สวุเหวยเหรินจำเด็กผู้หญิงคนนี้ได้ เหมือนว่าจะชอบอันหรันมาก เป็นการชอบและนับถือแบบที่ใสซื่อ เขาพยักหน้า เผยรอยยิ้มที่น้อยมากจะเห็นออกมา
“พี่ยียี พี่สนิทกับพี่อันหรันจริงๆด้วย หนูอยากถ่ายรูปกับเขามากเลย พี่สามารถช่วยหน่อยได้ไหมคะ!”
ติงยียีมีความลำบากใจเล็กน้อย ถึงแม้ความสัมพันธ์ของเธอและอันหรันจะไม่เลว ทว่าเธอไม่อยากกลายเป็นคนหยิ่งเพราะเรื่องแบบนี้
“ที่แท้ผมก็ยังมีแฟนคลับที่น่ารักขนาดนี้ด้วย” อันหรันพึ่งถ่ายภาพยนตร์เสร็จ ยังสวมใส่ชุดเกราะที่หนักหลายกิโลอยู่บนตัว
ไห่โจ๋ซวนรู้สึกได้เลยว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังใช้นัยน์ตาจ้องตัวเองอยู่ ยังบังติงยียีอย่างเงียบสงบอีกด้วย แอบรู้สึกตลกในใจ ติงยียี เธอมีเสน่ห์อะไรกัน แม้กระทั่งผู้ชายแบบนี้ก็หลงใหลในตัวเธอได้
เย่ชูฉิงก้มหน้าลงอย่างเขินอาย อันหรันยิ้มอย่างอ่อนโยน “แต่ผมไม่ได้พกโทรศัพท์นะครับ คุณมีไหมครับ?”
เย่ชูฉิงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา อันหรันขยับไปใกล้เธอแล้วทำท่าถ่ายรูปกับเธออย่างเป็นมิตร
หลังจากถ่ายเรียบร้อยแล้ว เย่ชูฉิงโพสต์ลงโซเชี่ยวอย่างมีความสุข อันหรันเดินกลับไปยังข้างกายของติงยียีด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงไม่ได้อ่อนโยนเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว พูดประชดด้วยเสียงเบาว่า “สมองเธอซื่อไปแล้วหรอ! อย่าใครมาก็ไปกับใคร เจอคนร้ายจะทำยังไง!”
“พี่อันหรัน พี่พูดอะไรคะ?” เย่ชูฉิงได้ยินคำพูดที่เหมือนว่าไม่ควรออกมากปากของไอดอลตัวเอง รีบเงยหน้าขึ้นแล้วถาม
“ไม่มีอะไรครับ” อันหรันเปลี่ยนกลับเป็นสภาพที่อ่อนโยน ไห่โจ๋ซวนรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามตั้งใจพูดประโยคพวกนั้นให้ตัวเองฟัง ตอบกลับอย่างเงียบสงบว่า “ยียี ตอนที่ผมมาเจอเพื่อนตอนสมัยมหาลัยของคุณด้วย เธอบอกว่าคิดถึงคุณมาก”
สีหน้าของอันหรันอึมครึมลงทันที เขาพูดแบบนี้ก็เหมือนบอกตัวเองทางอ้อมว่าตัวเองรู้จักกับติงยียีนานแล้ว คนที่จะหลอกเธอก็เป็นตัวเองที่พึ่งรู้จักไม่นาน
ติงยียีเหมือนรู้สึกได้ว่าทั้งสองไม่ค่อยถูกกัน รีบพูดขึ้นว่า “พี่อันหรัน เขาคือเพื่อนที่ดีของฉันค่ะ เขามาหาฉันค่ะ”
“แล้วแต่เธอเลย” อันหรันพูดด้วยความแข็งทื่อ หันหลังแล้วจากไป สวุเหวยเหรินรู้ว่านิสัยดื้อด้านของเขาผุดขึ้นมาแล้ว ส่งสายตาไปทางติงยียี สื่อกับเธอว่าไม่ต้องเป็นห่วง
ติงยียียืนอยู่ข้างๆอย่างทำตัวไม่ถูก เธอไม่อยากทำให้พี่อันหรันโมโห อันหรันที่เดินออกไปด้วยก้าวใหญ่ก็หยุดลงกะทันหัน หันมา “พรุ่งนี้ไม่มีฉากของเธอ จำไว้ด้วยอย่ามาผิดอีก!”
ก่อนหน้านี้ติงยียีก็เคยวิ่งรอบเมืองตามกองถ่าย ปรากฏว่าวันนั้นไม่มีฉากของแพนด้าเลย ยังถูกอันหรันแอบหัวเราะอีกด้วย
“ฉันรู้แล้ว!” ติงยียีตอบกลับอย่างเสียงดัง อารมณ์ก็ดีขึ้น บนรถ เย่ชูฉิงตอบคอมเม้นต์ไปด้วยพลางพูดไปด้วยว่า “พี่ยียี เพื่อนหนูต่างก็อิจฉาพี่กันหมดเลย”
ติงยียียิ้มอยู่ข้างๆ “จริงด้วย โจ๋ซวนเมื่อวานนายบอกว่ามีเซอร์ไพรส์ คืออะไรหรอ?”
“พี่ยียี พี่รอไว้เลย เป็นเซอร์ไพรส์ใหญ่แน่นอน” เย่ซูฉิงกะพริบตาอย่างเจ้าเล่ห์กับเธอ เมื่อวานพี่ชายบอกเธอหมดแล้ว ไม่เช่นนั้นเธอคงจะเข้าใจผิดแล้วว่าพี่โจ๋ซวนชอบพี่ยียี
รถขับแล่นไปถึงบ้านพักคนชราส่วนตัว ติงยียีเข้าประตูไปก็เจอเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่เธอเคยเห็นในทีวี สวมชุดสีขาวของผู้ป่วยเดินเล่นอยู่บนสนามหญ้า
ทางเดินที่ยาวนั้น จริงๆแล้วมีห้องผู้ป่วยเพียงแค่ไม่กี่ห้อง แต่ละห้องต่างก็ปิดประตูมิดชิดมาก บางคนที่อยู่ในบ้านพักคนชรานี้ไม่อยากให้ผู้อื่นรู้ ดังนั้นบ้านพักคนชราก็จะมีการบริการด้านนี้
ตรงปลายสุดของทางเดิน มีประตูห้องเดียวที่เปิดไว้ ติงต้าเฉินเห็นยียีแล้วก็รีบพูดขึ้นว่า “ยียีลูก ลูกไปหาหมอที่ไหนเนี่ย ช่างมหัศจรรย์มากจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าขาของพ่อจะยังสามารถรักษาได้!”
“คุณลุงครับ อาการของคุณลุงถือว่ายังไม่แย่ วางใจเถอะครับ สวมขาเทียมเข้าก็สามารถเดินได้แล้วครับ” ไห่โจ๋ซวนยิ้มอยู่ข้างๆ
นัยน์ตาของติงต้าเฉินมองไปมองมาระหว่างเขาและติงยียี ติงเหม่ยหรงที่อยู่ข้างๆ เขาถามขึ้นว่า “ยียี ผู้ชายคนนั้นล่ะ?”
“พูดถึงเขาทำไม ฉันว่าคนนี้ก็ไม่เลวนะ” ตอนที่ไห่โจ๋ซวนไปรับเขาที่เมืองเหยาหนานก็ได้ยินมาบ้างแล้ว เด็กคนนี้อ่อนน้อมมีมารยาท เหมาะกับยียีมากกว่า!
“พ่อ พ่อพูดอะไรคะเนี่ย!” ติงยียีเห็นเย่ชูฉิงก็อยู่ รีบห้ามไม่ให้พ่อพูดมั่วๆ ต่อ
ติงต้าเฉินคิดว่าเธอเขิน จึงไม่ได้พูดอะไรต่อ หรี่ตายิ้มแล้วมองทั้งสอง ในบ้านพักคนชรา ไห่โจ๋ซวนและติงยียีเดินข้างกัน
“โจ๋ซวน ขอบคุณมากจริงๆเลยนะ ที่ทำอะไรมากมายขนาดนี้ ฉันไม่เคยคิดเลยค่ะว่าจะเห็นคุณพ่อของฉันเดินได้เหมือนคนปกติ” ในใจของติงยียีมองเขาเป็นคนในครอบครัวแล้ว
“ยียี ในใจของคุณ ผมเป็นอะไร?” ไห่โจ๋ซวนหยุดเดิน ปัดใบไม้ที่ร่วงอยู่บนไหล่เธอออก ถามอย่างอ่อนโยน
ติงยียีตะลึงงันไปสักพัก พูดขึ้นอย่างไม่ลังเลว่า “ในใจของฉันคุณก็เหมือนกับพี่ชายเลย ลองคิดดูแล้ว เหมือนคุณช่วยเหลือฉันตลอดเวลาเลย ฉันกลับไม่สามารถตอบแทนอะไรได้เลย” เธอพูดตามใจจริง
“ถ้าหากผมบอกว่าคุณสามารถตอบแทนได้ล่ะ?” ไห่โจ๋ซวนมองเธอ นัยน์ตามีความน่ากลัว จู่ๆหัวใจเธอก็เต้นเร็วขึ้น “โจ๋ซวน คุณหมายความว่า?”
“ยียี ผมชอบคุณ!” ไห่โจ๋ซวนจับไหล่ของเธอมา หันข้างแล้วกดหัวลง “พวกพี่ทำอะไรกัน!”
แก้วน้ำที่อยู่ในมือของเย่ชูฉิงตกลงพื้น เธอไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น กลับไม่อยากจะเชื่อ คำว่า ‘ผมชอบคุณ’ เธอรอมากี่ปี สุดท้ายได้ยินกับหูแล้ว ทว่าเขากลับพูดกับคนอื่น
ความตกใจของไห่โจ๋ซวนไม่น้อยไปกว่าเธอเลย เขาตั้งใจปลีกตัวเย่ชูฉิงไป ก็เพราะว่าไม่อยากให้เธอรู้เร็วขนาดนี้ ตอนนี้เธอรู้แล้ว ตัวเองคงทำได้แต่แสดงต่อไป
“ชูฉิง พี่หวังว่าเธอจะเข้าใจ ความรักนั้นไม่สามารถฝืนใจได้” ไห่โจ๋ซวนเดินไปทางเธอ แต่ละก้าวยากลำบากมาก คำปฏิเสธทุกคำที่เขาพูด ก็เหมือนกับมีดที่กรีดลงบนร่างกายของเขา
“ทำไมคะ?” เย่ชูฉิงน้ำตาไหลทั่วหน้า เธอไม่สามารถคิดอะไรได้เลย ได้แต่เดินถอยหลังไม่หยุด
ทำไม? ไห่โจ๋ซวนเห็นภาพที่เสียใจและผิดหวังของเธอแล้วก็เจ็บไปทั้งใจ หากเธอไม่ใช่คนของตระกูลเย่ เขาจะแต่งงานกับเธอ รักเธอ ไม่ให้เธอร้องไห้ ไม่ให้เธอเสียใจ ทว่าเธอ ดันเป็นคนของตระกูลเย่ และเป็นคนที่เขารักมากที่สุด
ในใจเหมือนมีฟ้าผ่าและพายุพัดกระหน่ำ ทว่าใบหน้าของเขากลับสุขุมเหมือนเดิม “ไม่ทำไม พี่ชอบติงยียี”
“พอแล้ว!” ติงยียีเดินขึ้นไปอยากจะจับเย่ชูฉิงไว้ รีบอธิบายต่อว่า “ชูฉิง โจ๋ซวนแค่สับสนในชั่ววูบ เธอรออีกนิด รออีกนิดนะ ฉันไปพูดกับเขาเอง”
เย่ชูฉิง “หนูไม่โทษพี่ค่ะพี่ยียี หนูรอไม่ได้แล้ว ความรักของหนูตายแล้วค่ะ”
เธอวิ่งหนีไปพร้อมน้ำตา ติงยียีอยากจะตามไป ทว่าข้อมือของเธอกลับถูกดึงไว้ แรงของไห่โจ๋ซวนใหญ่จนกระดูกและเส้นเลือกของเขาเผยออกมาแล้ว เขาจับมือของติงยียี เหมือนยับยั้งความวู่วามที่อยากวิ่งตามไปของตัวเอง
เขาไม่สามารถวิ่งตามไปได้! เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว เขาไม่มีทางออกแล้ว!
“โจ๋ซวน เราไม่เหมาะสมกัน” ติงยียีอยากจะให้เขากลับใจ ไห่โจ๋ซวนปล่อยเธอออก บนใบหน้ากลับมานิ่งสงบเหมือนเดิม “ค่อยๆ เป็นค่อยๆไปเถอะยียี ผมจะให้คุณเห็นความดีของผมแน่นอน”
ในห้องพักผู้ป่วย ติงต้าเฉินรู้สึกได้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับทั้งสอง เขายิ้มกับไห่โจ๋ซวนแล้วพูดว่า “โจ๋ซวน ฉันขอคุยกับยียีสองสามคำได้ไหม?”
ไห่โจ๋ซวนยิ้มพยักหน้าแล้วจากไป ติงต้าเฉินดึงติงยียีมา พูดว่า “เมื่อกี้พ่อหาในเน็ตแล้ว เทียบกับเย่เนี่ยนโม่แล้ว เจ้าเด็กนี้ถึงแม้จะต่างไปหน่อย แต่ก็ใช้ได้นะ”
“พ่อ หนูกับเขาไม่ใช่แบบที่พ่อคิดค่ะ!” ติงยียีมีความหงุดหงิดเล็กน้อย น้ำเสียงก็ไม่ค่อยดี
“ยียี พูดกับพ่อยังไงเนี่ย ไม่เห็นหรอว่าพ่อไม่มีความสุขแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว!” ติงเหม่ยหรงเงยหน้าขึ้นสั่งสอนเธอ
ติงยียีเงียบแล้วไม่พูดอะไรอีก ตอนนี้เธอไม่สามารถเถียงกลับไปได้แล้ว บุญคุณนี้ของไห่โจ๋ซวน เธอคืนไม่ไหว ทว่าต้องใช้ความรักในการชดใช้ เธอก็ไม่ยอม
ติงต้าเฉินยังพูดกับติงเหม่ยหรงอยู่ข้างๆอย่างมีความสุขเกี่ยวกับการไปเที่ยวของทั้งสองหลังจากที่ใส่ขาเทียมแล้ว เธอไม่อยากพูดแทรกทั้งสอง ได้แต่กลืนคำพูดทั้งหมดลงท้องไป
เย่ชูฉิงกลับมาถึงบ้าน เซี่ยชีหรั่นและอ้าวเสว่กำลังคุยเรื่องภาพออกแบบกันอยู่ อ้าวเสว่อยากจะสร้างแบรนด์ของตัวเอง สวีเห้าเซิงและเซี่ยชีหรั่นต่างก็สนับสนุนเธอมากๆ
เย่เชินหลินและสวีเห้าเซิงกำลังพูดเรื่องหุ้นส่วนอยู่ข้างๆ เย่ชูฉิงก้มหน้าเดินไปที่บันไดอย่างรวดเร็ว เซี่ยชีหรั่นรู้สึกไม่ปกติ เดินตามเธอไปถึงห้อง
“ชูฉิง เกิดอะไรขึ้น พูดกับแม่ได้ไหม?” เซี่ยชีหรั่นเห็นตาเธอบวมแดง จมูกก็แดงก่ำ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าร้องไห้มา เธอรู้สึกสงสารมาก
เย่ชูฉิงกอดเธอ แค่ส่ายหัวแรงๆ น้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง ในไม่ช้าก็ลืมตาไม่ขึ้นแล้ว
“เป็นอะไรเหรอ?” เย่เนี่ยนโม่เดินเข้ามาในห้อง หากเขาเดาไม่ผิด เย่ชูฉิงเสียใจมีเพียงเหตุผลเดียว
“แม่ ผมคุยกับเธอละกันครับ แม่ไปอยู่กับคุณลุงสวีเถอะครับ” เย่เนี่ยนโม่รู้ว่าคุณแม่ไม่ยอมให้ชูฉิงคบกับโจ๋ซวน ตั้งใจปลีกตัวเธอออกไป
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า ให้สาวใช้ไปต้มซุปให้เย่ชูฉิงด้วยความสงสาร เย่เนี่ยนโม่ปิดประตู ถอนหายใจไปที พูดขึ้นว่า “เป็นอะไรอีก”
“เขาสารภาพรักกับพี่ยียีแล้ว” เย่ชูฉิงพูดพึมพำ พึ่งพูดจบ สมองก็ยุ่งเหยิงไปหมด ในน้ำเสียงของเย่เนี่ยนโม่มีความจนปัญญาอยู่ “แค่เพราะว่าเรื่องนี้? เธอเข้าใจผิดแน่นอน ฉันบอกแล้วว่าฉันให้เขาช่วยดูแลติงยียีให้หน่อย”
เย่ชูฉิงส่ายหัวอย่างแรง “ไม่ใช่ หนูได้ยินเขาสารภาพรักกับพี่ยียีกับหู!”
สมองของเย่เนี่ยนโม่โล่งไปหมด เพื่อนที่ดีที่สุดของเขาสารภาพรักกับผู้หญิงที่ตัวเองรักมากที่สุด เขาไม่เคยคิดเลย
“คุณชาย คุณชายโจ๋ซวนมาแล้วครับ” พ่อบ้านเคาะประตูอยู่นอกห้อง น้ำตาที่หยุดลงแล้วของเย่ชูฉิงกลับมาอีกครั้ง “พี่ชาย เขามาหาหนูหรอคะ? เขารู้สึกว่าหนูดีกว่าก็เลยกลับใจแล้ว?”
เย่เนี่ยนโม่เงียบแล้วยืนขึ้น ลูบหัวเธอไปไม่กี่ทีแล้วเดินออกไปทางข้างนอก เขาจะต้องไปถามเรื่องนี้ให้ชัดเจน
ใต้ตึก เซี่ยชีหรั่นดึงมือของไห่โจ๋ซวนอย่างดีใจแล้วถามขึ้นเกี่ยวกับหลินหลิง หัวใจของไห่โจ๋ซวนเต้นแรงมาก ผ่านไปหลายปีแล้ว ในที่สุดเส้นทางการแก้แค้นก็เริ่มขึ้นแล้ว
“เนี่ยนโม่ ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย” ไห่โจ๋ซวนลุกขึ้น มองไปทางเขา
“ไปคุยข้างนอก” เย่เนี่ยนโม่เดินนำออกไปทางข้างนอก
“ขอโทษ ฉันชอบติงยียี” ไห่โจ๋ซวนพูดเสียงดังจากข้างหลัง จู่ๆบรรยากาศก็เงียบลง ทุกคนต่างก็มองทั้งสองด้วยความแปลกใจ