บทที่ 484 ท่านเงา
คำพูดของลู่เสี้ยงหยาง สร้างความประหลาดใจให้กับสมาชิกในตระกูลหาน
หานเชียนเชียนตกใจจนริมฝีปากเล็กอ้าค้าง ลู่เสี้ยงหยางให้สถานะกับเธอ เธอเข้าใจได้ แต่การที่ให้เธอขึ้นเป็นผู้นำของตระกูลหาน เธอไม่เข้าใจ ในการคิดอ่านของลู่เสี้ยงหยาง
อย่าเพิ่งพูดถึงสมาชิกในตระกูลหานจะยอมรับเธอหรือไม่ แต่ความสามารถของเธอ เธอไม่มีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถเป็นผู้นำของตระกูลหานได้
ลู่เสี้ยงหยางกวาดสายตามองโดยรอบอีกครั้ง เขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าคนพวกนี้ไม่มีทางยอมรับหานเชียนเชียนเป็นผู้นำของตระกูลแน่
เขาไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่หัวเราะออกมา หันไปเอ่ยกับหานเชียนเชียน “เธอมีความเชื่อมั่นในตนเองไหม?”
เกินความสามารถของเธอ หานเชียนเชียนส่ายหน้าอย่างไม่มั่นใจ แต่เมื่อคิดดูอีกที หากเธออยากเป็นผู้หญิงของลู่เสี้ยงหยาง ทำให้ลู่เสี้ยงหยางชื่นชม เธอก็คงจะยืนข้างลู่เสี้ยงหยางได้ ช่วยเหลือลู่เสี้ยงหยางได้
แม้ว่าลู่เสี้ยงหยางจะบอกกับเธอว่า เขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว แต่ในใจเธอก็ยังคงมีความหวัง ขอเพียงแค่ตนพยายามมากพอ ทำให้ลู่เสี้ยงหยางมองตนบ้าง หากวัน บางทีเธออาจจะได้เป็นผู้หญิงของลู่เสี้ยงหยาง
เมื่อคิดได้ เธอหยักหน้าให้กับลู่เสี้ยงหยางด้วยความเชื่อมั่น “วางใจเถอะ ในเมื่อฉันเป็นผู้หญิงของคุณ ฉันก็จะดูแลมันให้ดีแทนคุณ”
“อืม” เมื่อได้ยินประโยค ลู่เสี้ยงหยางพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ หานเชียนเชียนเป็นผู้หญิงที่ฉลาด ไม่ทำให้เขาต้องเสียแรงเปล่า
หานจิ่วเทียนและคนรอบข้าง เห็นหานเชียนเชียนตอบไปอย่างนั้น แถมลู่เสี้ยงหยางยังประกาศแล้วด้วย พวกเขาก็ไม่อาจขัดข้อง
ทุกคนต่างลอบถอนหายใจ หานจิ่วเทียนเอ่ยขึ้นทันควัน “สวัสดีครับผู้นำตระกูล ต่อจากนี้ผมจะสนับสนุนท่านผู้นำ ให้ตระกูลหานก้าวไปข้างหน้า”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ทุกคนต่างเอ่ยขึ้นตามๆ กัน “ต่อจากนี้เราจะสนับสนุนท่านผู้นำ นำพาตระกูลหานก้าวไปข้างหน้า”
หานเชียนเชียนพยักหน้า ด้วยความรู้สึกเหมือนอยู่ในฝัน
ทุกอย่างกะทันหันมาก การที่เธออยู่ในตระกูลหาน เธอคิดแค่ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลหานต่อไปได้ แต่ไม่คิดเลยว่าไปๆ มาๆ ตัวเธอกลับได้ขึ้นเป็นผู้ดูแลตระกูลหาน เป็นผู้นำอยู่เหนือทุกคนในตระกูลหาน
เวลานี้เอง ลู่เสี้ยงหยางเอ่ยเสริม “ผมงานค่อนข้างเยอะ คงจะไม่ได้อยู่ที่ตระกูลต่อ แต่ผมจะติดต่อกับหานเชียนเชียนไม่ขาด ต่อจากนี้เรื่องในตระกูล ผมจะรับรู้ในทันที หวังว่าทุกท่านจะให้ความร่วมมือกับเธอ หากทุกคนผิดคำพูดในวันนี้ ผมคิดว่าทุกท่านคงจะรู้ดี ว่าจุดจบจะเป็นยังไง”
“ครับๆๆ คุณลู่ เราจะดูแลตระกูลหานอย่างดี คุณวางใจได้” หานจิ่วเทียนพยักหน้ารับในทันที
หลังจากนั้น ลู่เสี้ยงหยางกำชับหานเชียนเชียนอีกหลายประโยค ก่อนที่จะออกจากตระกูลหานไป
หานเชียนเชียนจับจ้องแผ่นหลังที่ไกลออกไปทุกทีของลู่เสี้ยงหยาง ด้วยความว้าวุ่นใจ และแน่นอนว่าเธอตัดสินใจแล้ว จากนี้ไป เธอจะตั้งใจทำงาน ตระกูลหานอยู่ในมือของเธอ อย่างน้อยๆ จะปล่อยให้ถดถอยไม่ได้
ในอนาคตหากลู่เสี้ยงหยางกลับมา เธอสามารถมอบตระกูลหานที่ใหญ่กว่านี้ให้กับเขาได้ ก็จะดีที่สุด
…..
ทางด้านลู่เสี้ยงหยาง หลังออกจากตระกูลหาน เขาได้ต่อสายหาถังหลง
เขาได้รับรู้จากถังหลง ว่าตระกูลที่อยู่ในความดูแลของตระกูลหานอยู่ในการควบคุมเรียบร้อยแล้ว
ลู่เสี้ยงหยางกำชับถังหลง ให้ช่วยหานเชียนเชียนปกครองตระกูลหานอย่างลับๆ และในระหว่างนี้ให้จับตาดูตระกูลหลิวด้วย
ยังไงซะ ในอนาคตสำนักฉางเซิงยังมีเรื่องราวอีกมาก ที่ต้องใช้ตระกูลหลิวและตระกูลหาน
ถังหลงตบหน้าอกของตัวเองเพื่อรับประกัน ว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจที่ลู่เสี้ยงหยางรับสั่งแน่นอน
หลังตัดสาย ลู่เสี้ยงหยางขึ้นรถทัวร์ที่จะกลับไปยังเมืองปินเหอ
ช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ลู่เสี้ยงหยางได้หลับถึงปินเหอเป็นที่เรียบร้อย
…..
ในเวลาเดียวกัน เมืองหลวง คฤหัสถ์ตระกูลลู่
ภายในห้องของลู่เซี่ยงหลง เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ ด้วยอาการคร่ำเครียด
หลายเดือนก่อน เขาปลอมเป็นลู่เสี้ยงหยางทำให้วางหยู่มีมลทิน
ตอนนี้ท้องของวางหยู่โตขึ้นทุกที วางหยู่และลู่เซี่ยงหยุนยืนกรานเด็ดขาดว่าจะคลอดเด็กออกมา เขารู้สึกเป็นกังวล หากวันไหนเด็กลืมตาดูโลก ทำการตรวจดีเอ็นเอขึ้นมา ถ้าอย่างนั้นความลับของเขาก็จะแตก
หลังเกิดเรื่องนี้ขึ้น ภรรยาของเขาเซี่ยตงเสว่ คิดจะฆ่าวางหยู่ทิ้งเสีย เพื่อทำลายหลักฐาน แต่หลังจากที่วางหยู่ผ่านเหตุการณ์ในครั้งนั่น ก็อยู่แต่ในบ้าน ไม่ออกไปไหนอีกเลย ทำให้เขาไม่มีโอกาสที่จะลงมือ นักฆ่าที่เขาจ้างวานมา ก็ไม่กล้าเข้าไปที่ตระกูลลู่
ลู่เซี่ยงหลงตบโต๊ะอย่างแรง ด้วยความว้าวุ่น พลันลุกขึ้น เดินไปเดินมาในห้องด้วยความกังวล
และในตอนนี้เอง เงาร่างหนึ่งสะท้อนขึ้นบนผนังอย่างเงียบเชียบ
ลู่เซี่ยงหลงพบเห็นเงาร่างนั้นเข้าด้วยความบังเอิญ เขาคุกเข่าลงทันที พร้อมเอ่ยอย่างนอบน้อม “ท่านเงา ในที่สุดท่านก็ปรากฏตัวจงได้ ตอนนี้ผมมีสิทธิ์ที่จะได้เข้าร่วมสำนักกวางหมิงหรือยังครับ?”
หลายวันก่อน ไม่รู้ว่าเซี่ยตงเสว่ได้ข้อมูลการติดท่านเงาจากสำนักกวางหมิงจากที่ไหน หลังจากที่กลับมา ก็บอกให้ลู่เซี่ยงหลงเข้าร่วมสำนักกวางหมิง
ลู่เซี่ยงหลงเป็นคนหูเบา ไม่สามารถทนต่อคำล่อลวงของเซี่ยตงเสว่ได้ จึงตอบตกลงที่จะเข้าร่วมสำนักกวางหมิง และได้ลองติดต่อกับเงาทันที
เงาปรากฏตัวขึ้นในคืนนั้น ได้ให้ภารกิจหนึ่งกับลู่เซี่ยงหลง เพื่อเป็นบททดสอบที่จะเข้าร่วมสำนัก
ลู่เซี่ยงหลงทำภารกิจเสร็จสิ้นอย่างราบรื่น หลังจากนั้นก็รอการตอบรับจากเงามาตลอด
ในตอนนี้เอง เสียงอันน่าสยดสยองดังขึ้นจากเงา “ในเมื่อแกทำภารกิจสำเร็จ ก็มีสิทธิ์ได้เข้าร่วมสำนักกวางหมิงโดยอัตโนมัติ”
ซวบ!
เมื่อจบคำ หนังสือเล่มหนึ่งลอยออกมาจากในเงา
ลู่เซี่ยงหลงเอื้อมมือรับมาไว้ เมื่อก้มหน้าลงเขาเห็นตัวอักษรเพียงบนหน้าปก ภาพค่ายกลสิบเลิศ
ในตอนนี้ ลู่เซี่ยงหลงตื่นเต้นดีใจ
เขาได้รับวิชาลับของสำนักกวางหมิงแล้วงั้นเหรอ?
สมาชิกตระกูลลู่อย่างเขา ได้รับการฝึกฝนตั้งแต่ยังเล็ก ทางด้านการบู๊เองก็ได้ร่ำเรียนมาเช่นกัน แม้ว่าจะสู้ลู่เสี้ยงหยางไม่ได้ แต่ก็ไม่แย่มากนัก
ทันใดนั้นเงาเอ่ยตอบ “วิชาลับนี้เป็นวิชาสุดยอดของสำนักกวางหมิง เป็นรางวัลตอบแทน หวังว่าการทำภารกิจในอนาคตจะไม่ทำให้ท่านเจ้าสำนักผิดหวัง”
ลู่เซี่ยงหลงพยักหน้ารับ “ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน ผมจะพยายามสุดความสามารถ เพื่อแบ่งเบาภาระของเจ้าสำนัก”
เงาตอบรับ “ดีมาก ถ้าอย่างนั้นคุณมาภารกิจใหม่ที่ต้องไปทำ”
เพื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เขานิ่งไปก่อนที่จะต่อประโยค “คุณไปที่ปินเหอ ไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไรก็ตาม ฆ่าลู่เสี้ยงหยางซะ”
อะไรนะ? ลู่เสี้ยงหยาง?
ลู่เซี่ยงหลงนิ่งไป นี่เขาไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม คนที่เขาต้องฆ่าในครั้งนี้ คือลู่เสี้ยงหยางอย่างนั้นหรือ
เงาหัวเราะอย่างเย็นชา “ลู่เสี้ยงหยางช่างกล้า มันฆ่าศิษย์ของสำนักวางหมิงคนหนึ่ง เขาจะต้องตาย แต่ความสามารถของเขาในตอนนี้ อยู่เหนือแก จำเอาไว้ให้ดี แกต้องวางแผนให้ดี”
เมื่อจบคำ ไม่รอให้ลู่เซี่ยงหลงได้ตอบรับ เงาหายไปจากกำแพงในชั่วพริบตา
ราวกับว่าในห้องไม่เคยมีเงามาก่อน