” เรายังมีเวลาอีกมากที่จะคุยกันดีๆ นะครับ ” เขาพูดกับAlinเบาๆ นัยหนึ่งก็เหมือนเขากำลังพูดกับติงยียี
หลังจากฝีเท้าที่นิ่งและมั่นคงค่อยๆ เดินจากไป ติงยียีก็พูดด้วยความละอายใจ: ” อาจารย์คะ ทั้งหมดมันเป็นเพราะหนูเอง เราจะทำยังไงดี ธุรกิจของอาจารย์ที่อยู่ในแผ่นดินใหญ่ของประเทศจีนจะจัดการยังไงคะ? ”
Alin เหอะสองทีพร้อมพูดต่อ ” มันก็ไม่ง่ายเหมือนกันนะที่จะเจอลูกศิษย์มีความสามารถแล้วยังถูกชะตากับเราอีก แค่เธอบอกว่าไม่อยากไป ก็ไม่มีใครพาเธอไปจากที่นี่ได้! ”
ภายในโรงแรม ขณะที่เย่เนี่ยนโม่กำลังนั่งอยู่ เย่ป๋อก็ลังเลและพูดขึ้นมา ” Alin มีอำนาจมากในประเทศฝรั่งเศส บุคคลชั้นสูงที่นี่ก็ต่างไว้หน้าเขาทั้งนั้น ในพื้นที่ของเราคงไม่มีแผนที่จะเอาชนะได้เลยแม้แต่นิดเดียว ”
เย่เนี่ยนโม่ยังคงนิ่งเงียบ นิ้วชี้ของเขาลูบไล้ลงบนผิวของเพชรเบาๆ แม้แต่สีหน้าก็ยังคงดูนิ่งเฉย แล้วในที่สุดเขาก็ยอมพูดออกมา ” พรุ่งนี้กลับประเทศ ”
เย่ป๋อรู้สึกแปลกใจในการตัดสินใจของคุณชาย แต่เมื่อได้เห็นสีหน้าและอารมณ์ที่ดูเย็นสุขุมก็เข้าใจแล้วว่า คุณชายจะต้องคิดแผนอย่างดีแล้วแน่จึงจะตัดสินใจทำอะไร
ขณะนั้นเอง โทรศัพท์ในมือของเย่ป๋อก็ดังขึ้น เขารับและตอบกลับไป ก่อนจะยื่นมันให้คุณชาย ” คุณอ้าวเสว่ต้องการคุยกับคุณชายครับ จะรับไหมครับ ”
เย่เนี่ยนโม่กำลังคิดจะปัดมือเป็นเชิงไม่รับ แต่จู่ๆ ก็เปลี่ยนความคิด จึงหยิบโทรศัพท์มาคุย น้ำเสียงของคุณอ้าวเสว่ ฟังดูหวานหยดย้อย ” เนี่ยนโม่ ฉันรบกวนคุณหรือเปล่าคะ? กี่วันมานี้คุณยายคิดถึงคุณมาก แกดูกินอาหารไม่ค่อยลงเลยค่ะ ”
” ลองให้หมอมาดูหน่อยแล้วกัน ” เย่เนี่ยนโม่พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ อ้าวเสว่ที่อยู่ไปสายก็ตอบตกลงทันที แล้วจึงจะวางสายไป
ณ บ้านตระกูลเย่ อ้าวเสว่โยนโทรศัพท์ไว้บนพื้น จากนั้นก็ฉีกยิ้มและมองไปยังซางหัวที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ” พอละ แกได้ยินเสียงเนี่ยนโม่แล้ว รีบเก็บข้าวของเธอไสหัวไปซะ ”
” ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันจะรอให้คุณชายกลับมา! ฉันต้องรอเจอท่านนายก่อน! ” ซางหัวที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น สีหน้าดูดุร้าย เธอจะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น ไม่ยอม!
คิ้วที่ได้รูปสวยของอ้าวเสว่ขมวดแน่นขึ้น ” เธอก็อย่าลืมแล้วกันว่าเนี่ยนโม่จะขับไล่สายส่งเธอออกไปด้วยตัวเอง ”
” มันคือความยินยอมของท่านนายเย่ เพียงแค่ขอให้ฉันได้เจอคุณท่านฉันจึงจะยอมจากไปแต่โดยดี เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้น เธอก็อย่าหวังเลยว่าฉันจะยอมออกไปจากที่นี่! ”
ซางหัวพยายามฝืนตัวเพื่อลุกขึ้นมา ในตอนแรกเธอนึกว่าตัวเองทำเป็นยอมแพ้เพื่อที่จะให้ผู้หญิงคนนั้นประมาทไม่ระวังตัว นึกไม่ถึงเลยว่าเธอยังอยากจะให้ตัวเองออกไปจากที่นี่อีก ถ้างั้นตัวเธอก็คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำตัวอ่อนแออีกต่อไป
อ้าวเสว่จ้องเขม็งเงาหลังที่เดินจากไปของอ้าวเสว่ ด้วยสีหน้าที่ยังคงขมวดคิ้วแน่น ในตอนนี้มันไม่ง่ายเลยที่เธอกับเย่เนี่ยนโม่จะพัฒนาความสัมพันธ์กัน เย่เนี่ยนโม่ถึงขนาดยอมรับโทรศัพท์เธอ เพราะฉะนั้นเธอจะไม่ยอมให้ซางหัวมาก่อกวนในบ้านตระกูลเย่เป็นอันขาด อีกอย่างคำพูดของแม่ตัวเองทำให้เธอฉุกคิดมาโดยตลอด บางทีการที่ซางหัวไม่ยอมออกไป สุดท้ายเธอก็คงจะมีจุดจบที่ไม่ค่อยสวยนัก ถึงแม้ว่าเธอจะเลว แต่เธอก็ไม่อยากทำเรื่องโหดเหี้ยมอำมหิตขนาดนั้น
เธอลูบท้องของตัวเองเบาๆ อากัปกิริยาดูเชื่องช้า และทันใดนั้นก็มีความคิดหนึ่งผุดเข้ามาในหัวเธอ มุมปากของเธอยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ ที่ดูชั่วร้าย
ภายในห้องหนังสือ ฝู้เฟิ่งหยีกำลังคัดตำราอะไรบางอย่าง อ้าวเสว่ก็ยกชาเดินเข้ามา ” คุณยายคะ นี่คือชาปี้หลัวชุนชั้นดีเลยค่ะ หนูเลือกเฉพาะยอดชาของมันเลย คุณยายลองดื่มดูสิคะ ดื่มตอนนี้กำลังพอดีเลย ”
ฝู้เฟิ่งหยีมองเธอด้วยสายตาที่ดูพึงพอใจ ในช่วงนี้ไม่ว่าอ้าวเสว่จะทำอะไรเธอก็รู้สึกพอใจไปหมด แน่นอนว่าถ้าเหลนของเธอได้เกิดมาแล้วแล้วก็เธอก็คงจะพอใจมากกว่านี้
” ลูกในท้องของเธอก็สี่เดือนแล้ว ปกติก็ต้องประคบประหงมอย่างดี ร่างกายของเธอมันมีค่ามากนะ ” ฝู้เฟิ่งหยีดื่มชาไป ก็พูดกำชับอย่างละเอียด
” ได้ค่ะคุณยาย จริงสิ ช่วงนี้วัดแถบชานเมืองตงเจียงมีงานด้วยนะคะ ไม่งั้นเราไปไหว้ที่นั่นกันไหมคะ แวะเข้าไปขอพรให้คุณลุงคุณป้าด้วย แล้วก็เนี่ยนโม่อีกคน ”
ฝู้เฟิ่งหยีพยักหน้า ” ถ้าลูกหลานตั้งมั่นแล้ว คนแก่อย่างฉันก็คงต้องเรียกให้คนเตรียมการหน่อยล่ะ ”
” คุณยายคะ ที่นั่นคงพาคนไปเยอะไม่ค่อยได้หรอกค่ะ เดี๋ยวมันจะรู้ว่าเราไม่จริงใจ หนูคิดว่าซางหัวก็ไม่เลวเลยนะคะ แกดูเป็นคนฉลาดมีความคิดดี เราให้เธอไปด้วยก็น่าจะพอแล้วนะคะ ”
ฝู้เฟิ่งหยีคิดๆ ดูแล้วก็รู้สึกว่าสิ่งที่เธอพูดก็มีเหตุผลดี จากนั้นเธอก็ตะโกนเรียกให้พ่อบ้านจัดเตรียมเรื่องต่างๆ
ตอนบ่าย ในหน้าประตูวัด มือหนึ่งของซางหัวถือของใช้จำเป็นของคุณแม่ตั้งครรภ์ และอีกมือหนึ่งก็ถือเสื้อหนังสัตว์ที่อ้าวเสว่ไว้เตรียมใส่ตลอดเวลา แถมที่คอก็ยังขวดน้ำแขวนเอาไว้อีก
ฝู้เฟิ่งหยีกับอ้าวเสว่ก็เข้าไปในวัดเพื่อกราบไหว้ ซางหัวก็ยังคงยืนอยู่หน้าประตูวัดเช่นเดิม วันนี้เธอระมัดระวังตัวตลอดเพราะกลัวอ้าวเสว่แกล้งเธอ แต่อีกฝ่ายไม่มีท่าทีอะไร เพียงแต่ให้เธอถือของมากมายก็เท่านั้น
คิดเหรอว่าการที่ให้ทำแบบนี้จะทำให้เธอยอมถอยได้? ซางหัวยิ้มเย็น มือทั้งสองข้างที่ถือของเอาไว้ เมื่อผ่านไปสักพักใหญ่ มือของเธอก็เริ่มรู้สึกชาจนไร้ความรู้สึกใดๆแล้ว อ้าวเสว่ก็ประคองแขนของฝู้เฟิ่งหยีเดินออกมาช้าๆ
” คุณยายรอแป๊บหนึ่งนะคะ หนูจะเอาเงินไปใส่ตู้น้ำมันสักหน่อย มันถึงจะแสดงความจริงใจของพวกเราได้ค่ะ ” อ้าวเสว่หยิบกระเป๋าสะพายใบเล็กและยิ้มเนิบๆ พร้อมเดินไปยังตู้บริจาคเงินน้ำมัน
” เสแสร้งล่ะสิไม่ว่า ” ซางหัวพูดพึมพำคนเดียวเงียบๆ
” ซางหัว มาประคองฉันหน่อยสิจ๊ะ ” อ้าวเสว่ที่ยืนอยู่ไกลๆ ก็ตะโกนออกมา เธอจึงรีบตอบรับ และเดินสาวเท้าวิ่งตรงไปยังอ้าวเสว่
เพราะเธอยืนนานเกินไป และในมือก็ถือของไว้เยอะ มันจึงทำให้มือของเธอมีอาการชาจนแทบจะแบมือไม่ได้ ท่าทีในขณะที่ประคองอ้าวเสว่จึงดูเหมือนวางมือเบาๆ เท่านั้น
เมื่อบริจาคค่าน้ำมันเสร็จแล้ว ก็เขย่งเท้าเพื่อที่จะหยิบธูปบนกล่องทำบุญ แต่ในขณะที่เขายังเท่านั้น จู่ๆ เท้าของเธอก็ลื่น ทั้งร่างจึงโถมตัวไปยังกล่องบริจาค ทำให้ท้องฟาดเข้าไปตรงกล่องบริจาคเข้าอย่างจัง
” อ้าวเสว่! ” ฝู้เฟิ่งหยีไปประคองอ้าวเสว่ที่ล้มลงบนพื้นอย่างรีบร้อน ซางหัวลุกลี้ลุกลน จึงรีบอธิบายว่า: ” มือดิฉันชามาก แต่ก็ประคองคุณอ้าวเสว่ไปแล้วนะคะ เธอเอาตัวเองไปชนกับกล่องนั้นเองต่างหาก ”
ฝู้เฟิ่งหยีใช้หลังมือตบเข้าที่ใบหน้าเธอทันที และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: ” ถ้าหล่อนคิดว่าการทำแบบนี้จะทำให้หล่อนเข้ามาอยู่ในตระกูลเย่ได้ หล่อนคงคิดผิด หล่อนมันก็แค่คนที่ฉันจัดหาให้มาบำเรอกามเนี่ยนโม่ก็เท่านั้น ”
ซางหัวเอามือกุมที่แก้มแล้วถอยหลังไป เธอมองไปยังอ้าวเสว่ด้วยแววตาที่เคียดแค้น ทันใดนั้นก็ระเบิดอารมณ์ออกมาและเตรียมจะวิ่งเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง คนขับรถที่มาด้วยจึงรีบเข้าไปรั้งตัวเธอไว้อย่างรวดเร็ว
อ้าวเสว่พยายามที่จะลุกขึ้นมา ฝู้เฟิ่งหยีก็รีบพูดว่า: ” อย่าลุกขึ้นมาสิ ตอนนี้อย่าขยับนะ รีบไปเรียกรถฉุกเฉินมาเร็ว! ”
คนขับรถใช้มือข้างหนึ่งล็อกตัวซางหัวเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็โทรศัพท์เรียกรถฉุกเฉิน อ้าวเสว่พยายามเกร็งตัวลุกขึ้นมาจนในที่สุดก็สามารถทำได้ ” คุณยายคะ หนูไม่เป็นอะไรจริงๆ ค่ะ หนูแค่ชนเข้าไปนิดหน่อยเอง ”
” เห็นไหมเธอไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ เพราะทั้งหมดเธอแสร้งทำยังไงล่ะ ไม่แน่เด็กในท้องนั้นน่าจะไม่ใช่ของเธอก็ได้ วันนั้นฉันยังเห็นเธอกับชายอื่นอยู่ด้วยกันอยู่เลย ” ซางหัวตะโกนออกมาอย่างไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้น
อ้าวเสว่ตกใจจนสะดุ้ง สีหน้าโกรธแค้น เธอเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าซางหัว และเงื้อมมือขึ้นตบเธออย่างจัง ” ระวังปากด้วย! เธอบอกเองว่าเธอชอบเนี่ยนโม่ ฉันได้ขอให้คุณยายเอาเธอไปไว้ข้างกายเขา ฉันให้โอกาสเธอแล้ว แต่ทำไมเธอถึงทำกับฉันแบบนี้! ”
มือที่เธอตกลงมามันแรงมาก ส่งผลให้แหวนบนนิ้วขูดใบหน้ารูปไข่ของซางหัวเข้า ผู้คนรอบข้างต่างที่ชี้นิ้วนินทา มองอ้าวเสว่ที่ตบหน้าหญิงสาวหน้าตาดีคนนั้น
อ้าวเสว่โค้งตัวลงแล้วประคองท้องของตัวเอง ฝู้เฟิ่งหยีจึงเข้ามาประคองเธอ ทั้งสองค่อยๆ เดินลงบันได ซางหัวมองตามหลังพวกเธอด้วยความโกรธแค้น
แต่เมื่อคนขับรถปล่อยตัวเธอ เธอจึงรีบตามท่านนายเย่ไปทันที ซางหัวสูดหายใจเข้า จากนั้นก็สาวเท้าแล้ววิ่งไป อ้าวเสว่หันกลับไปมองด้วยความหวาดระแวง พอคิดที่อยากจะหลีกออก มือทั้งสองข้างของซางหัวก็ผลักเข้าที่หลังเธออย่างแรง
” กรี๊ด! ” เสียงร้องด้วยความตกใจ อ้าวเสว่เท้าลอยขึ้นเหยียบบนอากาศจากนั้นก็ล้มลง จากนั้นก็กลิ้งลงบันไดวัดตกลงไปข้างล่าง ซางหัวมองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ จนไม่รู้จะทำอะไรจึงหันตัวแล้ววิ่งหนีไป
” อ้าวเสว่เธอไม่เป็นไรนะ รถฉุกเฉินทำไมยังไม่ถึงอีกเนี่ย? ”
เสียงของฝู้เฟิ่งหยีที่ดังอยู่ข้างๆหู บางครั้งก็ฟังดูใกล้บางครั้งก็ไกล อ้าวเสว่เริ่มขมวดคิ้ว เธอรู้สึกถึงอะไรอุ่นๆที่ไหลออกมาตรงส่วนล่างของเธอ ในเวลานี้เธอเริ่มรู้สึกลนลานขึ้นมาเลย
” คุณยายคะ หนูกลัว! ” อ้าวเสว่ดึงแขนเสื้อของฝู้เฟิ่งหยีเพราะคุมสติไม่อยู่ พร้อมกลอกตามองไปรอบข้าง ภายในท้องรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาเป็นระยะ และในที่สุดเธอก็หมดสติไป
เย่เนี่ยนโม่ได้รับโทรศัพท์ในขณะที่กำลังจะขึ้นรถ เมื่อได้ยินดังนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ความหนาวเย็นคืบคลานเข้ามาบนร่างกายของเขา ” เฝ้าดูตรงนี้ดีๆ ไม่อนุญาตให้เกิดข้อผิดพลาดอะไรทั้งนั้น ”
ภายในห้องพักผู้ป่วย อ้าวเสว่ที่สลบไปหนึ่งวันเต็มก็สะลึมสะลือเพราะได้ยินเสียงก้าวเท้าของใครบางคนที่เข้ามาในห้อง จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบว่า ” อาการเป็นไงบ้าง ”
” ทารกในครรภ์ปลอดภัยดีครับ แต่แม่เด็กอาจเสี่ยงกับการมีภาวะรกเกาะต่ำ ไม่สามารถเกิดเหตุการณ์สูญเสียเลือดได้อีก ไม่งั้นจะไม่สามารถรักษาชีวิตทารกในครรภ์ได้ และชีวิตแม่เด็กก็จะเป็นอันตรายเช่นกัน ”
หลังจากเสียงเงียบ ก็เป็นเสียงฝู้เฟิ่งหยีที่พูดขึ้นมา ” เนี่ยนโม่ ทำไมกลับมาแค่คนเดียว แล้วเลขาล่ะไปไหน? ”
อ้าวเสว่ที่ตอนนี้ได้ตื่นแล้ว ก็ยังคงหลับตาแกล้งหลับต่อไป ในใจก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา เย่เนี่ยนโม่มักเอาเย่ป๋อติดตัวไปด้วยเสมอ นอกจากจะมีเรื่องสำคัญจึงจะใช้ให้ไปทำแทน
จากนั้นหูของเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่นิ่งและมั่นคงเดินเข้าใกล้มา เธอจึงรีบสงบจิตสงบใจ มือของใครบางคนเอื้อมมาเช็ดเหงื่อที่เป็นเม็ดจนเปียกผมสวยบนหน้าผากของเธอ มือนั้นมันหยุดชะงักไป แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขยับไปไหน
เมื่อเธอลืมตาขึ้นมา จึงเอื้อมมือไปจับชายเสื้อของเขาด้วยแรงที่มีเพียงน้อยนิดอย่างสุดความสามารถ ” คุณจะไปแล้วเหรอคะ? ”
ฝู้เฟิ่งหยีได้พาหมอออกไปจากห้องนั้นเงียบๆ ภายในห้องจึงเหลือแค่สองคนนี้เท่านั้น เย่เนี่ยนโม่ปัดมือของเธอออกแล้วหันตัวโดยที่ไม่มีท่าทีที่ดูรักเธอเลยแม้แต่น้อย
สีหน้าอ้าวเสว่ดูเศร้าสุดหัวใจ ริมฝีปากขาวซีดสั่นเทิ้ม เธอไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะฉุดรั้งเขาเอาไว้ จนกระทั่งเธอเห็นว่าเขาถอดชุดสูทออก และนั่งลงบนเก้าอี้ที่ห่างออกไปไม่กี่ก้าวตรงนั้น จากนั้นก็หยิบหนังสือพิมพ์บนโต๊ะน้ำชาขึ้นมา
” คุณ ” อ้าวเสว่เปิดบทสนทนาด้วยความตกตะลึง จากนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาบนใบหน้าของเธออย่างหยุดไม่อยู่ เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้ว เขาวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วเดินมาตรงหน้าเธอ
อ้าวเสว่กอดเอวของเขาเอาไว้ การรอคอยของเธอเพียงหนึ่งวันมันก็นานมากพอแล้ว เหมือนกับเธอกำลังเคลื่อนตัวในหลุมโคลนอย่างยากลำบาก ตอนแรกนึกว่าตัวเองจะจมลงไปจนตายแล้ว แต่ในเวลานั้นเองกลับมีใครบางคนโยนเชือกเส้นหนึ่งลงมาให้เธออย่างเต็มใจ ทำให้เธอกลับมาหายใจได้อีกครั้ง
เย่เนี่ยนโม่ยังคงยืนอยู่กับที่ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์และความรู้สึก เขาไม่ได้ผลักเธอออก แต่ในแววตานั้นมันไร้ซึ่งความรัก ในใจของเขามีเพียงแค่หญิงสาวอีกคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ว่าจะยังไงติงยียีก็จะกลับมาแล้ว ความอ่อนโยนและความอบอุ่นในตอนนี้ก็ถือว่าเป็นรางวัลที่เธอคลอดลูกด้วยความเต็มใจแล้วออกไปจากที่นี่ก็แล้วกัน
ติงยียี ใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงมาหลายวัน แต่เย่เนี่ยนโม่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เลย ทุกอย่างกลับมาเหมือนชีวิตเมื่อก่อน
ถ้าไม่ใช่เพราะสมองของเธอยังคงกลับไปฝันเห็นฉากพบเจอฉากนั้นตอนเที่ยงคืน เธอคงคิดว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะตัวเธอที่คิดไปเอง