห่งกิลซาลอยู่บ่อยครั้งเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด และตอนนี้ความทนทานของมันก็ลดจาก 200 เหลือ 80 อาร์คหลบเลี่ยงการโจมตีของคาร์ม่าไปด้วยขณะใช้เวทมนตร์ฟื้นคืนซ่อมแซมดาบแห่งกิลซาลอย่างต่อเนื่อง

“เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น? เรายังไม่ทันโดนตัวมันเลยนี่? เกิดขึ้นได้ยังไงกัน?”

อาร์คใช้ทักษะทะลวง และการตรวจสอบคาร์ม่าอย่างเร่งด่วนก็เสร็จสิ้น

ทักษะพิเศษของคาร์ม่า : วังวนเวลา

เพราะร่างวิญญาณที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ คาร์ม่าสามารถใช้เทคนิคเข้าควบคุมเวลาได้ เทคนิคนี้สามารถทําให้เพียงเสี้ยววินาทีผ่านไปได้นับสิบปีหรือย้อนเวลากลับ

ทว่าเทคนิคนี้จะไม่สามารถใช้งานกับสิ่งมีชีวิตได้

[เร่งเวลา] เร่งความเร็วของเวลาในพื้นที่ที่กําหนด เมื่อเวลาถูกเร่งถึงความเร็วสูงสุด ทุกวัตถุในพื้นที่ (ดาบ ชุดเกราะ หรืออื่น ๆ) จะได้รับผลให้ความทนทานลดต่ำลง

[ย้อนเวลา] ย้อนกลับคืนเวลาในพื้นที่ที่กําหนดให้ย้อนกลับไปในอดีตก่อนได้รับผลกระทบ ทุกวัตถุจะกลับคืนสู่สภาพเดิม ทว่าทักษะนี้สามารถย้อนกลับไปได้แค่ตอนที่วัตถุถูกสร้างขึ้น (เมื่อใช้กับอุปกรณ์ ไอเทมจะกลับคืนสู่รูปลักษณ์แร่ดิบ)

“วังวนเวลา?”

เทคนิคที่สามารถควบคุมกระแสเวลาได้? แม้จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อช่วงอายุของเขา แต่ทักษะอย่างย้อนเวลานั้นไม่ใช่อะไรที่รับมือได้ง่าย อาร์คถึงกับซีดเผือดด้วยความหวั่นเกรงเมื่อได้อ่านหน้าต่างข้อมูลตรงหน้า แม้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องอธิบาย แต่หลักการของฟิสิกส์ในนิวเวิลด์ก็ไม่ต่างอะไรกับโลกจริง หากปล่อยไอเทมไว้เฉยไม่แตะต้อง สักเดือนหนึ่ง ค่าความทนทานก็จะลดไป 1 หน่วย และหากซ่อมแซมมันก็สามารถกลับคืนสภาพเดิมได้ แต่หากเขาทิ้งไอเทมนั้นไว้นานนับปีหรือนานมาก ไอเทมดังกล่าวอาจแตกหักเสียหายได้ ทักษะของคาร์ม่าก็เป็นดังที่กล่าวไป หากดาบของเขาเข้าสู่อาณาเขตของมัน มันจะโดนเร่งเวลาให้เร็วขึ้นนับร้อยเท่า ท้ายที่สุดผลลัพธ์คือดาบของอาร์คจะอายุเหมือนผ่านไปนับร้อยปี ความทนทานจะลดต่ำลงจนน่าสะพรึง หากถึงจุดหนึ่งแล้วเขาซ่อมแซมไม่ทัน ดาบจะพังทลาย และไม่ใช่เพียงแค่ดาบเท่านั้น หากตัวเขาเข้าสู่อาณาเขตดังกล่าวมันก็ต้องส่งผลกระทบกับทุกอุปกรณ์สวมใส่

“จะสู้กับมันยังไงเนี่ย?”

เมื่อครู่เขาเพิ่งเสียพลังชีวิตไป 1,000 หน่วย หากเขาตายก็ต้องเสียค่าสถานะจํานวนหนึ่งตอนฟื้นคืนชีพ สําหรับไอเทมของเขา หากค่าความทนทานเหลือ 0 ก็หมายความว่าไม่สามารถซ่อมแซม นอกจากนี้กว่า 70% ของอุปกรณ์ที่เขาใช้อยู่ต่างก็เป็นของหายากหรือสูงกว่าทั้งนั้น พวกมันล้วนมีมูลค่าสูงกว่าหนึ่งล้านวอนแทบทุกชิ้น หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกมัน อาร์คอาจเป็นลมล้มพับจนปวยไปเลยก็ได้

“สู้ระยะประชิดอันตรายเกินไป สมุนปีศาจของเราก็สวมใส่อุปกรณ์ด้วย มีแต่ต้องเสี่ยงแล้ว”

“ราซาค ราคาร์ด ถอยเร็วเข้า!”

อาร์คเร่งร้อนใช้งานวิ่งเร็วถอยก่อนใคร

“หึหึหึ ความมั่นใจของเจ้าหายไปไหนหมด… เจ้าคนขลาดเขลา!”

เมื่ออาร์คถอยหนี คาร์ม่าก็กล่าวยั่วยุหาเรื่องโดยทันที อย่างไรแล้วอาร์คก็ไม่ใช่คนที่จะยอมเสี่ยงเสียเงินหลายล้านวอนเพราะเรื่องพวกนี้ เขาไม่สนใจคําพูดนั้นแม้สักนิด

“ยั่วยุเรา หมายความว่าทักษะวังวนเวลามีระยะไม่ไกลมาก”

ขณะที่โดนคาร์ม่าไล่ตาม อาร์คก็เริ่มทําการวิเคราะห์ไปด้วย รัศมีทักษะของคาร์ม่าน่าจะอยู่ประมาณไม่กี่เมตรจากตัวมัน หากเขาไม่เข้าไปใกล้ ก็ไม่จําเป็นต้องห่วงเรื่องอุปกรณ์สวมใส่จะฟัง และทักษะของคาร์ม่าก็เป็นในรูปแบบคล้ายนักเวท เพราะงั้นพลังป้องกันและพลังชีวิตของอีกฝ่ายไม่น่าจะมากเท่าไหร่

“ถ้าคอยรักษาระยะห่างไว้แล้วคอยสร้างความเสียหายน้อยครั้งแต่หนัก น่าจะพอแก้ทางได้”

“ราดัน เอาดาบออกมา! คมดาบวายุ!”

อาร์ครับดาบพร้อมทําการระเบิดมันออกโดยทันที เศษชิ้นส่วนดาบจํานวนนับไม่ถ้วนเคลื่อนตัวโถมเข้าโจมตีใส่คาร์ม่า แต่แล้วเพียงอึดใจก็เกิดเรื่องน่าตื่นตะลึงขึ้น

“ย้อนเวลา!”

หลังจากคาร์ม่าใช้เวทมนตร์ เศษชิ้นส่วนดาบก็กลืนคืนสู่ดาบแล้วร่วงหล่นลงกับพื้น เพราะการย้อนเวลา จากดาบที่เพิ่งแตกกระจายจึงได้กลับคืนสู่สภาพดาบเป็นเล่ม นี่เป็นการป้องกันที่บ้าบอเกินไปแล้ว และเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเช่นกันตอนเขาพยายามยิงลูกธนูใส่ เมื่อคาร์ม่าใช้การย้อนเวลา ลูกธนูก็เสียแรงยิงและร่วงหล่นลงกับพื้นจนเป็นผลให้คาร์ม่าไล่ล่าเขาต่อ

“ฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้าคนโลก! ข้าจะลอกคราบเจ้าซะ… เร่งเวลา!”

“บ้าฉิบ ไอ้นี่มันตัวบ้าอะไร? ไม่เห็นจะมีทางให้สู้เลยนี่!?

อาร์คก็เหมือนหนูกําลังติดจั่น ความมั่นใจที่เคยมีเลือนหายไป ความคิดที่น่าจะใช้งานได้ก็โดนตีโต้กลับมา และตอนนี้หากเขาเลือกเข้าระยะประชิดก็จะโดนทักษะเร่งเวลาจนส่งผลกระทบกับอุปกรณ์สวมใส่ที่มี กระทั่งว่าเขาสามารถใช้เวทมนตร์ฟื้นคืนอย่างต่อเนื่องได้ แต่ท้ายที่สุดมันก็ต้องมีอุปกรณ์ของเขาสักชิ้นแตกหักผุพังไปก่อนจะทันซ่อมมัน

“จะปล่อยให้เกิดขึ้นไม่ได้! ของพวกนี้เราลําบากมากกว่าจะได้มา!”

เขาจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ต่อให้ต้องตายก็ตาม!

มีวิธีขัดขวางทักษะนี้อยู่ไหมนะ?”

อาร์คต้องครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนความคิดจะวาบเข้ามาในศีรษะ ทักษะของคาร์ม่าคือเร่งเวลาและย้อนเวลาหรือก็คือ พวกมันเป็นเวทมนตร์ที่ต่อต้านกันเอง! แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกันหากการย้อนเวลาและเร่งเวลามาปะทะกัน? จะกลายเป็นโมฆะใช่หรือไม่?

“ใช่! มีแต่ต้องลองทางนี้แล้ว”

“ราคาร์ด ถอดออกให้หมด!”

“หือ?”

ราคาร์ดเผยดวงตาเบิกออกกว้างกับคําพูดของอาร์ค

“จะ-เจ้านายขอรับ มีรสนิยมแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ข้าเป็นเด็กชายหล่อเหลาก็จริง แต่ตอนนี้มัน…”

“โอ้ เป็นแบบนั้น? แบบนั้นเอง? ฮา ว่าแต่อย่าบอกนะขอรับว่าจะให้ข้าไปสู้กับไอ้โหดหินนี่?”

“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ได้คาดหวังกับนายอะไรขนาดนั้น”

อาร์คแค่นเสียงใส่ แม้ว่าราคาร์ดจะสามารถสู้กับคาร์ม่าได้บ้างหากถอดอุปกรณ์ออก แต่ยังไงก็ไม่มีทางโค่นล้มบอสด้วยตัวเองอยู่แล้ว ไม่ว่ามันจะอ่อนแอขนาดไหน แต่บอสมอนสเตอร์ก็คือบอส คาร์ม่าไม่ได้อ่อนแอจนถึงขนาดที่ว่าอาร์คสามารถโค่นล้มได้โดยไม่ใช้อุปกรณ์สวมใส่ ดังนั้นแล้วอาร์คจึงต้องการให้ราคาร์ดใช้ทักษะดูดเลือด มีแต่ต้องดูดเลือดเอาทักษะที่จะทําให้ทักษะของคาร์ม่ากลายเป็นโมฆะมาเท่านั้น

Ark The Legend

Ark The Legend

Status: Ongoing

คิมฮยอนอู เด็กหนุ่มที่ชีวิตเกิดความผลิกผันตั้งแต่ยังวัยรุ่น ชีวิตของเขาประสบความยากลำบากต้องหาเงินเพื่อจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลสุดแพงของแม่ ขณะที่เขากำลังกัดฟันสู้ชีวิตอยู่ เขาได้รับข้อเสนองานหนึ่งจากบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่แล้วเมื่อไปสัมภาษณ์ เขากลับพบว่ามันคือการทดสอบคัดเลือกพนักงานโดยการเล่นเกม แม้จะแปลกไปบ้างแต่เงินก็ดีไม่น้อยเขาจึงตกลงรับมา

เมื่อเข้าเกม อาร์คคือตัวละครที่เขาเลือกสร้าง แรกเริ่มผจญภัยก็ต้องประสบพบเจอความยากลำบากไม่น้อย ผู้เล่นอื่นก็แทบไม่อาจเชื่อใจได้ เขาต้องยืนหยัดด้วยตัวเอง ยิ่งเล่นเกมไปเขาจึงได้พบว่า เกมแห่งนี้หาได้มีอะไรที่เหมือนเกมไม่ ทั้งเอ็นพีซีในเกมที่แทบจะเหมือนมนุษย์จริง ภารกิจที่มีเนื้อเรื่องน่าติดตามอีกทั้งยังยากลำบาก รวมถึงเนื้อเรื่องหลักภายในเกมที่ส่งผลกระทบต่อทั้งเกมก็คล้ายมีความลับอยู่ไม่น้อย และด้วยความที่แทบไม่เชื่อใจผู้อื่นในเกม เขาต้องพยายามฟันฝ่ามันให้ได้ด้วยสองมือของตัวเอง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท