ในพงหญ้า อ้าวเสว่พลิกหาสร้อยคอไปทั่ว ทันใดนั้นมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นด้านหลัง เธอตกใจแล้วหลบไปอยู่หลังเสาข้าง ๆ เหยนหมิงเย้าประคองสาวชาวต่างชาติคนหนึ่งเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
เธอมองท่าทางที่ลนลานของเขา ในใจพึมพำ “นั่นใคร ทำไมเธอถึงมาอยู่กับเหยนหมิงเย้าได้” ความคิดเช่นนี้แวบเข้ามาในสมองเพียงครู่เดียว แล้วก็หายไปสิ้น
เธอหันหลังเดินไปข้างนอก มีเสียงฝีเท้าดังก้าวเร็วเดินตามหลังของเธอ เหยนหมิงเย้ามองเธอด้วยความโมโห ตอนที่เขาเข้ามาในโรงพยาบาลนั้นก็เห็นเธอกำลังหาของอยู่ที่พงหญ้าแล้ว จึงจงใจส่งเสียงดังเพื่อดึงดูดความสนใจจากเธอ
เขาไม่กล้าคิดว่าเธอจะวิ่งตามมาไหมมาถามตัวเองว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร หวังเพียงแค่สายตาของเธอจะหยุดมองดูสักพัก แต่ความจริงก็ประจักษ์แล้วว่านี่ช่างเป็นความคิดที่น่าขำมาก
“ปล่อย” อ้าวเสว่เอ่ยปากก่อน เพราะว่าเธอมองเห็นแสงระยิบจากการสะท้อนของแสงแดดในพงหญ้า เป็นสร้อยคอ! เหยนหมิงเย้าคิดแต่เพียงว่าเธอไม่อยากอยู่กับตัวเอง เขากล่าวด้วยเสียงที่แหบพร่า “จะมองผมสักหน่อยไม่ได้เลยเหรอ ครั้งก่อนที่ขาเจ็บหายดีหรือยัง”
อ้าวเสว่สะบัดมือทิ้งอย่างหมดความอดทน “คนที่รู้จักประเมินตัวเองคือคนที่ฉลาด คุณดูเย่เนี่ยนโม่สิเป็นคนระดับไหน แล้วคุณเป็นคนระดับไหน แต่งกับเขามีคนใช้ให้เรียกใช้ตั้งมากมาย ส่วนคุณทำได้ไหม”
เหยนหมิงเย้ามองเขาอย่างเงียบ ๆ “คุณไม่ใช่ผู้หญิงที่คิดอะไรตื้น ๆ แบบนั้น”
“ฉันเป็นคนแบบนั้น ดังนั้นอย่าได้มาตอแยฉันอีก” อ้าวเสว่พูดให้ตัวเองดูแย่ เพื่อให้เหยนหมิงเย้าปล่อยมือ ในใจเธอเริ่มจะเชื่อแล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองที่รักเกียรติยศเงินทองนั้นต่างหากคือตัวตนที่แท้จริง
เหยนหมิงเย้าทอดถอนใจ “รถอยู่ตรงไหน เดี๋ยวผมไปส่ง”
ความไม่ลดละของเขาทำให้อ้าวเสว่ยิ่งโกรธ เธอแกะตัวเขาออก แล้ววิ่งไปที่พงหญ้าหยิบสร้อยคอขึ้นแล้วตะคอกใส่เขา “รู้ไหมว่าฉันกำลังหาอะไรอยู่ กำลังหาสร้อยเส้นนี้ไงเล่า เย่เนี่ยนโม่โยนมันทิ้ง ฉันจึงตามหากลับมา นี่มันมีค่ามากแค่ไหนคุณรู้ไหม คนจนอย่างคุณมีปัญญาซื้อไหม!”
เหยนหมิงเย้าเองก็โมโห เขาเหลือบมองสร้อยคอแวบหนึ่ง แล้วค่อยหันไปมองเธอซึ่งในสายตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง “ในเมื่อเงินทองนั้นสำคัญกับคุณมาก อย่างนั้นก็คว้าไว้ให้ดี ๆ เพราะว่าคว้าเงินทองง่ายกว่าการมัดตัวเย่เนี่ยนโม่”
เขาจากไปแล้วจริง ๆ อ้าวเสว่มองแผ่นหลังของชายเพียงคนเดียวที่รักเธอในโลกนี้ แล้วก็เดินจากไปในทิศทางตรงกันข้าม เธอรักเย่เนี่ยนโม่ ข้อนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
ซางหัวลูบอยูที่ลำคอแล้วเดินออกมาจากโรงพยาบาล และเห็นเข้าพอดีกับแผ่นหลังของเหยนหมิงเย้าที่กำลังจากไป เธอหลบอยู่ที่มุม มองดูสีหน้าของอ้าวเสว่จากนั้นก็พึมพำ “สองคนนี้มีความสัมพันธ์อะไรกัน”
อ้าวเสว่เดินไปถึงลานจอดรถ และคนขับรถตระกูลเย่ยังคงรออยู่ตรงนั้น เธอก็ไม่พูดไม่จาอะไร เดินเข้าไปในรถแล้วสั่งว่า “ออกรถ!”
“ไม่รอเสี่ยวหัวหรือครับ” ปกติคนขับรถเข้าขากันได้ดีกับสาวใช้ ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะออกหน้าช่วยซางหัว
อ้าวเสว่มองเขาอย่างเย็นชา เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเวลานี้เธอถึงมีอารมณ์ฉุนเฉียวได้ขนาดนี้ “ฉันบอกให้ออกรถนายไม่ได้ยินหรือไง!”
บ้านตระกูลเย่มักจะเงียบสงัดในเย็นค่ำคืน เย่เนี่ยนโม่อยู่ที่ห้องหนังสือตลอดทั้งคืน อ้าวเสว่รู้ว่าคืนนี้เขาจะต้องนอนที่ห้องหนังสือ
เธอเดินไปเดินมาที่หน้าประตู ในมือถือสร้อยเส้นนั้นไว้ เย่เนี่ยนโม่รู้ว่าเธออยู่ด้านนอกประตู แต่กลับไม่บอกให้เธอรู้ ใจของเขาตอนนี้ได้หายไปพร้อมกับสร้อยคอเส้นนั้นแล้ว
ยามค่ำคืนดึกสงัดลง เย่เนี่ยนโม่อาศัยฤทธิ์แอลกอฮอล์ในการช่วยให้หลับ อ้าวเสว่ย่องเบา ๆแล้ว เข้ามาในห้อง เธอหยิบขวดสุราที่อยู่ข้างเท้าของเย่เนี่ยนโม่ออกเบา ๆ
เธอมองใบหน้าที่หลับใหลของเขา มีเพียงเวลานี้เท่านั้นที่เขาจะดูอ่อนโยนลง และไม่มีความเมินเฉยในสายตาที่เย็นชา
เธอมองเย่เนี่ยนโม่เงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถึงได้วางสร้อยคอนั้นลงที่ข้างหัวเตียงของเขา สร้อยคองดงามมากภายใต้แสงไฟ แต่เธอกลับไม่สนใจสร้อยคอที่แพงและงดงามเช่นนี้
“รักฉันให้ดี ๆ เถอะเย่เนี่ยนโม่” เธองึมงำเบา ๆ แล้วลุกขึ้นไปปิดไฟ
วันรุ่งขึ้น เย่เนี่ยนโม่ยังคงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์หน้าเศรษฐกิจ พ่อบ้านยืนรอรับคำสั่งอยู่ข้าง ๆ เขา สักพักเขาก็วางหนังสือพิมพ์ลง “พรุ่งนี้ผมจะไปฝรั่งเศสสักรอบ”
“หลานชาย ทำไมถึงกะทันหันอย่างนี้ล่ะ ย่ายังอยากให้แกบำรุงร่างกายอยู่เลย” ฝู้เฟิ่งหยีมองหลานชายคนนี้ด้วยความสงสารเอ็นดู ยังหนุ่มยังแน่นขนาดนั้นก็ต้องบินรอบโลกเทียวไปเทียวมา
แต่คำพูดของเขากลับทำให้อ้าวเสว่ตกใจเล็กน้อย ตามนิสัยของเย่เนี่ยนโม่ไม่มีทางที่จะเปิดเผยตารางการเดินทางของตัวเองโดยไม่มีสาเหตุ เธอหันมองไปทางเย่เนี่ยนโม่ อีกฝ่ายก็สบตากลับมาครู่หนึ่ง ก็ยิ่งทำให้เธอมั่นใจในความคิดของตาเอง ซางหัวที่เห็นการปฏิสัมพันธ์ของสองคนนี้แล้ว แทบจะกัดฟันแหลก ที่เธอกล้าท้าทายกับอ้าวเสว่อย่างเปิดเผย เพราะรู้ว่าคุณชายไม่ได้ชอบผู้หญิงคนนี้ ถ้าหากว่าคุณชายมีปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปกับเธอ อย่างนั้นเธอก็คงต้องหมดกัน
เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จซางหัวก็ประคองท่านนายเย่ไปเดินเล่น แล้วกล่าวอย่างเป็นกังวลว่า :“ท่านนายเย่คะ คุณชายนั้นเหมือนกับนายท่านมากจริง ๆเลย วันๆทำแต่งานจริงๆ”
ฝู้เฟิ่งหยีเองก็รู้สึกใจหาย “ใช่สิ ถ้าตอนนั้น เชินหลินไม่ได้พบกับชีหรั่นเด็กคนนั้น ฉันยังคิดว่าเขาจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้ว”
ซางหัวหัวใจกระตุก “หวังว่าคุณชายจะมีลูกกับคุณอ้าวเสว่ให้มาก ๆ เช่นนี้ท่านนายเย่จะได้เป็นท่านทวด นี่เป็นพรแห่งความสุขที่ยิ่งใหญ่เลยค่ะ”
คำพูดของเธอทำให้ฝู้เฟิ่งหยีรู้สึกพอใจอย่างมาก สีหน้าของเธอก็ผ่อนคลายลง อีกทั้งยังยื่นมือมาตบมือของเธอเบา ๆ ซางหัวสีหน้าเปลี่ยนไป “พักนี้คุณนายกำลังสอนเรื่องเหล่านั้นให้ดิฉัน ให้ดิฉันเตรียมพร้อมการปรนนิบัติคุณชายค่ะ”
ฝู้เฟิ่งหยีเหลือบมองกิริยาที่เขินอายของซางหัว เธอรู้ว่าเด็กคนนี้ชอบเย่เนี่ยนโม่ เธอก็ไม่กลัวว่าเธอจะใช้มารยา การปรนนิบัติหลานชายตัวเองในขณะที่อ้าวเสว่ตั้งครรภ์ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เธอครุ่นคิดในใจ “พรุ่งนี้เนี่ยนโม่จะเดินทางไปดูงาน คืนนี้เธอก็เตรียมพร้อมแล้วกัน”
“เร็วขนาดนี้เลยเหรอคะ แล้วทางฝั่งคุณนายล่ะคะ?”ซางหัวลังเลเล็กน้อย มืออันเรียวงามของฝู้เฟิ่งหยีโบกปัดขึ้น “อยากจะเป็นผู้หญิงของตระกูลเย่ เธอย่อมเข้าใจในความใจกว้างนี้อย่างแน่นอน”
ในห้องรับแขก อ้าวเสว่วางสองมือ ลงบนหน้าท้องเบา ๆ เธอผ่อนคลายลง ท่าทางสงบ แล้วสายตาก็กวาดไปเห็นซางหัวที่ยืนอยู่ด้านหลังของฝู้เฟิ่งหยีด้วยสีหน้าย่ามใจ เธอกล่าวเบา ๆ :“เรื่องเหล่านี้หนูแล้วแต่คุณย่าค่ะ”
ฝู้เฟิ่งหยีตบมือเธอเบา ๆ “แบบนี้สิถึงจะเป็นผู้หญิงที่รู้จักวางตัวเป็นของตระกูลเย่”
อ้าวเสว่ฝืนยิ้ม แต่ในใจกลับรู้สึกเกลียด เกมนี้เป็นเธอที่แพ้ก่อน แต่ว่าใครจะหัวเราะได้ถึงตอนจบยังไม่แน่นอน ตราบใดที่ยังไม่ได้ประจันหน้ากับติงยียี เธอจะแพ้ให้สาวใช้แบบนี้ได้อย่างไร
ร่างที่กำยำของเย่เนี่ยนโม่ว่ายอยู่ในสระน้ำขนาดใหญ่ในยามค่ำคืน ความเย็นของน้ำทำให้ประสาทของเขาด้านชา ทำให้เขาสงบลง เมื่อเช้าของวันนี้ในวินาทีที่เขาลืมตาขึ้นมานั้น แสงแดดสะท้อนเพชรบนสร้อยคอ เพชรจึงเปล่งประกายแสงระยิบระยับอัศจรรย์ วินาทีนั้นเขานึกว่าติงยียีกลับมาแล้ว
ถึงแม้แค่คิดก็รู้ว่าเป็นอ้าวเสว่ที่นำมาวางไว้ แต่ว่าครั้งนี้เธอเดาความคิดของเขาออก เขาปล่อยวางติงยียีไม่ได้ สร้อยเส้นนี้คือสายสัมพันธ์เพียงสิ่งเดียวของเขากับติงยียี
เขาลุกขึ้นจากสระ หยดน้ำใสไหลลงมาตามทรวงอกอันแข็งแกร่งของเขาลงสู่ท้องน้อย ซางหัวที่ถือผ้าเช็ดตัวยืนอยู่ข้าง ๆ ในแววตาเธอเต็มไปด้วยความหลงใหล
“เนี่ยนโม่” อ้าวเสว่ถือผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดยื่นมาให้ แล้วเหลือบมองซางหัวเบา ๆ แวบหนึ่ง เย่เนี่ยนโม่ไม่ได้ปฏิเสธ รับผ้าเช็ดหน้าจากมือของเธอมา “ต่อไปเรื่องพวกนี้ให้คนรับใช้มาทำ”
ซางหัวหน้าซีดที่ถูกเรียกว่าคนรับใช้ จึงก้มหน้าลง อ้าวเสว่พยักหน้าเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “พรุ่งนี้ดูแลตัวเองให้ดีนะ ฉันไปก่อน คุณย่าได้นัดเพื่อนมาเล่นไพ่นกกระจอกด้วยกัน”
“อ้าวเสว่” เย่เนี่ยนโม่เรียกเธอขึ้นกะทันหัน อ้าวเสว่หันกลับมาอย่างอ่อนโยน แล้วถามขึ้นด้วยสายตาสงสัย เป็นครั้งแรกที่เขาจ้องมองเธออย่างจริงจัง นัยน์ตาเขาเคร่งขรึม แต่กลับไม่พูดอะไร
ซางหัวเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น จึงบิดม้วนผ้าขนหนูที่อยู่ในมือ ในใจยิ้มเยาะ ไม่ว่าอย่างไร เธอก็ไม่เชื่อว่าคืนนี้เธอจะจับคุณชายไม่ได้!
ย่ำราตรี อ้าวเสว่เดินไปเดินมาอยู่ในห้องอย่างกระวนกระวาย เธอแน่ใจว่าเย่เนี่ยนโม่ไม่ได้ชอบซางหัว แต่ว่าเขาเป็นผู้ชาย ถ้าหากว่าควบคุมตัวเองไม่ได้จะทำอย่างไรดี
ร่างหนึ่งได้ผุดขึ้นในใจของเธอ รู้ว่าเธอจะต้องมีวิธีอย่างแน่นอน เธอรีบโทรหาหมายเลขของแม่ของเธอ ซือซือฟังอย่างเงียบ ๆ จนจบ “แกทำได้ดีมาก ตอนนี้แกต้องทำให้เย่เนี่ยนโม่เชื่อว่าแกจะไม่ขัดขวางเขากับติงยียี”
“แต่ว่าตอนนี้สาวใช้ที่ชื่อซางหัวขัดขวางหนูตลอดเลย” อ้าวเสว่กล่าวอย่างหมดความอดทน คิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้ทีไร เธอก็รู้สึกว่าร่างประหนึ่งมีมดไต่ขึ้นมา
“คนพวกนี้อีกแล้ว เป็นคางคกแล้วอยากกินเนื้อหงส์ คนชั้นต่ำ” ซือซือสบถคำพูดที่รุนแรงออกมา ตอนนั้นเซี่ยชีหรั่นก็เป็นสาวใช้ของตระกูลเย่เช่นกัน นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายกลับสามารถได้รับความโปรดปรานจากเย่เชินหลิน ในจุดนี้เธอไม่สามารถที่จะขจัดออกไปจากใจได้
น้ำเสียงของเธอยิ่งพูดยิ่งดุดัน “ถ้าหากเธอกล้าขัดขวางการแต่งเข้าบ้านตระกูลเย่ของแก แม่ก็จะทำให้เธอหายสาบสูญไปจากโลกใบนี้” ในคำพูดของเธอแฝงด้วยความโหดร้าย นี่ทำให้อ้าวเสว่ถึงกับชาไปทั้งตัว แม่ของเธอคนนี้เหมือนถูกปีศาจครอบงำไปแล้ว
สักพัก เธอถึงได้สติคืนจากความรู้สึกที่เย็นชา “ช่างเถอะ หนูจะคิดหาวิธีเอง”
ซือซือได้ยินคำพูดของเธอแล้วก็หัวเราะ “ไม่ต้องคิดแล้ว ตอนนี้มีเพียงวิธีเดียว หรือว่าแกลืมไปแล้วที่แกท้องนั้นคืออะไร”
มีเสียงดังมาจากห้องอาบน้ำของตระกูลเย่ ซางหัวได้เดินเข้ามา เธอสวมชุดกระโปรงผ้าไหมยาวและโปร่งใส รูปร่างที่อวบอิ่มวับ ๆ แวม ๆภายใต้การปกคลุมของเสื้อผ้า ทำให้ดูเย้ายวนชวนหลงใหล
เธอนั่งอยู่ริมเตียงด้วยความตื่นเต้น ฟังเสียงน้ำในห้องกระทั่งเสียงหยุด เธอทำท่าทางที่ยั่วยวนด้วยการเหยียดขายาวแล้วไขว้เข้าด้วยกัน เย่เนี่ยนโม่คลุมส่วนล่างด้วยผ้าเช็ดตัว หยดน้ำไหลลงจากศีรษะของเขา
เมื่อเห็นซางหัวนั่งอยู่บนเตียงด้วยท่าทางที่ยั่วยวน เขาก็ผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นขมวดคิ้วแล้วกล่าว :“ออกไป”
ซางหัวไม่พูดอะไร แต่กลับลุกขึ้นมา แล้วกระตุกนิ้วดึงเบา ๆ จนชิ้นผ้าที่ปกคลุมเรือนร่างได้หลุดล่อน “คุณชายคะ นี่เป็นคำสั่งของท่านนายเย่ และดิฉันก็ชอบคุณชายมาตั้งนานแล้ว”
เธอเดินเข้าไปหาเย่เนี่ยนโม่อย่างเขินอาย เธอรู้ว่าขอเพียงได้แอบอ้างท่านนายเย่ คุณชายก็จะต้องไม่ขัดคำสั่งของท่านนายเย่อย่างแน่นอน เมื่อทั้งสองใกล้กันมากขึ้น หัวใจของเธอก็เต้นตึกตัก เธอใกล้จะสำเร็จแล้ว
ทันใดนั้นมีเสียงดังจากนอกประตู เย่เนี่ยนโม่ระงับอาการที่อยากจะจับผู้หญิงคนนี้โยนออกไปด้านนอก เขาเหลือบไปมองเธอแวบหนึ่ง แล้วก็ไปเปิดประตูด้วยตัวเอง