ตอนที่ 471 : มิติสเกล
“หน่วยบุกทะลวงล้อมแล้วโจมตี!”
“วะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
เผ่านาคูจักหลายร้อยชีวิตกำลังพุ่งไปด้านหน้าตามคำสั่งดาบ ง้าว และลูกธนูต่างปลิวว่อนประหนึ่งห่าฝนเข้าใส่ราชสีห์ร่างมหึมาราชสีห์ทองคำเริ่มทอประกายปกคลุมรัศมีหลายสิบเมตรขณะโดนเผ่านาคูจักล้อมไว้
คว้าก! โฮก!
ราชสีห์ทองคำคำรามร้องขณะตะปบกรงเล็บเข้าที่พื้นเป็นผลให้พื้นดินถึงกับเกิดรอยแยกปริแตก เมื่ออุ้งเท้ากระแทกพื้นดิน เผ่านาคุจักหลายสิบใกล้เคียงถึงกับดับดิ้นไป มันคือพลังอำนาจการสะกดข่ม! แต่ไม่ว่าพลังนั้นจะทรงอำนาจมากเพียงใด มันก็ไม่อาจต้านทานศัตรูจำนวนมหาศาลได้ ด้วยการโรมรันเข้าอย่างไม่หยุดหย่อน แม้ว่าเผ่านาคูจักจะมีพลังเป็นเบี้ยล่างก็ยังคงโหมบุกโจมตี ผู้ที่หาญกล้าบางคนเมื่อขึ้นไปด้านบนร่างของราชสีห์ทองคำได้ก็เริ่มใช้งาวทิ่มแทง ร่างของราชสีห์ทองคำที่ปกคลุมไปด้วยขนอันแข็งแกร่งประหนึ่งชุดเกราะเหล็กกล้า งาวเหล่านั้นสร้างความเสียหายได้แค่ 20-30 หน่วยเท่านั้นเอง ทว่า ด้วยจำนวนเผ่านาคูจักหลายร้อยที่ล้อมราชสีห์ทองคำไว้ กระทั่งว่าเป็นความเสียหาย 20-30 หน่วย แต่หากรวมกันแล้วมันก็สามารถเป็นความเสียหายมหาศาลได้ถึง 5,000-8,000 หน่วยเลยทีเดียว ด้วยเหตุนั้น ราชสีห์ทองคำจึงมีสภาพร่างกายเริ่มย่ำแย่ขณะเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ไป
“ทนทายาทจริง ๆ นี่ก็สามสิบนาทีแล้วตั้งแต่เริ่มการโจมตี ช่วงที่ผ่านมานี้น่าจะสร้างความเสียหายไปได้กว่า 300,000 หน่วย…”
ชายในชุดเกราะที่สลักลวดลายน่าขนลุกสายศีรษะออกมา แต่แล้วชายชราที่สวมใส่สู้ดข้างกายก็กล่าวขึ้น
“เจ้าตัวนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ต่อต้านแนวหลังของกองทัพแห่ง ความมืดนับว่าเป็นเรื่องปกติ”
“กองทัพแห่งความมืด?”
“ถูกต้อง ความจริงตอนนี้มันค่อนข้างอ่อนแอลงมากหากเทียบกับเมื่อครั้งนั้น บางที่อาจเป็นเพราะอยู่ต่างมิติมานาน เจ้าก็น่าจะรู้สึกได้ ที่นี่อัตราการฟื้นคืนพลังมานาช้ากว่าที่โลกกลางหลายเท่านัก”
“พอมาคิดดูแล้ว…”
เขาหยุดชะงักไปขณะตรวจสอบพลังมานา ก่อนหน้านี้เพิ่งใช้ไป 50% ตามปกติแล้วสักสิบห้าถึงยี่สิบนาที่น่าจะฟื้นฟูจนเต็มแต่ตอนนี้มันเพิ่งฟื้นฟูได้แค่ 759% เท่านั้นเอง อัตราการฟื้นฟูมานานี้น้อยกว่าสองเท่าหากเทียบกับโลกกลาง
“นั่นเป็นเพราะต้นกำเนิดพลังมานาของเจ้ายังห่างไกลนัก นับตั้งแต่ที่มอนสเตอร์ตัวนี้ถือกำเนิดขึ้น การคงอยู่ของมันทุกลมหายใจคือสูดพลังมานาเข้าไป แม้จะไม่มาก แต่มันก็ส่งผลให้ความเข้มข้นของพลังมานาในพื้นที่อ่อนลง ถ้าหากเป็นที่โลกกลาง ความเข้มข้นของพลังมานาจะนับเป็นสองเท่า หากเป็นแบบนั้นกระทั่งข้ายังไม่กล้าต่อสู้กับมันโดยเผ่านาคูจักจำนวนมาก นับว่าพวกเราโชคดีไม่น้อยแล้ว”
ชายชราเลิกฮูดขึ้นขณะหัวเราะออก ชายชราคนนี้มีริ้วรอยที่อายุราวกับอยู่มานับร้อยปี! ชายชรากำลังถือแท่งกระดูก อดีตนั้นเคยเป็นอาร์ชบิช็อปของศาสนจักรอัสยอซู มาซอทิว และอัศวินที่สวมใส่ชุดเกราะสีดำข้างกายก็คืออลัน
“หากอยู่ที่โลกกลางมันจะแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้อีก?”
อลันจ้องมองราชสีห์ทองคำด้วยดวงตาเป็นประกายหลังได้ยินคำบอกเล่าของมาซอทิว ตอนนี้อลันอยู่ในมิติที่เรียกว่า สเกลสองเดือนก่อนหน้านี้อลันเพิ่งมายังสเกล เขาได้พบมาซอทิวและทำการเปลี่ยนอาชีพเป็นอัศวินแห่งการล่มสลายโดยสาบานว่าจะแก้แค้นอาร์คให้จงได้ในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น เขาได้เพิ่มศักยภาพของตัวเองเพราะทราบดีว่าอาร์คเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง หลังได้เรียนรู้ทักษะพิเศษของอัศวินแห่งการล่มสลาย ความมั่นใจของเขายิ่งมายิ่งมากขึ้น และตอนนั้นชายสีแดงก็ปรากฏตรงหน้าอลัน ชายสีแดงได้บอกอลันถึงความลับอันน่าทึ่งของนิวเวิลด์ หลังความลับนั้นถูกเปิด เผยชายสีแดงได้ขอให้อลันช่วย ผ่านการครุ่นคิดระยะเวลาหนึ่ง อลันตอบรับแม้เป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของชายสีแดงจะยังไม่ทราบแต่เขาตัดสินใจเข้าร่วมเพราะอาร์คเป็นศัตรูร่วมกัน ชายสีแดงมอบคำสั่งแรกมา นำมิติสเกลกลับคืนสู่โลกกลาง เพื่อให้อลันสำเร็จเป้าหมายนี้ ชายสีแดงได้สร้าง “อุโมงค์มิติ” สำหรับเข้ามาที่สเกลให้กับอลัน
สเกลเดิมที่เคยเป็นพื้นที่หนึ่งของโลกกลาง แต่ในตอนที่ดาร์คลอร์ดใช้เวทมนตร์ทำลายล้างครั้งสุดท้าย หลายพื้นที่ซึ่งถูกควบคุมภายใต้ต้นไม้โลกได้จมลง ก็เหมือนกับซอแทนดาล หากต้นไม้โลกของสเกลฟื้นคืนชีพ มันก็จะกลับคืนสู่โลกกลาง หรือก็คือ อลันต้องฟื้นคืนชีพให้ต้นไม้โลกของสเกล! แต่อลันกลับต้องเผชิญกำแพงขวางกั้นยิ่งใหญ่ตั้งแต่มาถึงมิติสเกล
“ไม่เคยคิดเลยว่าการจะทำให้มิติอื่นกลับคืนสู่ที่มาจะยากขนาดนี้
อลันไม่ทราบจนกระทั่งได้ยินคำพูดของมาซอทิว อิกดราซิลและยูซูเรียอ่อนแอที่สุดในบรรดาต้นไม้โลก หลังดาร์คลอร์ดใช้เวทมนตร์ทำลายล้างครั้งสุดท้าย พลังเวทมนตร์นั้นได้อ่อนแรงลงไปมากจนทำให้ต้นไม้โลกทั้งสองได้รับความเสียหายน้อยลงจนไม่ได้จมลงไปมากนัก และมันยังมีต้นไม้โลกที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผยอยู่อีก เทพผู้สร้างโลกมีนามว่า บิดาและมารดาแห่งโลก แต่หากพูดถึงระบบเกม มันก็แค่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาบทของเกม และมิติสเกลก็อยู่ในบทท้ายยิ่งกว่าซอแทนดาล เพราะแบบนั้นระดับความยากจงมากยิ่งกว่า มอนสเตอร์ในสเกลส่วนใหญ่เลเวลเฉลี่ยอยู่ที่ 400 แม้จะหายากไปบ้างแต่ก็พอจะมีมอนสเตอร์เลเวล 500 ให้พบเห็นได้แต่ปัญหาไม่ใช่มอนสเตอร์ ปัญหาใหญ่สุดที่ขัดขวางอลันไม่ให้ทำการฟื้นคืนชีพต้นไม้โลกคือผู้พิทักษ์แห่งต้นไม้โลก
“มอนสเตอร์ผู้พิทักษ์เลเวล 950 มังกรอสูรบาราส!”
แม้ชื่อจะเป็นมังกรอสูรบาราส แต่รูปลักษณ์ภายนอกกลับเป็นราชสีห์ทองคำ กระทั่งว่าพยายามใช้ม้วนคัมภีร์ [ทะลุทะลวง] ก็ยังยากได้รับข้อมูลเกี่ยวกับตัวมัน และมังกรอสูรบาราสก็ไม่ใช่มอนสเตอร์ แต่เป็นเอ็นพีซีระดับสูง หรือก็คือ หากมิติสเกลได้รับการฟื้นฟูมันก็ต้องมาจากผู้เล่นที่ได้รับหน้าที่แทนที่จะเป็นฝ่ายศัตรู และท่าที่ของเอ็นพีซีก็จะผันแปรไปตามผู้เล่นว่ามีแนวโน้มด้านไหน โดยเฉพาะกับอลันที่เป็นอัศวินแห่งการล่มสลาย
[คนต่างถิ่นที่มีกลิ่นอายแห่งความมืดจากร่าง ความจงเกลียดจงชังต่อโลกอันไร้สิ้นสุดอยู่ภายในกายเจ้าเข้าไม่ยินยอมให้คนเช่นเจ้าที่มีประสงค์ร้ายได้เข้าใกล้ต้นไม้โลก!]
มังกรอสูรบาราสเป็นปฏิปักษ์ทันทีที่เห็นอลัน แต่มาซอทิวทราบถึง ความลับแห่งโลก” จากชายสีแดงเรียบร้อยแล้วจึงคาดเดาสถานการณ์ได้ เมื่ออลันใช้อุโมงค์มิติเข้ามาที่สเกล มาซอทิวได้ทำการกรีฑาทัพนาคูจักภายใต้ธงของชายสีแดง หลังจากที่มังกรอสูรยืนยันตัวตนของอลันได้ มันเข้าโจมตีอย่างไม่รีรอ
[เจ้า]
คว้าก!
ขณะที่อลันนึกย้อนถึงเรื่องราวในอดีต มังกรอสูรก็พลันสยายปีกอันกว้างใหญ่เตรียมบินขึ้น เพราะเผ่านาคูจักที่พื้นมีจำนวนมากเกินไป หากต่อสู้นานกว่านี้มันจะเสียเปรียบ แต่ทว่านี่กลับเป็นช่วงเวลาที่อลันเฝ้ารอ
“ตอนนี้แหละ! นี่คือโอกาสโจมตีตอบโต้มัน หยุดการเคลื่อนไหวมันไว้!”
เสียงคำรามร้องพลันดังขึ้น สัตว์อสูรปีศาจที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเนินเขาปรากฏกาย ปีกหลายสิบของสัตว์อสูรปีศาจเริ่มโบกสะบัดเข้าหามังกรอสูรขณะเกิดขึ้นเป็นตาข่ายสีดำ ขณะที่ลมพายุด้านล่างกำลังจะก่อตัว มังกรอสูรโดนขวางไว้! เพราะปีกของมันติดกับตาข่ายสีดำ ร่างถึงกับต้องร่วงหล่นกับพื้น
ตาข่ายความชั่วร้าย ได้จับกุมมังกรอสูรบาราส
[อั่ก… อะไรกัน ตาข่ายนี่มันกำลังดูดพลัง…]
ขณะที่มังกรอสูรครวญคราง มาซอทิวก็หัวเราะกล่าวคำพูด
“หึหึหึ เจ้าลืมแล้วหรือ? ลองนึกให้ดี หลายร้อยปีก่อนพวกเราก็จับเจ้าเอาไว้โดยตาข่ายความชั่วร้าย มันคือเวทมนตร์คำสาปในรูปลักษณ์ตาข่ายที่ดูดซับพลังของความมืดมานับร้อยปียังไงล่ะ”
[เวทมนตร์คำสาปที่เป็นตาข่าย! เจ้าก็คือ!]
“ช้าเกินไปนะ ถูกต้อง ข้าคือลูกหลานของความมืดมิดผู้ยิ่งใหญ่”
[สวรรค์… คำทำนายต้องสาป..]
มังกรอสูรร่างสันขณะคร่ำครวญออกมาเพราะโดนแรงปะทะ แต่หลังจากเพียงชั่วครู่เท่านั้น มังกรอสูรพยายามโงหัวขึ้นขณะส่งเสียงคำรามร้องอย่างรุนแรง
[ไม่ คำทำนายนั้นจะต้องไม่เป็นจริง! กระทั่งว่าโชคชะตากำหนดมาเช่นนั้น มังกรอสูรบาราสผู้นี้จะไม่ยอมให้มันเป็นจริง! ตัวตนแห่งความมืดจะกลืนกินทุกสรรพสิ่ง! กองทัพแห่งความมืดต้องตายที่นี่!!
มังกรอสูรอ้าปากส่งเสียงคำรามจนเป็นผลให้อากาศรอบด้านเรี่มหมุนวนแล้วถูกดูดเข้าไป อลันและมาซอทิวอยู่ห่างกว่าร้อยเมตรยังได้รับผลกระทบจากแรงดูดอันมหาศาลนี้! นี่คืออาวุธร้ายแรงที่สุดเท่าที่มังกรอสูรจะใช้งานได้ มังกรอสูรมีคุณลักษณะไม้และดิน ลมหายใจของมันสามารถหลอมละลายสรรพสิ่งที่โดนสัมผัส เมื่อเอ็นพีซีเลเวล 950 ระดับชั้นหัวกะทิเช่นนี้ตัดสินใจใช้การโจมตีรุนแรง เผ่านาคูจักที่เลเวลแค่ 300 ย่อมไม่มีทางต้านทาน นอกจากนี้ทักษะยังส่งผลกระทบเป็นวงกว้างกว่าหลายร้อยเมตร ไม่มีที่เหลือให้เผ่านาคูจักได้หลบหนี ทว่า ดวงตาของมาซอทิวกลับทอประกายขึ้น
“ตอนนี้แหละอลัน! เอาเลย!”
อลันพุ่งตัวไปประหนึ่งลูกธนูยิงออกขณะปลดปล่อยบอลสีดำออกมา บอลสีดำทอประกายออร่าชั่วร้ายเกินจะกล่าวพุ่งออกไป มันถูกดูดกลืนเข้าไปภายในพายุหมุนและเข้าสู่ปากของมังกรอสูรบาราส มังกรอสูรร่างสั่นก่อนจะชะงักแล้วถอยกลับ ไม่ช้า เสียงคำรามร้องอย่างเจ็บปวดพลันดังให้ได้ยินขณะร่างนั้นกลิ้งกับพื้นไปมา
[แค่ก.. นะ…นี่มัน… อ้ากก!]
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าโง่! ใช่แล้ว นี่คือพลังงานความมืดจากอัญมณีแห่งปีศาจ! เจ้าต้องให้ข้าอธิบายหรือไม่ว่าอัญมณีแห่งปีศาจคืออะไร? พลังของเจ้าตอนนี้กำลังจะถูกใช้เป็นขุมพลังของความมืดมิดอันยิ่งใหญ่ยังไงล่ะ!”
มาซอทิวร้องตะโกนด้วยประกายแสงในดวงตาอันบ้าคลั่งอัญมณีแห่งปีศาจคือสิ่งที่อลันสร้างขึ้นด้วยพลังของตัวเองขณะยังหลบซ่อนตัวอยู่ เมื่อมันไหลเข้าสู่ร่างของมอนสเตอร์ มันจะส่งผลให้เกิดการดูดซับพลังงานมหาศาล นี่คือพลังอำนาจในการดูดซับพลังของอัศวินแห่งการล่มสลายโดยอัญมณีแห่งปีศาจ
“อลัน ได้เวลาจบเรื่องราวแล้ว!”
ขณะที่มาซอทิวพูดจบคำ อลันชักดาบออกพร้อมเข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ เมื่ออลันปรากฏกายเข้าไปใกล้ ออร่าความมืดยิ่งมายิ่งหนาแน่น มันคือเอฟเฟคของอัศวินแห่งการล่มสลาย “จิตวิญญาณแห่งการล่มสลาย” ภายใต้เอฟเฟคดังกล่าว ดวงตาของเผ่านาคูจักและสัตว์ปีศาจต่างแปรเปลี่ยนเป็นบ้าคลั่ง เพราะจิตวิญญาณแห่งการล่มสลาย กองทัพของเขาจึงไม่หวั่นเกรงความตาย สนใจเพียง แต่ทำลายล้างนี่คือทักษะที่จะช่วยเพิ่มพลังโจมตีและความบ้าคลั่งแทนที่พลังป้องกัน! เผ่านาคูจักและสัตว์ปีศาจตอนนี้ต่างเผยรังสีฆ่าฟันออกมาขณะพุ่งเข้าใส่มังกรอสูรอย่างไม่คิดชีวิต
[เจ้า! เพื่อความสงบสุขแด่โลก]
มังกรอสูรที่เหลือพลังชีวิต 2% วิ่งพุ่งเข้าใส่อลันอย่างกะทันหันอลันคือผู้นำมาซึ่งภัยคุกคามหลังความสงบสุขยาวนานนับศตวรรษในสายตาของมัน
“เรียกใช้ทักษะ บ้าคลั่ง! เจตจำนงรอดชีวิต! พิโรธนิรันดร์!”
บ้าคลั่งเป็นทักษะที่ช่วยเสริมความเกลียดชังและช่วยเพิ่มพลังโจมตี 5% เป็นระยะเวลายี่สิบนาที! เจตจำนงรอดชีวิตจะช่วยเพิ่มพลังป้องกัน 50% เป็นระยะเวลายี่สิบนาที! ทั้งสองไม่ใช่ทักษะของอัศวินแห่งการล่มสลาย มันคือทักษะที่ติดมากับอุปกรณ์อย่าง “ถุงมือโลหะแห่งความเกลียดชัง” และ “โลโลหะแห่งความเกลียดชังซึ่งเป็นไอเทมที่อาร์คขายให้ อลันยังสวมใส่ “หมวกโลหะแห่งความเกลียดชัง” ที่ส่งผลสะท้อนทุกการโจมตี 30% นั่นทำให้เขาสามารถบุกโจมตีอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังได้ เมื่อสามออพชั่นทำงานร่วมกัน อลันจึงถูกปกคลุมด้วยแสงสว่างสีแดงดำจนแทบมองไม่เห็น ร่างจริงนี่คือคุณสมบัติของเซ็ตไอเทมแห่งความเกลียดชังทั้งสามอย่าง!
“เอฟเฟคสามอย่างทำงานพร้อมกันนี้ไม่ใช่เล่นเลย…”
อลันมองด้วยสีหน้าพึงพอใจไม่น้อยกับเอฟเฟคของทักษะที่ใช้งานพร้อมกัน แต่อย่างไรแล้วตรงหน้าคือเอ็นพีซีหัวกะทิเลเวล 950! เพียงแค่เหวี่ยงกรงเล็บนั้นมาที่เดียวก็ทำเอาพลังชีวิตเขาลดลงไป 40% ได้ ทว่าเพราะมีสัตว์ปีศาจอยู่เขาจึงสามารถทำการฟื้นฟูพลังชีวิตโดยทันทีผ่าน สัมผัสแห่งความมืด” เมื่ออลันพิจารณาจากความเสียหายที่ทำได้และอัตราการฟื้นฟูที่สมดุลแล้วจึงทำการรุกคืบเข้าหามังกรอสูรเพื่อใช้ทักษะโจมตีใส่
“ทักษะปีศาจชั้นต่ำ “ชะงักงัน” ทักษะดาบ “ระบำดาบคลั่ง!”
เขาใช้ทักษะที่ได้รับการเรียนรู้จากอัญมณีแห่งปีศาจออกไปโดยไม่หยุดแทบทุกชนิดที่มี เผ่านาคูจักหลายร้อยคนและสัตว์ปีศาจต่างก็เข้าร่วมโรมรันกว่าสามสิบนาที ท้ายที่สุดพลังชีวิตของมังกรอสูร 2% ที่เหลือก็เริ่มถดถอย หลังจากที่ร่างกายของมังกรอสูรปริแตกเป็นชิ้น ดาบของอลันชักกลับขณะลมหายสุดท้ายของมันถูกพรากไป
เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น
เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น
เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น